“ทำไมคุณท่าน ไปแกล้งอำเธอแบบนั้นล่ะครับ” กันระพีถามยิ้มๆ ขณะที่กำลังเปิดประตูรถให้เจ้านายหนุ่มลง
“ใครว่าฉันแกล้งอำ” ตฤณตอบแต่ไม่ได้เอ่ยอะไรอีก นอกเสียจากเดินยิ้มแล้วขึ้นบ้านไปเลย
“ไม่ได้แกล้งอำเหรอ แล้วเห็น... ทำไมเราไม่เห็นอะไร” กันระพีเอ่ยลอยๆ จากนั้นจึงได้เอารถไปเก็บแล้วกลับห้องพักเช่นกัน
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“น้าเองค่ะคุณท่าน” แม่บ้านเคาะประตูห้องนอนของตฤณเบาๆ พร้อมกับเอ่ย ส่วนในมือถือถาดอาหาร ไม่นานนักตฤณก็มาเปิดประตูให้ ขณะที่เขาอยู่ในชุดคลุมสีน้ำเงิน กลิ่นครีมอาบน้ำหอมสดชื่น บวกกลิ่นอาฟเตอร์เชฟ เหมือนเพิ่งอาบน้ำเสร็จใหม่
“เห็นว่าค่ำแล้ว น้าเลยยกอาหารขึ้นมาให้ข้างบน”
“ขอบคุณครับ เอ่อ นี่ก็สองทุ่มแล้ว ไปพักผ่อนเถอะครับ”
“ยังก่อนค่ะ เดี๋ยวรอคุณท่านกินเสร็จก่อน แล้วเดี๋ยวน้าจะมาเก็บนะคะสักสี่ทุ่มน้าถึงจะกลับห้อง”
“ตามใจครับ”
“ถ้ากินเสร็จวางไว้ที่โต๊ะหน้าห้องก็ได้นะคะ เดี๋ยวน้าขึ้นมาอีกรอบ”
“โอเคครับ” ตฤณรับถาดอาหารเอาไว้ แล้วแม่บ้านก็ลงไปทันที เขาปิดห้องอีกครั้งแล้วรีบกินอาหารที่นำมาให้ โดยไม่ได้แต่งตัวแต่อย่างใด กินไปพลางก็นึกถึงตอนที่แกล้งอำปั้นหยาไปพลาง สัมผัสได้ว่าเธอกลัว นี่เขาแกล้งเธอเกินไปหรือเปล่าเนี่ย ยิ่งพักคนเดียวด้วย อำเสร็จก็ห่วงสิทีนี้ ไม่ได้ห่วงว่าบ้านมีสิ่งที่มองไม่เห็น แต่ห่วงเพราะมิจฉาชีพอาจจะรู้ว่าเธออยู่คนเดียว
“คิดมากไปแล้วเรา จะห่วงทำไมเนี่ย” เขาว่าให้ตัวเอง ก่อนจะตักอาหารใส่ปาก แม้ปากจะพูดให้หักห้ามใจ แต่ก็นึกเป็นห่วงอยู่ดี ให้ตายเถอะนี่เพิ่งจะปะทะฝีปากกันวันแรก แทนที่เขาจะไม่ชอบใจแต่กลับนึกถึงสภาพความเป็นอยู่ เป็นผู้หญิงตัวคนเดียวจะเป็นอย่างไร แต่ระหว่างเขากับความเหงาที่ปั้นหยาเผชิญอะไรมันน่ากลัวและอันตรายกว่ากันเนี่ย เขาคิดถามตัวเอง ก่อนจะสลัดศีรษะเพื่อลบความจำที่กำลังเป็นห่วงปั้นหยาทิ้ง เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ก็คงได้เจอกัน หากเขาใช้แผนที่อยู่ในใจนี้
เช้าวันต่อมา ปั้นหยากลับมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ด้วยการเตรียมเอกสารไปสมัครที่ใหม่ แล้วก็ต้องเสียเวลาอีกเพราะไม่รู้ว่าจะถูกเรียกตัวอีกตอนไหน ระหว่างที่กำลังเก็บกระเป๋า เจ้าตัวก็หาวหวอดๆ เพราะเมื่อคืนนอนไม่หลับ คนบ้าบางคนทิ้งระเบิดให้กลัวจนระแวง ได้ยินอะไรก็สะดุ้งลืมตาทุกที
“เพราะคุณ คุณคนเดียวที่ทำให้ฉันนอนไม่อิ่มแบบนี้ หืม” ปั้นหยาบ่นอุบจากนั้นก็เดินดุ่มๆ มาที่ประตูบ้าน เลื่อนประตูเปิดปิดและล็อคไว้เป็นอย่างดีก่อนจะหันกลับมาแล้วก็ต้องชะงัก ดวงตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ เพราะมีรถเก๋งคันดำแล่นมาจอดตรงหน้าพอดี ไม่เห็นหน้าคนขับชัดนัก แต่ชั่วอึดใจคนขับก็เปิดประตูลงมาพอดี
“สวัสดีครับ” ชายหนุ่มสวมแว่นตาดำกล่าวทักทาย
“เอ่อ คุณ...” ยังไม่ทันที่ปั้นหยาจะได้ถามจบ เสียงโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้นพอดี จนต้องรีบหยิบขึ้นมารับ
“สวัสดีค่ะ” ปั้นหยากล่าวทักทาย เพราะไม่ได้ดูเบอร์ว่าเป็นของใคร
“ผมให้คนไปรับ คุณจะได้ไม่มาทำงานสาย” น้ำเสียงเรียบเอ่ยจากปลายสาย เธอรู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร
“นี่คุณกวนประสาทฉันเหรอ”
“ผมจริงจังก็หาว่าผมกวนประสาท”
“ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว บอกแล้วไงว่าไม่ทำงานกับคุณ ฉันกำลังจะไปสมัครงานค่ะ”
“แล้วนี่เตรียมพร้อมหรือยังครับ” แทนที่เขาจะตอบคำถามเธอ
“ยังค่ะ” เธอตอบห้วนๆ
“จริงเหรอ ไม่เป็นไรรีบแต่งตัวครับ ผมรออยู่ รอกินน้ำเต้าหู้”
“ไม่ค่ะ ไปซื้อเอง ทางผ่านไม่ใช่เหรอคะ”
“ผมก็อยากให้เลขาซื้อให้ นะครับ สัญญาว่าจะไม่กวนประสาท”
“ทำไมคุณไม่ฟัง ทำไมเอาแต่ใจตัวเอง คุณบังคับคนอื่นทำงานแบบนี้เหรอ”
“ผมบังคับคุณคนเดียว ผมอยากได้คุณแล้วต้องได้ด้วย ขึ้นรถมาเลย หรือถ้าไม่ยอมขึ้นมา ผมจะไปรับคุณด้วยตัวเอง เลือกเอาครับ” เมื่อปั้นหยาไม่ยอม เขาก็ต้องใช้วิธีขู่ เสียงแข็ง เสียงดุ
“อยากให้คนเขาโอนอ่อนผ่อนตามก็อย่าดุ ถ้าดุหรือขู่ ฉันจะไม่ทำ”
“ไม่ได้ดุซะหน่อย แต่แปลว่าจะทำตามใช่ไหม” ตฤณถามอีกครั้งซึ่งนั่นทำให้เธอถอนใจ กัดฟันและมองหน้าผู้ช่วยที่ยืนรออยู่
“ถ้าไม่ทำ?”
“ผมขับรถไปรับคุณได้ด้วยตัวเองเลย ไม่ได้ขู่ด้วย เอาให้รู้ไปทั้งบริษัทว่าคุณเป็นคนของผม ผมมีรถให้เลือกนั่ง 10 คัน เลือกมาสักยี่ห้อเดี๋ยวขับไปหาครับ”
“คุณมันบ้า อีตาผู้ชายบ้า เวรกรรมอะไรของฉันเนี่ย แล้วต้องมาอยู่ซอยเดียวกัน”
“ท่านประธาน คำที่ถูกต้อง ตกลงขึ้นรถมาหรือยังครับปั้นหยา”
“คอยดูนะ ถ้าฉันเจอหน้าคุณ...”
“จะสมนาคุณผมด้วยจูบเหรอ”
“คุณ!”
“ตฤณครับ” ตฤณย้ำชื่อตัวเองแบบกวนๆ ทำให้เธอรีบยกหูลง ไม่งั้นได้หงุดหงิดใส่เขาแน่ๆ
“เจ้านายคุณเป็นคนยังไงเนี่ย” ปั้นหยาถามผู้ช่วยหนุ่มด้วยความหงุดหงิด
“เป็นคนเอาแต่ใจพอสมควรครับ เชิญครับ ผมตั้งใจมารับคุณไปหาท่าน แต่ถ้าผมตีรถเปล่าผมนี่โดนด่าไฟแลบเลย” ผู้ช่วยหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงอ้อนขอความเห็นใจ ปั้นหยาก็ยืนมองหน้า ชั่งใจทั้งที่อารมณ์กรุ่นๆ ไม่พอใจที่ตฤณทำนิสัยแบบนี้ เขาเป็นท่านประธานที่เอาแต่ใจมาก
“นะครับคุณปั้นหยา เจ้านายผมเวลาทำงานเป็นคนที่ใจดีมาก ไม่ดุสักนิด ไม่เจ้าอารมณ์ เป็นคนที่สุขนิยมคนหนึ่ง รับรองว่าทำงานด้วยกันแล้วไม่เครียดแน่นอนครับ”
“อ่อเหรอคะ เท่าที่สัมผัสเข้าวันที่สองเนี่ย คนละเรื่องเลยนะคะ สุขนิยมแบบไหนขมขู่กัน ฉันไม่ได้อยากมีปัญหากับใครนะ”
“ก็อย่างที่เจ้านายบอกแหละ ว่าแต่เขาบอกอะไรคุณปั้นหยาเหรอครับ”
“ไม่มีอะไรค่ะ แค่บอกให้ซื้อเต้าหู้ไปฝาก ทำไมไม่ซื้อเอง” ปั้นหยาบอกด้วยน้ำเสียงงอนๆ ใบหน้าบูดบึ้ง ก่อนจะถอนใจอีกครั้ง
“เชิญครับ” ก้องการุณเปิดประตูรอให้เธอขึ้นไปนั่งด้านหลัง สุดท้ายเธอจำใจก้าวขึ้นไปแบบคนซังกะตาย
“ผมลืมแนะนำตัว ผมชื่อก้องการุณ เป็นผู้ช่วยครับช่วยทุกเรื่อง เรียกก้องเฉยๆ ก็ได้ครับ”
“ค่ะ คุณก้องเรียกหยาเฉยๆ ก็ได้ค่ะ เรียกเต็มยศไม่ชิน”
“ครับคุณหยา อย่าทำหน้าเศร้าขนาดนั้นสิครับ ท่านประธานรับเข้าทำงานนะครับ ไม่ได้เอาไปทรมาน”
“เขาน่ารังเกียจ เห็นแก่ตัว เอาแต่ใจ และที่สำคัญเขาไม่เห็นอกเห็นใจคนที่แย่กว่าตัวเอง” คำกล่าวของเธอทำให้ก้องการุณถึงกับมองผ่านกระจกมองหลัง รู้สึกไม่ดีต่อคำพูดของเธอ นั่นเพราะไม่อยากให้เจ้านายถูกมองแบบนั้น แต่ก็นะ ห้ามไม่ได้เลย เพราะนั่นก็เอาแต่ใจเก่งพอสมควร
“คุณหยาก็เลยปฏิเสธที่จะทำงานกับเขาเหรอครับ”
“ค่ะ แล้วนี่หยาจะทำงานอย่างมีความสุขได้ยังไง”
“เอ่อ ท่านประธานไม่ได้เป็นอย่างที่เห็นหรอกครับ ท่านก็มีช่วงเวลาอารมณ์ขัน ยียวนกวนประสาทก็เป็นนะ”
“น่าเชื่อจังเลยค่ะ” ปั้นหยาตอบเสียงเรียบก่อนจะมองออกไปนอกรถ พลางมองซ้ายขวาเพื่อดูว่าบ้านหลังไหนเป็นของเขา
“เอ่อ บ้านท่านประธานของคุณก้อง หลังไหนเหรอคะ”
“หลังสีขาวเทาครับ หลังใหญ่แต่โมเดิร์นอยู่ซ้ายมือของเรานี่แหละ”
“อย่าบอกนะว่าหลังที่มีสระว่ายน้ำด้านหน้าน่ะ”
“ใช่ครับ ทำไมเดาถูก” เป็นหลังที่โดดเด่นราคาน่าจะแต่ร้อยล้านหรืออาจจะมากกว่านั้น
“ก็น่าจะหลังใหญ่สุด เจ้าของโครงการนี่เนอะ”
อันนี้เธอน่าจะประชดประชันแน่ๆ
“รถไม่อยู่ น่าจะไปทำงานแล้ว”
“ไปทำงานแล้ว ผ่านร้านเต้าหู้ก็แล้วทำไมไม่ซื้อเอง”
“ก็อยากจะใช้เลขาไงครับ”
“หยายังไม่ได้ตกปากรับคำ อีกอย่างปฏิเสธไปหลายรอบไม่ได้เล่นตัวด้วยค่ะ และที่มาด้วยเพราะเขาขู่”
“ขู่! ขู่ว่าอะไรครับ”
“ช่างเถอะค่ะ เจอหน้าก่อนเถอะ เห็นดีกันแน่”
“อย่าดุนักสิครับ”
“ใครกันแน่ที่ดุ เขานั่นแหละ ฟังเสียงเขาตอนขู่สิคะ ไม่งั้นหยาจะนั่งรถมาด้วยเหรอ”
“ถ้าได้รู้จักตัวตนกันจริงๆ ท่านไม่ใช่คนดุหรอกครับ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ”
“ขู่ให้หยาขึ้นรถมาเนี่ยถือว่าจำเป็นเหรอคะ มีสิทธิ์อะไร คอยดูนะ เจอฤทธิ์ของหยาบ้าง” ฟังเท่านี้ก็น่ากลัวแทนเจ้านาย ตฤณไม่น่าจะได้เลขาหรอก แต่จะได้อย่างอื่นแทนมากกว่า
“เอ่อ ร้านเต้าหู้ รบกวนคุณหยาซื้อให้ท่านหน่อยนะครับ เดี๋ยวผมจอดรถให้” ก้องการุณบอก ปั้นหยาก็มองหน้าเขาผ่านกระจกแล้วก็ถอนใจ
“นะครับ” เขาบอกอีกครั้ง เรียกว่าขอร้องก็ได้ สุดท้ายพอจอดรถเสร็จ ปั้นหยาจึงลงไปซื้อ เธอกำลังจะสั่งแบบหวานน้อย แต่ดันฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าต้องแก้เผ็ดเขาสักหน่อย ซื้อเสร็จก็กลับขึ้นรถทันที ทว่าเธอก็อดถามไม่ได้
“ปกติดื่มประจำเหรอคะ”
“ก็ถือว่าประจำนะครับ 2-3 วันจะดื่มสักครั้งเพื่อลดความเบื่อ”
“ถามจริงๆ นะคะ ทำไมถึงเพิ่งมีเลขา เขา... เอ่อ ท่านประธานของคุณก้องน่าจะมีเลขาอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ”
“ปกติก็ผมเป็นคนทำหน้าที่ครับ ทำทุกอย่าง ท่านเลยอยากจะหาสักคนมาแบ่งงานจากผม แล้วก็ท่ามกลางท่านมีแต่ผู้ชาย เลยอยากได้ผู้หญิงมาเบลคอารมณ์สักหน่อย อีกอย่างพวกผมไม่ค่อยละเอียดอ่อนเท่าไหร่”
“ขี้หลีก็ว่ามาเถอะค่ะ”
“เปล่านะ ท่านไม่ใช่คนแบบนั้นเสียหน่อย”
“ไม่ต้องแก้ตัวแทนกันหรอกค่ะ หยาเห็นแบบนั้น”
“ไปคุยกันเอาเองครับ ผมไม่เกี่ยวด้วย”
“ชิ” ปั้นหยาสบถอย่างน่ารัก ก่อนจะเบือนหน้ามองไปตามถนนแทน ก้องการุณมองแล้วก็ได้แต่นึกขันท่าทางของเธอ ถ้าไม่ติดว่าหน้าตาน่ารักล่ะก็ จะถูกเบ้ปากมองบนทันที หรือที่เจ้านายอยากเอาแต่ใจตัวเอง เพราะเจอความน่ารักแบบนี้หรือเปล่านะ