บทที่ 4 น่ารัก

1864 คำ
ทั้งสองมาที่โรงพยาบาลด้วยกันโดยการนั่งรถแท็กซี่ สิ่งที่เกิดขึ้นที่โรงแรมนั้นทำให้บรรยากาศบนรถเงียบสงบ เขาเห็นของเธอหมดแล้ว ส่วนเธอก็เห็นน้องชายของเขาแข็งต่อหน้าต่อตา ชายหนุ่มอายที่ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ “เอ่อ ขอบคุณนะคะ” พอจะลงจากรถเธอก็รีบเอ่ยขอบคุณ ส่วนเขาก็แค่ตอบรับเบา ๆ ชายหนุ่มลงจากรถแท็กซี่ก็เดินจากไปเลย ส่วนปิ่นมุกก็รู้สึกตกใจ ไม่คิดว่าเขาจะมีท่าทีแบบนี้ “โธ่เอ๊ย แกนี่มัน” เธอยกมือขึ้นตบที่ข้างขมับของตัวเอง แต่ทว่า “ปิ่น...” มีเสียงเรียกคุ้นหูดังขึ้นทางด้านหลัง เป็นเพื่อนชายที่เดินเข้ามาทัก “ว่าไง ฉันยังไม่สายใช่ไหม” ดูท่าเพื่อนคงเพิ่งออกเวร เลยบังเอิญเจอเธอที่ชั้นหนึ่งแบบนี้ “ยังหรอก ว่าแต่...ทำไมแกลงจากแท็กซี่มาพร้อมอาจารย์วะ” เขาถามไม่เต็มเสียงเท่าไรนัก นพณัชกลัวคำตอบของเพื่อนสาว “อ้อ พอดีเมื่อคืนไปกินข้าวกันมาน่ะ อาจารย์เลี้ยงต้อนรับ” อันนี้เขาพอเข้าใจ แต่ไปกินเลี้ยงแล้วต้องมาด้วยกันในตอนเช้าแบบนี้มันคงไม่ใช่แค่กินเลี้ยงธรรมดา ชายหนุ่มรู้สึกหงุดหงิด “ไปแล้วกลับมาเอาป่านนี้เหรอวะ” เขาพูดด้วยความโมโห ไม่ชอบให้เพื่อนสาวไปไหนมาไหนกับผู้ชายแบบนี้เลย “ทำไมต้องโมโหขนาดนั้นอะ” ปิ่นมุกหรี่ตาเล็กน้อย เพราะเพื่อนชายทำอย่างกับหึงหวง แถมเมื่อคืนหมอณัฐกฤตยังบอกอีกด้วยว่าเพื่อนคนนี้คิดไม่ซื่อกับเธอ “ก็...มันควรไหมล่ะ แกกลับมาตอนเช้ากับอาจารย์เนี่นะ” “เอาจริง ๆ เราห่างกันไม่กี่ปีแล้วเขาก็ไม่ถือว่าตัวเองเป็นอาจารย์ด้วย เราเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกัน” เธอกางแขนปกป้องเขาสุดฤทธิ์ทั้ง ๆ ที่เพิ่งรู้จักกัน “ก็นั่นแหละ มันไม่ต่างกันเท่าไรหรอกนะ แล้วแกไป...เอ่อ ได้ทำอะไรแบบนั้นไหม” “_” “ทำไมไม่ตอบ” ปิ่นมุกไม่เคยเงียบแบบนี้มาก่อน ทำเอานพณัชหวั่นใจ กลัวเพื่อนจะรู้ว่าตนแอบชอบ “มันไม่สำคัญหรอก ฉันรู้สึกชอบหมอณัฐ” “หา!!” ชายหนุ่มตกใจที่อยู่ ๆ ปิ่นมุกก็พูดออกมาโต้ง ๆ แบบนี้ ทำเอาเขาหน้าชาเลยทันที “จริง ๆ ฉันไม่เคยชอบใครมาก่อนเลย แต่พอเป็นเขาฉันรู้สึกใจเต้นตึกตักอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน” “แกจะบอกว่าแก...ชอบเขาเลยเหรอ เพิ่งเจอกันเนี่ยนะ” ชายหนุ่มไม่พอใจ เขามาก่อน แต่เธอไม่เคยคิดจะเหลียวมอง “อืม” ตอบอย่างไม่ไยดี แม้นว่าจะยังไม่ได้ยินจากปากของนพณัชว่าชอบตนจริงหรือเปล่า แต่ปิ่นมุกก็อยากตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ...เขาพูดไม่ออกเลย ชายหนุ่มพยายามมากแค่ไหนกับการอยู่ในสายตาของเธอ กีดกันหนุ่ม ๆ ที่พยายามเข้ามาจีบคนเป็นเพื่อน แต่ทว่าเธอกลับสนใจอาจารย์หนุ่มที่เพิ่งเข้ามานี้ “ฉันไปละ ต้องไปโอพีดี[1]” ว่าแล้วก็เดินหนีในทันที แผ่นหลังบางที่เดินจากไปทำให้คนมองอยู่รู้สึกเสียใจ เขาแอบรักเธอมาเป็นสิบปี แต่เธอกลับไม่แยแสเขาเลยสักนิด ขณะเดียวกันด้านปิ่นมุก พอเห็นแววตาของเพื่อนชายก็พอเดาได้ว่าอีกฝ่ายรู้สึกอย่างไรกับเธอเหมือนที่อาจารย์ณัฐกฤตพูดไว้จริง ๆ ที่ผ่านมาไม่เคยคิดเรื่องนี้เลย แต่หลังจากนี้คงต้องถอยห่างเพื่อรักษาความสัมพันธ์คำว่าเพื่อนไว้ เธอไม่เคยมองนพณัชมากกว่าเพื่อน จริงอยู่ที่อีกฝ่ายดีกับเธอเสมอมา แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าหล่อนต้องรักเขาตอบ ความรักในแบบเพื่อน...มันก็สวยงามในแบบเพื่อนนั่นแล ณัฐกฤตส่ายหน้าเล็กน้อยเมื่ออยู่ ๆ ในหน้าของปิ่นมุกก็แล่นเข้ามาในหัว เขาแอบหัวเราะเบา ๆ เมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืนและเมื่อเช้า แม้นว่าตนจะมีสีหน้านิ่งเรียบ แต่ความจริงแล้วก็อดที่จะเอ็นดูในความโก๊ะของเธอไม่ได้ แถมหล่อนยังมีสีหน้าเสียดายราวกับอยากให้เขาทำอะไรสักอย่าง เรื่องอย่างว่าที่เขาไม่อาจล่วงเกินได้ ...ณัฐกฤตเตรียมผ่าตัดในวันนี้ ได้ยินจากพยาบาลว่าปิ่นมุกไปตรวจคนไข้โอพีดี บ่าย ๆ อาจจะให้เธอมาช่วยผ่าตัดอีก แม้นว่าเธอจะมือใหม่มาก แต่เขาก็อยากให้ลูกศิษย์ได้เข้าผ่าตัดบ่อย ๆ และที่สำคัญ การมีผู้หญิงที่หน้าคล้ายกับแฟนเก่าอยู่ใกล้ ๆ ทำให้เขามีกำลังใจมากเลยทีเดียว สลิลทิพย์ เธอคงมีความสุขกับรักครั้งใหม่ ชายหนุ่มตัดสินใจเลิกยุ่งกับโซเชียลมีเดียของเธอ ไม่ติดต่อ ไม่เข้าไปส่อง และที่ทำให้เขาเสียใจมากที่สุด ก็คือเธอเองก็ไม่ได้ส่งข้อความหาเขาเช่นกัน มันเจ็บแปล๊บแสบในทรวง “เฮ้อ...” ถอนลมหายใจเบา ๆ ก่อนจะเปิดไลน์ของปิ่นมุกออกมาดู พอได้คุยกับหล่อนก็ไม่ต่างจากคุยกับสลิลทิพย์เลย เธอแก้เหงาได้ดีเชียวแหละ “บ่ายนี้เข้าผ่าตัดกับผมนะ” เขาส่งข้อความบอกเธอไว้ เผื่อเวลาให้สาวเจ้าได้เตรียมตัวสักหน่อย ก่อนที่ไม่นานเธอจะส่งข้อความกลับ ติ้ง! [ได้ค่ะ] มุมปากหนากระตุกเบา ๆ เธอตอบข้อความไวอย่างกับรอข้อความจากเขาอย่างไรอย่างนั้น “ไม่ต้องกังวลเรื่องเมื่อคืน” เขาส่งข้อความหาเธออีกครั้ง เพื่อจะได้ทลายบรรยากาศอึดอัดเมื่อเช้าออกไป ติ้ง! [ขอบคุณนะคะ เรื่องเมื่อคืน และก็ขอโทษที่ทำตัวไม่น่ารัก] อ่านข้อความของเธอแล้วก็ได้แต่ขมวดคิ้ว ทำไมหล่อนถึงคิดว่าตัวเองไม่น่ารัก “ไม่นะครับ คุณน่ารัก” เขาพิมพ์ข้อความบอกไปตามความจริง ผู้หญิงบางคนเมาแล้วทำตัวได้แย่มากกว่าเธอคนนี้เสียอีก ปิ่นมุกออกไปทางโก๊ะ ๆ แน่นอนว่าเธอน่ารักในสายตาของเขา และอาจจะเป็นเพราะเธอหน้าเหมือนกับคนรักเก่าเขาด้วย ก็เลยเป็นการเทคะแนนให้เธอมากกว่าปกติ [ฮ่า ๆ ไม่จริงมั้งคะ] เธอส่งข้อความกลับมาไว แถมยังหัวเราะแก้เขินอีกด้วย “ผมพูดความจริง ไม่โกหก” “แล้วไม่ตรวจคนไข้เหรอ” “ทำงานเถอะครับ ค่อยตอบก็ได้” เขารัวข้อความไปหา บอกในฐานะที่เป็นรุ่นพี่และเป็นอาจารย์ในคราวเดียวกัน ซึ่งเธอก็ส่งสติกเกอร์รูปหมีก้มหัวมาให้ เห็นอย่างนั้นก็ยิ่งเอ็นดูไปกันใหญ่ บางทีเป็นเธอก็ดีเหมือนกันนะ เขาจะได้เลิกคิดถึงสลิลทิพย์ มีคนคุย เพื่อนกิน เพื่อนเที่ยว บอกตามตรงว่าการมีคนรักตั้งแต่ตอนเรียนทำให้เขาไม่ค่อยมีเพื่อน เพราะจะกิน จะนอน จะทำไรก็มีแต่แฟนแค่นั้น แทบจะตัวติดกันเลยก็ว่าได้ กระนั้น...เธอก็ทิ้งเขาได้ลงคอ เวลาต่อมา... ปิ่นมุกรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เข้าห้องผ่าตัดกับเขาอีกครั้ง เธอรวบผมไปสองรอบแล้ว พอใบหน้าที่ไม่มีปอยหวานก็ทำให้รู้สึกขาดความมั่นใจขึ้นมา แต่จะปล่อยปอยผมเข้าห้องผ่าตัดก็คงไม่ได้ หญิงสาวเดินเข้ามาในห้องผ่าตัด เธอคิดว่าตัวเองควรเข้ามาเตรียมความพร้อมก่อนเวลา ทว่าพอเข้ามาก็เห็นณัฐกฤตรออยู่แล้ว “อะ อาจารย์...” “อ้าว มาก่อนเวลานะ” เธอกะพริบเปลือกตาปริบ ๆ เมื่อเห็นเขามาก่อน ตกใจระคนสงสัยในคราวเดียวกัน “เอ่อ คือฉันอยากมาเตรียมตัวน่ะค่ะ” “ดีเลย ผมก็มาเตรียมตัวเหมือนกัน” “หือ...” เขาเป็นถึงอาจารย์ เป็นสตาฟ[2]ที่ผ่านการผ่าตัดเคสยาก ๆ มานับครั้งไม่ถ้วน แต่ทำไมถึงยังต้องมาเตรียมตัวนานขนาดนี้ “ไม่รู้งั้นสิ ว่าการเตรียมตัวมันสำคัญแค่ไหน แพทย์ก็ไม่ต่างจากนักกีฬาหรอกนะ ก่อนจะลงสนามก็ต้องมีวอร์ม ก็ต้องมาซ้อมหนัก ถ้าเป็นนักวิ่ง คนที่ซ้อมหนักก็มักจะวิ่งได้ไกลกว่านะ” เขาเอ่ยพูดพร้อมกับมองหน้าเธอไปด้วย ซึ่งคำพูดของอีกฝ่ายก็กินใจเธอมากเลยทีเดียว แม้นว่าจะรู้อยู่เต็มอกว่าที่เขาสอนนั้นก็เพราะว่าเป็นอาจารย์ ส่วนเธอเป็นแพทย์ที่กำลังเรียนต่อยอดอยู่ แต่คำแนะนำของเขาก็เพิ่มเสน่ห์ให้กับตัวเขาอย่างน่าเหลือเชื่อ “เข้าใจแล้วค่ะ พอดีเลย ฉันอยากให้อาจารย์สอนเย็บแผลให้ได้สวย ๆ แบบที่อาจารย์ทำน่ะค่ะ” “หืม...เย็บแผลเหรอ” “ใช่ค่ะ” “โอเค ดีเลย ถ้าคุณทำได้สวยแล้ว ต่อไปคงได้เย็บแทนผมนะ​ ฮ่า ๆ” เขาว่าพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง “ฮ่า ๆ ได้สิคะ ฉันจะได้ฝึกมือไปด้วย” เธอยินดีหากว่าเขาจะให้เธอเป็นคนเย็บปิดปากแผลผ่าตัดให้ เป็นความไว้วางใจอย่างหนึ่งที่อาจารย์แพทย์มีให้กัน ถ้าการผ่าตัดผ่านพ้นไปได้ด้วยดี แต่เย็บไม่ดี โอกาสที่แผลจะติดเชื้อจนทำให้เสียชีวิตนั้นเกิดขึ้นได้มากเลยทีเดียว “ถ้างั้นก็มานี่ ผมสอน” เขากวักมือเรียกเธอไปที่เตียงผู้ป่วยภายในห้องผ่าตัด ปิ่นมุกกลืนน้ำลายลงคอ เธอรู้สึกประหม่าไม่ใช่น้อย แต่ก็รวบรวมความกล้าเดินเข้าไปหาเขา ด้านได้อาย-อด ปิ่นมุกท่องในใจ “นั่งลงสิ” “อ้อ ค่ะ” เธอนั่งลงที่เก้าอี้ข้าง ๆ เตียงผู้ป่วยที่ตอนนี้ยังไม่มีผู้ป่วย ซึ่งในห้องผ่าตัดก็มีแค่เธอกับอาจารย์หนุ่มแค่นั้น ก่อนที่เขาจะไปลากเก้าอี้อีกตัวมานั่งซ้อนทางด้านหลังเธออีกที ทำเอาปิ่นมุกเกร็งไปทั้งตัว “ไหนลองทำให้ดูหน่อย” “เอ่อ ยังไงคะ” “ทำกลางอากาศเลย” เธอกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะยื่นมือไปคว้าเอาเข็มเย็บแผลมา เธอมือสั่นจนคนทางด้านหลังต้องเอื้อมมือมาจับ “ทำไมสั่น ศัลยแพทย์ต้องมือนิ่งนะ” “อึก...” เธอสะอึก เพราะเขามาอยู่ข้างหลัง แถมหายใจรดต้นคอของเธออีกด้วย จะไม่ให้เกร็งได้อย่างไร “หรือเขินที่ผมนั่งอยู่” “หา!!...ปะ เปล่าเขินนะคะ” จะให้เธอยอมรับได้อย่างไร มันไม่เหมาะสม และที่สำคัญเธอก็ชอบให้เขาอยู่ทางด้านหลังแบบนี้ด้วย มันฟินอย่างไรชอบกล... [1] OPD คือ คำทางการแพทย์ที่ใช้เรียกกลุ่มผู้ป่วยนอก เป็นคำที่ย่อมาจาก Out Patient Department ลักษณะของผู้ป่วยกลุ่มนี้จะเป็นคนที่เข้ามารักษาในโรงพยาบาลแล้วไม่ต้องนอนพัก เมื่อหมอทำการตรวจและรักษาเรียบร้อยก็สามารถกลับบ้านได้เลย [2] Staff หมายถึง อาจารย์แพทย์
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม