บทที่ 5 ดูหนังเราสองคน

1963 คำ
ณัฐกฤตค่อย ๆ ประคองฝ่ามือบางของเธอ เมื่อเห็นว่าหล่อนนั้นกำลังเย็บผิด เขาค่อย ๆ ประคองให้หล่อนทำตาม แล้วก็ค่อย ๆ ปล่อยเป็นจังหวะ แม้นจะทำได้อย่างมืออาชีพ แต่กลิ่นกายของคนตัวเล็กข้างหน้าก็รบกวนสมาธิของเขาได้เป็นอย่างดี ก่อนที่อะไรจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ ชายหนุ่มลุกพรวดขึ้น “อ๊ะ!” ทำเอาปิ่นมุกตกใจ “ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ครับ แค่นี้ก็จะได้แผลที่สวยงามแล้ว” เขาเอ่ยพูดพร้อมกับพยักหน้ารับเบา ๆ “อ้อ ฉันทำได้ดีใช่ไหมคะ” “ครับ เดี๋ยวคุณไปบอกพยาบาลให้พาคนป่วยเข้ามาได้เลย” อยู่นานไปใจของเขาเตลิดเปิดเปิงแน่ เขายังหนุ่มยังแน่น ยังมีความรู้สึกที่เพียงแค่ได้กลิ่นก็ลุกฮือแล้ว เขาไม่อยากทำอะไรน่าเกลียด เดี๋ยวจะพลอยทำให้การเรียนของเธอติดขัดไปได้ ...ปิ่นมุกออกไปบอกพยาบาลให้พาคนไข้เข้ามาได้ เห็นท่าทีของอาจารย์แล้วก็อดที่จะเขินไม่ได้จริง ๆ หล่อนคิดว่าเขาเองก็มีใจให้เธอเช่นกัน คิดแค่นี้ก็มีแรงใจแรงกายมีชีวิตต่อแล้ว ซึ่งการผ่าตัดวันนี้ก็ผ่านไปได้ด้วยดี คนไข้ปลอดภัย เธอทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยผ่าตัดได้ดี และที่สำคัญวันนี้เขาให้โอกาสเธอเย็บปิดปากแผลผ่าตัดด้วย โดยที่มีเขายืนคุมเข้มไม่ห่าง “ทำได้ดีนะ” เขาเอ่ยชมระหว่างเดินออกจากห้องผ่าตัด รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏบนใบหน้าของเธอ “ขอบคุณอาจารย์ที่ให้ลงมือทำค่ะ” “ฮ่า ๆ ต่อไปไม่ต้องห่วง คุณได้ทำแน่ ๆ” เขาเองก็จะได้กินแรงเธอเหมือนกัน ไม่มีอะไรมีความสุขได้เท่าการมีผู้ช่วยดี ๆ หรอก ไม่ปวดหัว แถมยังทุ่นแรงได้มากเลยทีเดียว “ค่ะ วันนี้อาจารย์เข้าเวรไหมคะ” เธอชวนคุยไปเรื่อย “หึ ผมไม่รับเวรอยู่แล้วถ้าไม่มีเคสผ่าตัดดึก ๆ” เขาไม่ได้อยู่ในจุดที่จะต้องเข้าเวรตลอดเหมือนกับแพทย์จบใหม่ หากมีเคสยาก ๆ ก็จะมีคนโทรตามเอง และเขาก็ไม่ได้พักไกลจากโรงพยาบาลด้วย “อ้อ เพราะอย่างนี้ไงคะ ฉันถึงอยากเรียนต่อยอดเป็นอาจารย์ ฮ่า ๆ” เอ่ยพูดพร้อมกับหัวเราะออกมาเบา ๆ เขาว่ายิ่งเรียนต่อก็ยิ่งเวรน้อยลง “หึ ไม่หรอก ผมไม่มีภาระไงครับ บางคนต้องผ่อนรถผ่อนบ้านก็รับเวรกันกระจุย” ปิ่นมุกยิ้มบาง ๆ บ้านของเขาคงรวยอย่างไม่ต้องสงสัย ส่วนเธอครอบครัวก็ไม่มี “เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” เอ่ยถามเมื่อเห็นว่าอยู่ ๆ เธอก็เงียบไป “อ้อ เปล่าค่ะ” เธอฉีกยิ้มให้บาง ๆ รอยยิ้มของเธอทำให้คนมองนั้นนิ่งไปพักหนึ่ง จะว่าไปแล้วเวลาเธอยิ้มก็ยิ่งเหมือนสลิลทิพย์ไปกันใหญ่ บางมุมที่มองก็แทบแยกไม่ออก แต่บางมุมก็ไม่ได้เหมือนขนาดนั้น ก็เลยยังพอดึงสติของเขาไว้ได้​ “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว เดี๋ยวผมไปบอกญาติคนไข้ก่อน” “อ้อ ค่ะ” เธอตอบรับพร้อมกับยิ้มบาง ๆ ให้เขาอีกครั้ง ครั้นเจ้าของร่างหนาเดินไป เธอก็แอบมองเขายืนคุยกับญาติคนไข้ อาจารย์หนุ่มพูดเพราะ แถมยังมีแววตาอ่อนโยนตลอดเวลาอีกด้วย บอกตามตรงว่าเขาตรงสเป็กเธอทุกอย่าง อย่างไร้ที่ติเลยก็ว่าได้ ปิ่นมุกยืนเกาะเสา เธอมีสายตาหยาดเยิ้ม นึกถึงร่างหนาเปลือยเปล่า เมื่อเช้าที่ได้เห็น ซิกซ์แพ็กเป็นลอนที่หน้าท้อง หุ่นลีน ๆ แบบนี้ไม่ได้มาง่าย ๆ เขาคงดูแลตัวเองมาอย่างดี พอคิดก็กลืนน้ำลายลงคออัตโนมัติ อยากรู้นักว่าเขาจะบอกกับเธอตรง ๆ ว่าจีบเมื่อไร ทำไมเธอถึงอดที่จะคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ เขาเหมือนชอบเธอเลย... หลายวันต่อมา... [วันนี้อากาศดีนะครับ] ข้อความแรกในวันหยุด ตื่นขึ้นมาก็เห็นข้อความนี้แล้ว เธอกะจะตื่นสาย แต่พอนึกว่าอีกฝ่ายอาจจะส่งข้อความมาหาเลยรีบตื่นแต่เช้า และก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ด้วย “ทำไมตื่นเช้าคะ” “วันหยุดนี่นา” เธอรัวข้อความไปถึงสองข้อความ ซึ่งไม่นานเขาก็ตอบกลับ [มาฟิตเนสครับ] “โห ขยันจัง” [ชินแหละมั้ง] เขาตอบไวมาก การตอบกลับข้อความของเขาทำให้เธอรู้สึกดี เขาตอบไวมากแทบไม่ต้องรอ แบบนี้ไม่เรียกว่าจีบจะให้เรียกว่าอะไร “ดีจังเลยค่ะ รักสุขภาพมาก” [ฮ่า ๆ มาออกด้วยกันสิครับ] “จะดีเหรอคะ” [ดีแน่ ๆ ดีต่อสุขภาพของคุณด้วย] ปิ่นมุกกระตุกยิ้มมุมปาก แม้นว่าไม่มั่นใจว่าเขาจีบหรือเปล่า แต่ที่แน่ ๆ สถานะแบบนี้นี่แหละที่เขาเรียกว่าคนคุย ต่อไปก็ค่อย ๆ พัฒนา “ไว้อาทิตย์หน้านะคะ” [ครับ] เขาตอบกลับมาแค่นั้น ปิ่นมุกเม้มริมฝีปากเข้าหากัน เล็กน้อย เธอพยายามหาเรื่องคุย “ละวันนี้ทำไรคะ” เธอส่งข้อความไปอีกครั้ง ทว่ารอบนี้ต้องรอนานถึงแปดนาทีเลยกว่าเขาจะตอบกลับ [น่าจะอ่านหนังสือนะครับ] [แล้วคุณล่ะ] ปิ่นมุกยกยิ้มมุมปากเมื่อเห็นว่าเขาตั้งคำถามกับเธอด้วย ไม่เหมือนว่าตนนั้นคุยคนเดียว “น่าจะนอนดูซีรีส์นะคะ” [ดูเรื่องไรอยู่ครับ] [ผมชอบดูซีรีส์นะ] “ซีรีส์เกาหลีน่ะค่ะ เรื่องXX” “ดูไหมคะ ดูด้วยกัน” [ชวนเหรอ] เธอเม้มริมฝีปากเข้าหากัน ชวนผู้ชายมาห้องมันจะไม่น่าเกลียดเหรอ แต่ว่าตัวเองก็อายุสามสิบแล้ว คงไม่น่าเกลียดหรอก ปิ่นมุกถามเองตอบเองในใจเสร็จสรรพก็พิมพ์ข้อความกลับหาเขาทันที “ถ้าคุณณัฐไม่รังเกียจค่ะ” [หืมม ผมจะรังเกียจคุณทำไมล่ะครับ รู้สึกดีต่างหาก] เขาทำให้เธอยิ้ม ปิ่นมุกรีบลุกขึ้นจากเตียงนอน เธอต้องเก็บกวาดห้องหากว่าเขาจะมาดูซีรีส์ด้วยกัน “มากี่โมงคะ” [คุณสะดวกกี่โมง ผมได้หมดครับ] “สักบ่าย ๆ ได้ไหมคะ” [โอเคครับ] พอเขาตอบกลับมาเธอก็ดีดตัวลุกขึ้น ทำความสะอาดห้องทันที คอนโดมิเนียมของสาวเจ้านั้นซื้อสดด้วยเงินเก็บตลอดระยะเวลาที่ทำงานมา ปิ่นมุกมีอาชีพที่มั่นคง รายได้ดี การมีที่อยู่เป็นหลักแหล่งเป็นความฝันของเธอ ที่เกิดมาจำความได้ก็ได้อยู่บ้านเด็กกำพร้า เธอใช้ชีวิตไม่ได้ลำบากมากเพราะมีคนอุปถัมภ์ตลอด ด้วยความที่เป็นเด็กดีตั้งใจเรียน ไม่แปลกที่จะมีผู้ใหญ่ใจดีคอยให้เงินสนับสนุนบ้านเด็กกำพร้า คอนโดมิเนียมใจกลางกรุงแม้นจะมีขนาดและพื้นที่เพียงยี่สิบแปดตารางวา แต่ทว่าก็ราคาแพงใช่ย่อย หญิงสาวรีบทำความสะอาด จัดห้องที่ไม่ได้จัดมาหลายอาทิตย์ เพียงแค่ผู้ชายเอ่ยปากว่าจะมาหาเธอก็รีบเก็บกวาดทันที หลังจากทำความสะอาดห้องเรียบร้อย เธอก็รีบไปอาบน้ำ แต่งตัวด้วยชุดที่คิดว่าน่ารักที่สุด ปิ่นมุกเลือกแต่งหน้าบาง ๆ ไม่ได้จัดเต็ม เพราะเกรงจะเป็นการตั้งใจมากเกินไป เธอนั่งไม่ติดเก้าอี้ รู้สึกตื่นเต้นจนเริ่มทำตัวไม่ถูก “อะไรของแกเนี่ย...แค่มาดูหนังนะ!” ส่ายหน้าเบา ๆ ให้กับความคิดไม่บริสุทธิ์ของตัวเอง ก่อนที่โทรศัพท์ของเธอจะดังขึ้น ครืดด ครืดด~ “ให้ตายสิ...” ยิ่งทำตัวไม่ถูกไปกันใหญ่เมื่อเห็นว่าณัฐกฤตโทรมา หล่อนกระแอมเสียงเบา ๆ ก่อนจะกดรับสายของเขา ติ๊ด! [ปิ่นพักอยู่ที่ไหนครับ] ใจของเธอเต้นแรง ก่อนที่หล่อนจะบอกที่อยู่กับเขา [โอเคเลย ไม่ไกลเท่าไร เจอกันครับ] เขากดวางสายไปแล้ว คงรีบมาหาเธออย่างไม่ต้องสงสัย ปิ่นมุกคิดเองเสร็จสรรพ เธอรู้สึกตื่นเต้นจนแทบจะอดทนรอเวลาเจอหน้าเขาไม่ไหว เช่นเดียวกับณัฐกฤต เขาเองก็อยากเจอหน้าเธอเช่นกัน ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกครั้งที่ได้เจอหน้าปิ่นมุก เขารู้สึกไม่ต่างจากได้เจอหน้าของแฟนเก่า จนหลาย ๆ ครั้งอดที่จะจินตนาการว่าตนนั้นกำลังคุย กำลังมองหน้าแฟนเก่าอยู่ มันทำให้มีความสุขขึ้นมา วันนี้เป็นวันหยุด ไม่อยากนั่งเหงาอยู่ห้อง แวะมาดูหนังกับปิ่นมุกก็ดีเช่นกัน ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงคอนโดมิเนียมของเธอ เป็นคอนโดฯราคาระดับกลาง ตกแต่งทันสมัย ชายหนุ่มกดส่งข้อความบอกปิ่นมุก รอไม่นานเธอก็ลงมารับเขา “อะ เอ่อ หวัดดีค่ะ” เธอไม่รู้จะกล่าวทักทายเขาอย่างไรดี มันดูเก้ง ๆ ก้าง ๆ ปิ่นมุกทำตัวไม่ถูก “หึ ไม่ได้อยู่ในที่ทำงานสักหน่อย คุณแต่งตัวน่ารักนะ” เขาเลื่อนสายตามองการแต่งกายของเธอ เป็นเดรสยาวคลุมเข่าลายการ์ตูนน่ารัก “เอ่อ ขอบคุณค่ะ” เธอกล่าวขอบคุณพร้อมกับเม้มริมฝีปากเบา ๆ ก่อนที่จะรีบตั้งสติแล้วเดินนำเขาไปที่ห้องของตัวเอง “ห้องเล็กหน่อยนะคะ” “ไม่เป็นไรครับ ห้องเหมาะกับคนตัวเล็กแบบคุณ” เขาทำให้เธอยิ้มอีกแล้ว ปิ่นมุกเดินไปเอาน้ำดื่มมาให้เขา ก่อนที่เธอจะเดินไปเปิดทีวี “ไม่รู้ว่าคุณจะชอบเรื่องนี้ไหม แต่ว่ามันตลกดีนะคะ” “คุณชอบก็คงสนุกนะ” เธอหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะกดเปิดซีรีส์ที่ว่าให้เขาได้ดู ซึ่งณัฐกฤตไม่ได้ตั้งใจดูหรอก เขาไม่ได้อยากดูตั้งแต่แรก แค่อยากเห็นหน้าเธอแค่นั้น พอนั่งไปสักพักก็พริ้มตาหลับลงเสียอย่างนั้น “อ้าว...” ปิ่นมุกพึมพำออกมาเบา ๆ ไม่ได้ส่งเสียงรบกวนคนนอนหลับ เธอกระตุกยิ้มมุมปากด้วยความเอ็นดู อาจารย์ณัฐกฤตวันนี้แต่งกายธรรมดา เป็นเสื้อยืดสีครีมกับกางเกงสแล็กสีดำสนิท เขาสวมรองเท้าแตะยี่ห้อดัง เป็นการแต่งกายธรรมดาที่ไม่ธรรมดา เรียกได้ว่าดูดีมากในสายตาของเธอ ...ปิ่นมุกพินิจมองใบหน้าคมสันนี้ด้วยแววตาเต็มไปด้วยสิเน่หา ค่อย ๆ มองตั้งแต่คิ้วหนาดกดำที่ถูกร้อยเรียงมาอย่างสวยงามราวกับว่าเขากันคิ้วตลอด จมูกคมสันนี้ก็โด่งเสียเหลือเกิน รับกับริมฝีปากหยักได้รูปสีชมพู เขาคงถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี อาหารการกินคงเลิศหรูจนทำให้มีผิวพรรณดีขนาดนี้ แม้นจะอายุสามสิบห้าแล้วก็ตามแต่ “หึ” เธอหัวเราะเบา ๆ อย่างคนเขินอาย แค่จินตนาการว่าจะได้เป็นแฟนก็เขินแทบแย่ เธอกดปิดหน้าจอทีวีเนื่องจากคนที่อยากจะมาดูด้วยนั้นนอนกรนไปเสียแล้ว แม้นแต่เสียงกรนของเขายังฟังดูไพเราะ เธอกำลังคลั่งรักเขาขั้นสุด ปิ่นมุกเอนศีรษะพิงพนักพิงโซฟา มองหน้าคนข้างกายไม่วางตา ก่อนที่ความง่วงจะเข้าครอบงำ เธอค่อย ๆ พริ้มตาหลับลงด้วยความสบายใจ แม้นว่าคนข้างกายจะเพิ่งรู้จักกันได้ไม่กี่อาทิตย์ แต่เธอก็รู้สึกสบายใจที่ได้อยู่ใกล้เขา...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม