Chapter 4 **คนเอาแต่ใจ** 2

1115 คำ
ต่อมา ปั้นหยามาถึงบริษัทศิริทรัพย์ พร็อพเพอร์ตี้ พนักงานมองเธอในฐานะคนแปลกหน้า แต่ก็ไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก ต่างคนต่างเริ่มที่จะทำงาน เพราะยังไม่มีใครรู้ว่าเธอมาทำอะไร สงสัยแต่ว่าทำไมมากับก้องการุณ ซึ่งเป็นผู้ช่วยคนสนิทของท่านประธานแบบนี้ “เฮ้อ” ปั้นหยาถอนหายใจทิ้งหนักๆ ตั้งใจให้ก้องการุณได้ยิน ระหว่างที่กำลังขึ้นลิฟต์แก้วมุ่งหน้าสู่ชั้น 21 ซึ่งเป็นชั้นที่ท่านประธานทำงานอยู่ “หึหึ ไม่ได้อยากทำงานที่นี่จริงๆ เหรอครับ” ก้องการุณถามแบบจริงจังแต่มีเสียงหัวเราะในลำคอ “เอ่อ... ก็... ไม่เชิงค่ะ” “ผมไม่รู้ว่าระหว่างคุณหยากับท่านประธานเกิดอะไรขึ้น แต่ผมว่าลองวางทิฐิลงก็ยังดีนะครับ มันไม่ได้แย่ขนาดนั้น” “เราพบกันในแบบที่ไม่น่าพิศมัยสักเท่าไหร่ค่ะ” “จะเป็นไปได้ไหมครับ ถ้าเราจะวางทิฐิลงสักนิด” “เฮ้อ” ปั้นหยาไม่ตอบแต่กลับถอนหายใจอีกครั้ง “หยาไม่อยากทำงานกับเขา เราทะเลาะกัน แบบ...” “ลองปรับความเข้าใจกันดูนะครับ อาจจะได้เห็นอะไรดีดีก็ได้” ติ้ง! ยังไม่ทันที่ก้องการุณจะได้พูดอะไรต่อ ลิฟต์ก็ถึงชั้นที่ 21 พอดี “ไปครับ ผมจะพาไปจัดการมื้อเช้าให้ท่านประธานด้วย” ก้องการุณบอกพร้อมกับเดินนำเข้ามาไปที่ห้องทำงานของตฤณ ซึ่งเป็นห้องใหญ่ ซับซ้อน ด้านหน้ามีห้องทำงานของผู้บริหาร 2 ห้อง พนักงานนับสิบ เมื่อถึงห้องของตฤณจริงๆ เป็นกระจกใส เปิดเข้าไปเป็นโต๊ะทำงาน 2 โต๊ะ โซฟารับแขกและมีเคาน์เตอร์เครื่องดื่ม และห้องของตฤณจริงๆ คือด้านในสุด ปั้นหยาเคยมาแล้วเมื่อวานแต่เธอต้องอยู่ในห้องรับแขกเสียก่อน “เอาล่ะ มาดูผมนะ เดี๋ยวผมจัดเครื่องดื่มให้ดู” ว่าแล้วก้องการุณก็เอาน้ำเต้าหู้ใส่แก้วให้และปลาท่องโก๋ใส่จาน จากนั้นก็นำทั้งหมดใส่ถาด แล้วยื่นให้ปั้นหยาเสียอย่างนั้น “อ้าว! เอาเข้าไปเองสิคะ” “ท่านประธานใช้คุณนะครับ” “พวกคุณบังคับฉันตั้งแต่เช้า” ปั้นหยาบอกพร้อมกับรับถาดเอาไว้ แล้วเดินตรงไปยังประตูซึ่งเป็นบานกระจกขุ่น โดยก้องการุณผลักเข้าไปให้ ทว่าปั้นหยายังไม่กล้าก้าวเข้าไปเสียทีเดียว เธอรวบรวมความกล้าก่อนเดินเข้าไป จากนั้นก้องการุณก็ทิ้งให้เธอเข้าไปเพียงลำพัง “คุณก้อง” ปั้นหยาได้แต่เรียกก้องการุณเบาๆ เพื่อขอความเห็นใจ พร้อมกับหันไปมองแต่ไม่ทันเสียแล้ว พอหันกลับมามองในห้อง กลับพบเพียงความว่างเปล่า ไม่มีคนนั่งอยู่ เธอจึงเดินเข้าไปช้าๆ แล้ววางถาดก่อนจะหยิบแก้วน้ำเต้าหู้และจานปลาท่องโก๋เอาไว้ เสร็จแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจอารมณ์ซังกะตายเหมือนคนไม่อยากทำงาน “ขอบคุณครับ” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยเบาๆ แต่ทำให้เธอสะดุ้งและหันไปมองเจ้าของเสียงพร้อมกับทำตาโต และกำลังจะอ้าปากต่อว่าเขา ทว่าเธอได้สติก่อนจึงยั้งปากทัน “ต่อไปมาพร้อมกันเนอะ จะได้ไม่ต้องใช้รถหลายคัน อีกอย่างเปลืองน้ำมัน” นี่ตฤณพูดเอ่งเออเองเก่งจริงๆ เลยนะเนี่ย เธอคิด พลางมองหน้าเขานิ่งๆ แบบไร้อารมณ์สุดๆ “นี่คุณ เมื่อวานพูดไปแล้ว ว่าฉันไม่ทำงานกับคุณ” ปั้นหยาบอกเสียงเรียบ “ก็คุณมาแล้วนี่ไง” “คุณข่มขู่” “อ้าวเหรอ” เขาแสไม่รู้ไม่ชี้เสียอย่างนั้น “อื้อ! น้ำเต้าหู้น่ากินนะเนี่ย” ตฤณเปลี่ยนเรื่องพร้อมกับเดินไปนั่งที่เก้าอี้ทำงาน ขณะที่ปั้นหยายืนมองพลางถือถาดเอาไว้แอบยิ้มมุมปาก ก่อนจะแบมือขวาแล้วยื่นไปหาเขา “ค่าเต้าหู้ค่ะ” “หืม อะไร ทำไมขี้เหนียว” “ไม่ฟรีค่ะ คุณบังคับให้มา บังคับให้ซื้อ ใครจะให้ฟรีล่ะ” “ขอกินก่อนนะครับ แล้วจะเอาให้” ดูเหมือนเขาจะว่าง่าย เธอคิด “ก็ได้ งั้น กินสิคะ กินให้หมดไม่อิ่มก็มีให้อีกถุง” “น่ารักนะเนี่ย” ตฤณแกล้งแซวก่อนจะยกน้ำเต้าหู้ขึ้นเป่าเล็กน้อยเพราะกลัวว่าจะร้อน ก่อนจะยกดื่ม ขณะที่ปั้นหยาก็ลุ้นตามเสียเหลือเกิน “อื้อหือ!” ตฤณกินเข้าไปคำเดียวแทบจะพุ่งออกจากปาก และแน่นอนว่ามันพุ่งออกมาแล้วนิดหน่อย “ทำไมหวานขนาดเนี่ย” ตฤณว่าพลางชักสีหน้าใส่เธอ พร้อมกับทำน้ำเสียงดุ เสื้อสูทก็เปื้อนเพราะมันหก “กินอะไรเลอะเทอะคะท่านประธาน” ปั้นหยาว่าพลางหยิบกระดาษทิชชู่ส่งให้พลางยิ้มมุมปากเบาๆ ไม่ให้เขาเห็น ทว่าเขาไม่รับ “นี่เทน้ำตาลใส่เป็นกิโลเลยเหรอ ซื้อน้ำเต้าหู้ไม่เป็นเหรอเรา” “ซื้อไม่เป็นค่ะ ไม่เคยซื้อกินสักที จะไปรู้เหรอว่าท่านชอบรสชาติไหน เห็นแต่สั่งเอาสั่งเอา” “เรานี่...” ตฤณกัดฟันพลางเอามือชี้หน้า ทว่าเธอก็ยิ้มเบาๆ ลอยหน้าลอยตา เท่านี้เขาก็รู้แล้วว่าเธอแกล้ง “มาเช็ด” ตฤณสั่งเสียงดุเข้ม “ไม่ค่ะ ไม่ใช่หน้าที่” ปั้นหยาปฏิเสธพลางเบ้ปากเบาๆ “หน้าที่ คุณสั่งมาผิดเอง ทำให้ผมกินไม่ได้ หกหมด เสื้อสูทก็เปื้อน รู้ไหมสูทราคาเท่าไหร่ ทิชชู่หยิบมาเช็ดเดี๋ยวนี้” เขายังคงดุไม่เลิก “ไม่ค่ะ ฉันไม่ใช่ลูกน้องคุณ” “แต่เมื่อกี้คุณเรียกผมว่าท่านประธาน นั่นแปลว่าคุณรับตำแหน่งเลขาของผมแล้ว” เหมือนจะโกรธมากมาย แต่ก็ยิ้มเจ้าเล่ห์เสียอย่างนั้น ทำไมเป็นคนอย่างนี้ เธอคิด “ให้ผมไถ่โทษเมื่อเช้าวานนี้” “มีหลายเรื่องคุณทำให้ฉันไม่พอใจ เมื่อเช้าคุณบังคับให้ฉันมา ข่มขู่ คิดว่าฉันยินดีมากเหรอคะ แล้วนี่พอได้กินก็ดันไม่ถูกใจ บ่นเอาบ่นเอา เสียงดุอย่างกับอะไรดี” “ผมอยากได้คุณจริงๆ นะ เอ๊ย! ไม่ใช่แบบนั้น ผมอยากให้คุณมาช่วยงาน แต่ก่อนอื่น ผมเปื้อนหมดเลย มาไถ่โทษตัวเองซะ” เขาว่าพลางชี้สูทตัวเอง ทำให้เธอถอนหายใจแล้วหยิบทิชชู่เดินอ้อมไปหาเขา ก่อนจะย่อตัวเล็กน้อยแล้วเช็ดน้ำเต้าหู้ที่เปื้อนสูท ลามมาจนถึงกางเกง ตอนนี้เธอแทบไม่กล้ามองหน้าเขาเลย ใจเต้นมือสั่นอย่างประหลาด ส่วนเขาเอาแต่จ้องเธอแล้วยิ้มมุมปาก
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม