พายหอมได้เป็นพี่เลี้ยงให้ฌอนในการเลือกร้านอาหารตามสั่งริมฟุตบาท ตอนแรกหล่อนอยากกินผัดไทย แต่ฌอนบอกว่าต้องรักษาหุ่น ขอเป็นโปรตีนหรือผักจะดีกว่า พูดแล้วก็เบ่งกล้ามแขนกำยำให้พายหอมดู
“คุณสมหมายเนี่ยขี้อวดนะคะ”หล่อนว่าแล้วหัวเราะกิ๊ก ผู้ชายอะไรหล่อมากอยู่หรอก แต่แอบอ่อยจัดหนักหน่วงจนพายหอมแทบอดใจไม่ไหว เนี่ยถ้าหล่อนเกิดใจแตกขึ้นมาคงลากเขาเข้าโรงแรมแถวนี้แน่ๆ
“พายหอมครับ เรามีของดีก็ต้องแบ่งคนอื่นชมบ้าง ถ้าเอาแต่เก็บไว้ในร่มผ้า แล้วผมจะขายออกเหรอ นับวันอายุก็มากขึ้น กลัวครับ กลัวไม่มีแม่สาวน้อยอยู่ข้างกาย”
ฌอนเปิดใจเต็มที่ แน่นอนเขาถูกใจพายหอม อดีตสาวโรงงานในบริษัทเมื่อเกือบหนึ่งปีก่อน หล่อนอยู่ในแผนกจัดส่งสินค้า ด้วยบุคลิกหวานนิดๆ ดูก๋ากั๋นเฮฮาเป็นตัวของตัวเอง เขาจึงประทับใจมาจนถึงวันนี้
ในคืนงานเลี้ยงประจำปีของบริษัท พายหอมได้เป็นส่วนหนึ่งของงาน และหล่อนยังเป็นผู้หญิงอายุน้อยที่สุด ที่ขึ้นไปรับรางวัลขวัญใจสาวโรงงานขนมหวานรุ่นใหม่ และฌอนเทใจเชียร์หล่อนอย่างเต็มที่
ในคืนนั้น ด้วยเป็นถึงซีอีโอของบริษัทจึงได้แต่มองอีกฝ่ายอยู่ห่างๆ และส่งให้คมสัน คอยดูแลหล่อน เพราะเป็นห่วงในการเดินทางกลับ ด้วยงานเลี้ยงเลิกเกือบสี่ทุ่ม แต่แทนที่พายหอมจะใช้แท็กซี่เหมือนคนอื่น หล่อนเลือกรถเมล์ประจำทาง เป็นเหตุให้เขาต้องขับรถตามไป จนเห็นว่าหล่อนเข้าหอพัก
การกระทำในคืนนั้นบอกให้หนุ่มใหญ่รู้ว่า เขาได้ตกหลุมรักหญิงสาวเข้าแล้ว แต่หลังจากนั้นมีภารกิจดูแลตลาดหลายสาขา เขาจึงได้แต่ให้คมสันติดตามข่าวของหล่อน กระทั่งรู้ว่าพายหอมมาช่วยงานที่สาขาบ้านชมชื่น ด้วยเหตุนี้เขาจึงตั้งใจมาช่วยเหลือทั้งร้านและตั้งใจอยากมาสานความสันพันธ์กับพายหอมเพิ่ม
“แหม ระดับคุณสมหมาย ไม่ต้องโชว์อะไร ก็มีสาวๆ มารอเข้าแถวกันเป็นร้อยแล้วมั้ง”
พายหอมว่าและลอบมองใบหน้าหล่อเหลา แม้จะมีแว่นหนาๆ ราคาถูกบดบังไว้ครึ่งหน้า แต่ดวงตาคมคู่นั้นก็พราวระยับยั่วใจ จนหล่อนอยากเขยี้วงมันทิ้ง และโน้มคอเขามาจุมพิตริมฝีปากกว้างสีแดงสด
“โอ๊ย คนพนักงานจนๆ อย่างผมใครจะสนใจ”
“พูดแบบนี้ หนูพายนึกสงสารตัวเองเลยนะคะ นี่ไม่ใช่แค่จน แต่นามสกุลไม่ดัง แล้วยังเรียนไม่จบ แถมชอบฝันหวานอีกต่างหาก”
“เอ พายหอมฝันเกี่ยวกับอะไรบ้าง อยากเล่าให้ผมฟังไหมครับ” ฌอนถาม ดวงตาคมทอแสงอ่อน ส่งถึงใจหญิงสาว
อาหารคืนนั้นอร่อยถูกใจทั้งคู่ แต่พอท้องอิ่ม พวกเขาก็เลือกเดินย่อยที่สวนสาธารณะซึ่งเปิดจนถึงเที่ยงคืน
“ผมไม่ได้ยืดเส้นยืดสายใกล้ชิดต้นไม้ แบบนี้นานแล้วนะครับ”
“หนูพายเนี่ยประจำเลยค่ะ เพราะไม่มีเงินค่ารถ”
“หืม แต่เดินเปลี่ยวๆ มันอันตรายอยู่นะครับ”
“ก็จริงนะคะ แต่ทำยังไงได้ ในเมื่อเราไม่มีทางเลือกมาก แต่มันทำให้หนูพายแกร่ง และยังจักรู้คุณค่าของเงินมากๆ ด้วย”
“พายหอมเป็นผู้หญิงน่ารัก และมองโลกในแง่ดีจัง”
“เปล่าหรอกค่ะ แค่พยายามเข้าใจโลกมากกว่า” หล่อนตอบตามตรง
“อืม แล้วจะบอกผมได้หรือยังว่า พายหอมชอบฝันถึงอะไร”
“โอ๊ยให้เล่าจริงๆ เหรอคะ มันน่าอาย”
“อายครูแล้วจะรู้วิชาเหรอครับ”ฌอนหยอดขนมหวานล่อหลอกหญิงสาว
“อุ๊ย แล้วคุณสมหมายเป็นครูตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย เซี้ยวใหญ่แล้วนะคะ” ดวงหน้าหล่อนเห่อแดง มือไม้นั้นพันกัน
“ก็เพิ่งเป็นเมื่อครู่นี่ละครับ เพราะเห็นลูกศิษย์น่าสอน ผมเลยเสนอตัวอยากเป็นครูใหญ่ให้พายหอมไง”
“ว้าย พูดแบบนี้ หนูพายเขินแย่สิคะ เอาไม่แล้ว กลับห้องก่อนดีกว่า ขืนคุยกันแบบนี้ทั้งคืน คงไม่ได้หลับได้นอน อิๆ” หล่อนหัวเราะเสียงสดใส
“อ้าว อย่าหนีกันไปดื้อๆ สิครับ พายหอมยังไม่แก้ความฝัน เอ๊ย... ยังไม่บอกผมเลยว่าฝันถึงเรื่องอะไรบ้าง”
เขาก้าวตามหล่อน และยืนขวางทางเดินเอาไว้ด้วยการกางแขนกว้าง ภาพนั้นทำให้พายหอมอยากโผเข้าไปซุกอกแกร่งๆ ของฌอนแทบในทันที
“ถ้าเงียบๆ แบบนี้ ผมจะปล้ำ เอ๊ย... ผมจะไม่ยอมให้พายหอมหนีไปไหนนะครับ”
“โอเคค่ะ หนูพายบอกก็ได้ แต่อย่าถึงกลับปล้ำเลยนะคะ ขอกันดีๆ แค่นี้ก็ยอมแล้ว”
หล่อนว่าอย่างทะเล้น และแล่บลิ้นเล็กๆ ออกมา
ฌอนยิ้มกว้าง รอฟังสิ่งที่หล่อนจะเล่า จากนั้นทั้งสองจึงเดินไปยังม้านั่งสีขาว ใต้แสงไฟที่ส่องสว่าง
“อันที่จริง หนูพายไม่อยากเล่านักหรอกค่ะ แต่ไหนๆ เห็นคุณอยากฟัง และมันอยู่ในใจมานาน ถ้าได้พูดออกมา บางทีคงเหมือนการปลดปล่อยมั้งคะ”
“ใช่ เป็นสิ่งที่ดีนะครับ และไว้ใจผมได้ ผมแมนพอไม่เอาเรื่องของผู้หญิงไปนินทาลับหลัง”
“แหม คุณสมหมายเนี่ย... ชอบพูดให้ใจเสียอยู่เรื่อย” หล่อนว่าและมันเขี้ยวมาก เลยใช้กำปั้นเล็กๆ ทุบที่หัวไหล่เขา พอได้ออกแรงก็รู้สึกดีเป็นบ้า ผู้ชายคนนี้ทนไม้ทนมือ และยังดูเหมือนชอบให้หล่อนใช้กำลังด้วย
“เป็นไงครับ โล่งใจขึ้นไหม”
“ฮิๆ ๆ มีกระสอบทรายส่วนตัว มันดีแบบนี้ เวลาอารมณ์เสีย หรือหงุดหงิดจะได้ใส่พลังกับคุณเต็มที่...” หล่อนว่าแล้วจึงมองไปยังผิวน้ำเบื้องหน้าที่มีแสงจันทร์ส่องกระทบ
มองอยู่เพียงประเดี๋ยวก็เริ่มเล่าถึงสิ่งที่อยู่ในใจ
“หนูพาย ชอบฝันถึงคนๆ หนึ่งน่ะคะ”
หล่อนว่าเสียงเบา ท่าทางเขินอายมาก ดวงตานั้นเป็นประกรายสดใส
“และมันน่าแปลกใจ ที่ในความฝัน หนูพายจะได้รับการดูแลจากเขาเป็นอย่างดี มันเป็นประสบการณ์พิเศษ แบบส่วนตัวนิดนึง”
ฌอนฟังอยู่เงียบๆ พอเดาออก พายหอมไม่ใช่คนซื่อ หล่อนช่างฝันและชอบพูดตรงไปตรงมา
“อันที่จริง ที่ฝันแบบนี้คงเป็นเพราะหนูพายปลื้มเขา แต่น่าเสียดายที่ มันคงเป็นความจริงไม่ได้ คนระดับนั้นจะมามองเด็กกะโปโลสวมผ้ากันเปื้อนได้ยังไง คงเหมือนตอนนี้ที่หนูพายทำได้ ก็คงเป็นแค่การไล่จับเงาจันทร์ในแม่น้ำ”
“ผมว่า บางทีพายหอมต้องกล้าให้มากนะครับ ความกล้าจะทำให้ฝันเป็นจริงได้ ดูอย่างผมสิ”
“คุณสมหมายพูดถึง...”
“เหมือนตอนนี้ ที่ผมกล้าขอพายหอมเดทยังไงล่ะครับ”
ดวงตากลมโตหันมามองชายหนุ่มเต็มสองตา หล่อนไม่ได้นึกรังเกียจสมหมาย ออกจะชอบเขามากเสียด้วย หนุ่มตัวโตลูกครึ่ง ถึงแม้อายุจะห่างกันสิบกว่าปี แต่ไม่ใช่ปัญหา
“ดะ เดทกันเลยหรือคะ แล้วเดทเนี่ย มีลิมิตไหมเอ่ย” หล่อนโยนหินถามทาง และเลี่ยงหลบสายตาคมที่ส่งความหวานเชื่อมให้
“ก็ขึ้นอยู่กับว่า พายหอมอยากให้เป็นแบบไหน สำหรับผม ผมยอม... ให้คนสวยนำทางทุกอย่างเลยครับ”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ เราต้องแฟร์ๆ เท่าเทียมกันทั้งสองฝ่าย ในทุกๆ ลีลาฮิๆ” หล่อนว่าแล้วก็รีบยกมือปิดปากตัวเอง ที่ชอบปล่อยความในใจออกไปให้เขารับรู้
“ฮ่าๆ ๆ พายหอมทำให้ผมคิดไปถึงไปไหนต่อไหนแล้ว สงสัยคืนนี้กว่าจะนอนหลับคงต้อง ทำการบ้านหนัก”
“ว้ายตายแล้ว หนูพายหมายถึงการกินเก่งต่างหากค่ะ” หล่อนเอ่ยและยื่นมือมาตีแขนเขาไปหนึ่งที จากนั้นก็พูดเจื้อยแจ้วต่อ
“อีกอย่างหนูพายเอาแต่ใจมาก และที่สำคัญ...หล่อๆ กล้ามโตแบบคุณเนี่ย หนูพายหวงมาก ห้ามใครมาวอแวเชียว”
“โอ้ ขอให้หึงให้หวงเถอะครับ ผมชอบ ขาดความรู้สึกแบบนั้นในชีวิตมานานแล้ว”
เอ่ยจบเขาก็แบมือออก
“ขอกันง่ายๆ เลยเหรอคะ”
“ครับ... เริ่มที่จับมือได้ไหม”
พายหอมยิ้ม หล่อนยิ้มกว้างด้วยความสุขใจ ก่อนเอ่ยว่า “มากกว่าจับมือ หนูพายก็พร้อมค่ะ”