และวันสุดท้ายที่ก่อนก้าวออกจากอาณาจักรขนมหวาน พายหอมได้ใบรับรองการทำงานด้วย นับเป็นโชคดีที่หล่อนได้ถ่ายภาพรวมกับฌอน ร่วมกับพนักงานอีกหลายสิบชีวิต
ภาพในวันนั้นยังตราตรึงในหัวใจ
“ขอบคุณที่เป็นส่วนหนึ่งกับเราสวัสดีเบอร์เกอร์รี่” ฌอนกล่าวกับหล่อนเช่นนั้น พร้อมจับมือแน่น แม้จะเป็นเพียงเสี้ยววินาทีสั้นๆ แต่พายหอมยังหวนคิดถึงเสมอ
“คือ หนูพายไม่ได้แค่อยากร่วมงานค่ะ อยากร่วมชีวิตคู่ด้วยได้ไหมฮิ ๆ” หล่อนพูดกับตัวเอง และหัวเราะออกมา
เป็นยามสายที่หล่อนเพิ่งกลับเข้ามาในร้านขนม และบอกตัวเองเป็นหนที่สิบนับแต่ตื่นนอน
“เฮ้อ เลิกคิดถึงเขาได้แล้ว ตอนนี้...ทุกอย่างกำลังแย่สุดๆ ขาดผู้ชายยังมีลมหายใจ แต่ถ้าขาดเงินนี่สิชีวิตคงไม่รอด”
เอ่ยจบจึงสลัดความคิดเลื่อนเปื้อนออกจากหัว
พายหอมจอดรถจักรยานยนต์คันเก่าไว้ด้านข้างร้านสวัสดีเบเกอรี่สาขาบ้านชมชื่น ซึ่งเป็นของป้าชวนชื่นกับลุงชมเชยญาติห่างๆ ที่หล่อนมาพักอาศัยในจังหวัดทางตอนบนของภาคอีสาน และหล่อนนั้นเป็นสาวน้อยบ้านนาของแท้ รูปร่างสูงสมส่วน ผิวพรรณนวลเนียนสองสี และโครงหน้านั้นนับว่าสวยเก๋ แล้วสิ่งที่ยั่วยวนสายตาหนุ่มๆ ได้ดีคือหน้าอกอวบสวย เอวคอดกิ่ว กับสะโพกพาย พร้อมเรือนผมยาวตรงน่าสัมผัส มองยามใดก็เหมือนนางในวรรณคดีไทย
ตอนนี้พายหอมต้องเรียนในระดับมหาวิทยาลัยของเอกชนไปด้วย และหวังจะมีที่ซุกหัวน้อยพร้อมอาหารครบสามมื้อ หล่อนจึงมาช่วยลุงกับป้าที่ร้านแห่งนี้
บ่ายวันนี้หล่อนไม่มีเรียน จึงรีบมาช่วยงานในร้านขนมหวานเล็กๆ ตรงหัวมุมถนน ร้านดังกล่าวเปิดมาร่วมสามสิบปี มีสภาพทรุดโทรมไปตามกาลเวลา เจ้าของเป็นคุณลุงแก่ๆ มีศักดิ์เป็นพี่ชายของแม่ ซึ่งทั้งที่เขาทำงานหนักหากไม่มีเงินเก็บ แม้แต่รถส่งขนมหวานยังต้องใช้รถตู้ที่ดูเหมือนกระป๋องนมบุบๆ บี้ๆ
“มาสคอตน้องสวัสดีเรียกแขกไม่ได้แล้วลุงชม” หล่อนว่าเสียงอ่อย เมื่อวานหล่อนใส่ชุดมาสคอตไปเรียกลูกค้า แต่ที่เดินเข้าร้านนับได้ไม่ถึงสิบคน ดังนั้นของในร้านจึงต้องนำออกไปเร่ขายตามออฟฟิศและสำนักงานราชการในบริเวณใกล้เคียง กระนั้นยังมีบางส่วนที่เหลือค้างพลอยให้ชายสูงวัยต้องเครียดจัด
“น้องสวัสดี ทำงานมานาน คงนานพอๆ กับลุงนี่แหละ มันทั้งเก่า ไม่น่าดู แบบนี้ใครจะสนใจ”
ชายสูงวัยว่าพร้อมถอนหายใจหนักหน่วง มาสคอตเจ้าชายช้างตัวโตน่ารักซึ่งเคยเป็นขวัญใจของทุกคน วันนี้กลายเป็นสิ่งที่เด็กๆ ไม่ให้ความสนใจ มิหนำซ้ำหลายคนยังแอบแกล้งอยู่บ่อยครั้ง สดๆ ร้อนๆ เมื่อครู่หล่อนถูกใครบางคนจับก้นด้วย!
“วันนี้ให้หนูเคลียร์ของและเอาไปขายอีกไหมคะ ลุงจะได้ไม่ต้องเหนื่อย ให้ได้เงินกลับมาบ้างสักหน่อยก็ยังดี”พายหอมถาม หล่อนไม่อยากให้เจ้าของร้านวัยเจ็ดสิบห้าต้องเป็นทุกข์อีก นอกจากยอดขายสาขานี้ไม่ดีเอามากๆ ภรรยาเขายังป่วยกระเสาะกระแสด้วย
“ลุงอยากรออีกสักพัก เผื่อมีลูกค้าเก่าๆ แวะมา”
ทั้งที่เอ่ยอย่างนั้น แต่สายตาชมเชยคล้ายคนสิ้นหวัง
วันแล้ววันเล่าที่เขารอลูกค้าให้เข้ามาที่ร้าน แต่หลายคนเดินผ่านและมุ่งไปยังร้านสะดวกซื้อ และคาเฟ่หรู ส่วนฝั่งตรงข้ามมีร้านอาหารฟาสฟูตส์มาเปิดบริการแบบ ยี่สิบสี่ชม. ผู้ปกครองชอบไปนั่งรอลูกหลาน ช่วงบ่ายเป็นกลุ่มวัยรุ่นจับกลุ่มกันเข้าไปกินอาหารอย่างมิขาด เพราะใครๆ ก็ชอบของใหม่ที่ดูโก้เก๋
“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวหนูพายออกไปยืนแจกขนมหน้าร้าน เรียกลูกค้าดีไหมคะ” หญิงสาวเสนอ
หล่อนอยากทำอะไรบ้าง ดีกว่านั่งแกร่วรอลูกค้าเช่นนี้
“เออ...หนูพาย ถ้าเดือนหน้าทุกอย่างไม่ดีขึ้น ลุงคงประกาศขายร้าน ได้เงินมาเท่าไหร่จะได้ใช้หนี้เขา และหนูพายไม่ต้องห่วง ลุงจะฝากงานให้หนูทำงานกับเพื่อน...”
หญิงสาวใจหายเมื่อได้ยินเช่นนั้น หล่อนอยากช่วยชายชราเหลือเกิน แต่หล่อนเป็นเพียงนักศึกษาวัยสิบแปดปี แรงกายทั้งหมดเท่าที่มีก็ช่วยในการส่งขนมหวานของร้าน บ้างครั้งออกไปตั้งบูทในชุมชน กระนั้นยอดขายยังไม่กระเตื้อง พอเหลือกลับมาก็ต้องขายลดราคาในช่วงหัวค่ำ บางทีต้องลากยาวไปจนถึงสามทุ่มกว่าของจะหมด
“ถ้าขนมพวกนี้ขายไม่ดี ทำไมไม่เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นละคะ”
“มันขายได้ แต่”ลุงชมเอ่ยแล้วก็น้ำตาซึม เขาอยู่กับสวัสดีเบเกอรี่มานาน ขายขนมหวานหลากหลายชนิด และยอดขายตลอดระยะเวลาเกือบสามสิบปีดีมาตลอด กระทั่งภรรยาป่วยด้วยสารพัดโรคตามวัย เขาจึงมีค่าใช้จ่ายมากขึ้น จนชักหน้าไม่ถึงหลัง ประกอบกับมีร้านสะดวกซื้อเจ้าใหญ่ที่มีคาเฟ่ชื่อดังอยู่ข้างใน กับร้านอาหารฟาสต์ฟูดส์มาเปิดแบบยี่สิบสี่ชั่วโมงมาเปิด จึงดึงลูกค้าเกือบเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ไป
“ถ้าลุงชมมั่นใจว่าขนมพวกนี้ยังขายได้ เรามาสู้ด้วยกันอีกสักตั้ง หนูพายจะเป็นกำลังเสริมให้เองค่ะ”
“ได้สิลูก ลุงจะสู้ไปกับสวัสดีเบเกอรี่”
ลุงชมว่าแล้วก็หันไปมองรูปภาพข้างฝาผนัง เป็นรูปถ่ายที่เขาภูมิใจด้วยเป็นการเปิดสาขาแฟรนไชส์ครั้งแรก
ชมเชยกับภรรยาได้ถ่ายรูปร่วมกับเจ้าของบริษัท เพียงนภา วอล์คเกอร์ อีกฝ่ายเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถรอบตัว และเปี่ยมด้วยความเมตตา
“น่าเสียดายที่คุณเพียงนภาจากโลกนี้ไปแล้ว ไม่อย่างนั้นท่านคงไม่ทิ้งให้เราต้องเผชิญชะตากรรมอย่างนี้” ชมเชยเอ่ยเสียงเครือ เขาคิดถึงวันคืนเก่าๆ ที่เก็บเงินไปเพื่อขอซื้อเเฟรนไชส์กับเจ้าของบริษัทสวัสดีเบเกอรี่ และรีบส่งคงมาดูสถานที่ ระยะเวลาหลังจากนั้นเพียงหนึ่งเดือนเศษร้านแห่งนี้ก็เปิดบริการ สร้างความสุขและเม็ดเงินให้เขาเป็นกอบเป็นกำ
“แต่ตอนนี้คุณลุงยังอยู่ และหนูพายจะไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ เรามาช่วยกัน ทำร้านนี้ให้กลับมาคึกคักอีกครั้งนะคะ”
“ได้...ลุงเชื่อว่าขนมพวกนี้เป็นสิ่งมหัศจรรย์ และรสชาติของมันจะทำให้ทุกคนมีความสุข ขอเพียงได้ลองชิมสักครั้งก็จะติดใจ”ชายชราเอ่ยจบจึงมองไปยังประตูร้าน ขณะนั้นทั้งพายหอมและชายสูงวัยต่างดีใจ ด้วยตลอดบ่ายแทบไม่มีลูกค้าเข้าร้าน
“เดี๋ยวหนูไปรับเองค่ะ”
พายหอมยิ้มกว้าง หล่อนก้าวฉับๆ ไปเปิดประตู
แวบแรกที่บานประตูเปิดเข้ามา พายหอมต้องนิ่งค้างไปสองสามวินาที กลิ่นตัวอีกฝ่ายหอมจนน่าหลงใหล เป็นกลิ่นวนิลาอ่อนๆ คล้ายขนมหวาน
โอ๊ย น่ากินเป็นบ้าผู้ชายตัวล่ำคนนี้