บทที่ 2

2438 คำ
กว่าหนึ่งอาทิตย์แล้วที่ริสาย้ายออกจากบ้านที่เป็นเรือนหอของเธอและกรณ์มาอยู่ที่คอนโดมิเนียมที่เจ้าหล่อนซื้อไว้ ห้องชุดขนาดห้าสิบตารางเมตรคับแคบนักหากเทียบกับคฤหาสน์ของกรณ์ ธนัชกุล แต่พื้นที่เล็กๆ แห่งนี้กลับสร้างความสบายใจให้หญิงสาวได้อย่างแปลกประหลาด เธอรู้สึกว่าที่นี่เป็นที่ของเธออย่างแท้จริง เธอทำสวนหย่อมเล็กๆ เท่าที่จะสามารถทำได้ที่ระเบียงห้อง เธอปรับเปลี่ยนห้องนอนเล็กให้กลายเป็นห้องทำงาน ในห้องนั้นมีชั้นหนังสือไว้ใส่หนังสือนิยายที่ชอบอ่าน มีโต๊ะทำงานขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ที่มีแล็บท็อปราคากลางๆ วางอยู่ มีเก้าอี้สำนักงานตัวนุ่มนั่งสบาย ทุกอย่างเธอเป็นคนเลือกสรรเองกับมือ เธอไม่เคยทำเช่นนี้กับบ้านที่เป็นเรือนหอของเธอและกรณ์ เพราะบ้านหลังนั้นถูกตกแต่งไว้เรียบร้อยโดยมัณฑนากรก่อนที่จะย้ายเข้าไปอยู่ด้วยซ้ำ เพียงกระเป๋าเดินทางใบเดียวที่ติดตัวเข้าไป และมีแค่กระเป๋าใบนั้นที่เธอใส่เสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ซึ่งมีอยู่น้อยนิดออกมา บ้านหลังนั้นไม่มีอะไรเป็นของเธออย่างแท้จริงสักอย่าง แม้กระทั่งผู้ชายที่เป็นสามียังไม่ใช่ ใบทะเบียนสมรสจะมีความหมายอะไรหากหัวใจกรณ์ไม่ได้อยู่ที่เธอ จริงอยู่ที่สิทธิ์ของเมียหลวงสามารถฟ้องชู้ได้ แต่ฟ้องไปแล้วเธอจะได้อะไร สะใจงั้นหรือ? หรือได้ทำลายกรณ์กับผู้หญิงของเขาให้ย่อยยับ ไม่หรอก.. นั่นไม่ใช่สิ่งที่ต้องการ เธอรักกรณ์ เธออยากเห็นเขามีความสุข หากความสุขของเขาคือการได้อยู่กับผู้หญิงคนนั้น ไม่ใช่เธอ ก็ควรแล้วที่เธอเป็นฝ่ายเดินออกมาก ที่ทำอย่างนี้ไม่ใช่ว่าไม่เจ็บ ที่ตัดสินใจเดินออกจากชีวิตกรณ์ง่ายๆ ไม่ใช่ว่าเข้มแข็ง หัวใจเธอบอบบางไม่ต่างจากแก้วเจียระไน ไม่ได้แข็งแกร่งดังหินผาที่จะไม่รู้สึกอะไรกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่เพราะรู้ว่าต่อให้ลุกขึ้นมาฟาดฟันเพื่อแย่งชิง เธอก็ไม่ได้อะไร นอกจากความเสียใจและหยาดน้ำตา อ้อมกอดอบอุ่น รสจูบหวานละมุน สัมพันธ์ลึกซึ้งในคืนวันที่มีเพียงเราสอง ทุกอย่างเธอล้วนแล้วแต่เคยพบพานมาแล้วทั้งสิ้น หยดน้ำใสไหลรินมาพร้อมรอยยิ้มที่ปวดร้าว ความทรงจำที่ทำให้ร้องไห้และยิ้มได้ในคราวเดียวกันเป็นเช่นไร เธอพึ่งได้รับรู้ก็วันนี้นี่เอง.. “แม่ขอโทษนะลูกที่แม่ไม่สามารถมีครอบครัวที่สมบูรณ์ให้หนูได้ แต่แม่สัญญา แม่จะดูแลหนูให้ดีที่สุด” เธอลูบหน้าท้องที่ยังแบนราบเนื่องจากอายุครรภ์พึ่งได้แปดสัปดาห์ หากเธอไม่บอกกับใครว่าเธอท้อง แน่นอนว่าย่อมไม่มีใครมองออกว่าในท้องเธอมีเลือดเนื้อเชื้อไขของเธอกับสามีอยู่ แม้กระทั่งตัวเธอเอง หากไม่เอะใจเรื่องประจำเดือนขาดแล้วไปตรวจที่โรงพยาบาลก็คงไม่รู้เหมือนกันว่ากำลังจะเป็นแม่คน ริสาปาดน้ำตาที่รินไหลออกจากสองแก้ม เธอสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วพ่นออกมา จากนั้นจึงลุกขึ้นไปเปิดกระเป๋าสะพายข้างที่วางอยู่หน้าโทรทัศน์เพื่อหาใบตรวจการตั้งครรภ์ ทว่าใบตรวจการตั้งครรภ์ที่ยืนยันว่าหญิงสาวท้องไม่ได้อยู่ในกระเป๋าอย่างที่มันควรจะอยู่ “หรือว่า..” ลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้งในห้องนอนของเธอกับกรณ์ เธอเก็บมันไว้ที่นั่น ห้องนอนที่เคยเต็มไปด้วยข้าวของเครื่องใช้สุภาพสตรี เวลานี้เหลือเพียงของของเขาที่มีแค่ไม่กี่ชิ้น เตียงขนาดคิงไซซ์กว้างนักเมื่อต้องนอนลำพังในวันที่ร้างริสา ตู้เสื้อผ้าที่เคยมีชุดเดรสสีหวาน ตอนนี้ก็เหลือแค่สูทและชุดสีเข้มแขวนไว้ กรณ์ทิ้งตัวนอนลงบนเตียง ชายหนุ่มใช้แขนก่ายหน้าผากมองเพดาน กว่าหนึ่งอาทิตย์แล้วที่ริสาย้ายออกจากบ้าน น่าแปลก.. เขากลับมาที่นี่ทุกวัน ไม่ได้นอนค้างที่คอนโดมิเนียมของตติยาสักคืน มีบ้างที่แวะไปหา ทว่าก็ไม่เคยกลับดึกเกินสามทุ่ม อาจเป็นเพราะชินกับตลอดเกือบสองปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยปล่อยให้ภรรยารอจนดึกดื่น หากวันไหนจำเป็นต้องพาลูกค้าไปเลี้ยง เขาก็จะบอกเจ้าหล่อนเอาไว้ แต่ถึงอย่างไรเขาก็ยังพยายามกลับบ้านให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะรู้ว่าถ้าเขายังไม่เหยียบเท้าเข้าบ้าน ริสาก็จะรออยู่อย่างนั้นไม่ยอมหลับยอมนอน “ทำไมยังไม่นอนอีกคะ พี่บอกแล้วไงว่าวันนี้พี่พามิสเตอร์ โรเบิร์ตไปดินเนอร์” เขาจำวันนั้นได้ ตอนนั้นเขากับริสาแต่งงานกันได้สี่เดือนกว่า เป็นครั้งแรกหลังแต่งงานที่เขากลับบ้านดึก แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้บอกภรรยาเอาไว้ว่าต้องพาลูกค้ารายใหญ่อย่างมิสเตอร์โรเบิร์ตไปดินเนอร์ “นิดอยากเห็นกับตาตัวเองก่อนนี่คะว่าพี่กรณ์ถึงบ้านแล้ว นิด.. นิดเป็นห่วงพี่กรณ์” แววตาริสาที่มองมาเปิดเปลือกให้เห็นชัดเจนเหลือเกินว่าความห่วงใยที่เจ้าหล่อนมีต่อสามีอย่างเขามากมายแค่ไหน “วันนี้เหนื่อยไหมคะ เดี๋ยวนิดไปเตรียมน้ำอุ่นให้พี่กรณ์อาบดีกว่า” ภรรยาที่ได้มาเพราะพ่อบังคับให้แต่งด้วยก็ไม่ได้แย่เสมอไป ออกจะดีเสียด้วยซ้ำ ทั้งสาว ทั้งสวย เอาใจเก่ง ทำอาหารอร่อย เรื่องบนเตียงก็ใช่ย่อย แม้ไร้ประสบการณ์ แต่สอนกันแป๊บเดียวก็เป็นงานแล้ว “น้องนิดของพี่น่ารักจังค่ะ” คนถูกชมเขินจนตัวบิดจริตจะก้าน ริสาเป็นธรรมชาติด้วยเพราะเจ้าตัวไม่ได้ปรุงแต่ง รอยยิ้ม แววตา คำพูดคำจา กิริยาท่าทาง ทุกอย่างที่ประกอบขึ้นเป็นริสาทำให้เขาเอ็นดูเธออย่างง่ายดาย “น่ารักอย่างนี้พี่ต้องให้รางวัลหน่อยแล้ว เสาร์อาทิตย์นี้เราไปเที่ยวกันดีกว่า ไปนอนฟังเสียงคลื่นทะเลอย่างที่นิดชอบไง” “ขอบคุณนะคะพี่กรณ์ พี่กรณ์ของนิดใจดีที่สุดเลย” แขนเรียวโอบกอดเอวสอบของสามีแล้วซุกหน้าเข้าหาอกอบอุ่นของเขา “นิดไม่เหลือใครแล้ว นิดมีแค่พี่กรณ์คนเดียว ขอบคุณนะคะที่ดีกับนิดขนาดนี้” ริสาไม่เหลือใคร เธอสูญเสียบิดาไปหลังจากแต่งงานได้เพียงสามเดือน.. ลมหายใจเคล้ากลิ่นแอลกอฮอล์จางๆ ถูกพ่นออกมา เรื่องราวในวันวานย้อนกลับเข้ามาในห้วงความทรงจำทำให้หัวใจกรณ์หนักอึ้ง ทั้งที่ได้ในสิ่งที่ตนปรารถนา ได้หย่าอย่างที่ต้องการ ทว่าเขากลับไม่มีความสุขอย่างที่เคยคิดไว้ สมาร์ตโฟนเครื่องบางถูกปลดล็อกโดยเจ้าของมัน กรณ์เปิดแอปพลิเคชันไลน์ขึ้นมา เขาเลื่อนหาข้อความแชตภรรยาที่อีกไม่นานจะกลายเป็นอดีต Risa : พี่กรณ์ขา นิดฝากข้าวกล่องแล้วก็ยาไว้ที่เลขาพี่นะคะ อย่าลืมทานด้วยน๊า ^^ เธอส่งข้อความมาพร้อมกับสติกเกอร์หมีถือหัวใจดวงใหญ่ เขาดูวันและเวลาที่ปรากฏอยู่ด้านบนข้อความ หากจำไม่ผิด วันนั้นเขาไม่สบาย ทว่ามีประชุมกับลูกค้ารายใหญ่ จึงจำเป็นต้องเข้าบริษัทอย่างไม่อาจเลี่ยงได้ หลังประชุมเสร็จเขาก็ไปนอนพักที่.. คอนโดมิเนียมตติยา จึงไม่มีโอกาสได้รู้เลยว่าริสาเอาข้าวและยามาให้ที่บริษัท “นิด.. ตอนนี้จะเป็นยังไงบ้างนะ” เขาจัดการโอนเงินสิบล้านบาทเข้าบัญชีริสาตั้งแต่วันที่ เจ้าหล่อนย้ายออกจากบ้าน นอกจากเงินสด บ้านหลังนี้และทรัพย์สินอีกหลายอย่างเขาก็ตั้งใจจะให้เธอ แต่ถึงแม้จะให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่คิดว่าสมควรมอบให้หญิงสาวไปแล้ว ทว่าเขากลับวางความห่วงใยที่มีต่อเธอไม่ลง คิดวนไปวนมากับเรื่องที่ว่าริสาจะอยู่ยังไง เธอจะใช้ชีวิตคนเดียวได้ไหม หากมีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจ เธอจะยังหันหน้ามาพึ่งสามีเก่าอย่างเขาหรือไม่ หรือจะโกรธจะเกลียดเรื่องที่เขามีผู้หญิงคนใหม่จนไม่อยากเห็นแม้กระทั่งหน้า ไม่รู้ว่าเป็นเพราะห่วงใยหรือเป็นเพราะเหตุผลไหน สุดท้ายคนที่เป็นฝ่ายขอหย่ากลับตัดสินใจต่อสายหาภรรยาที่กำลังจะกลายเป็นแค่อดีต หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณา.. เสียงที่ดังมาตามสายไม่ใช่เสียงของริสา หากแต่เป็นเสียงจากระบบอัตโนมัติที่เขาไม่อยากได้ยิน หวังว่าริสาคงปิดเครื่องหรือไม่ก็แบตหมด ไม่ใช่บล็อกเบอร์เขาไปแล้วหรอกนะ คงไม่เกลียดกันถึงขนาดนั้นหรอกกระมัง กรณ์เด้งตัวลุกขึ้นจากเตียงเมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือนสายเรียกเข้า เขาแอบหวังในใจลึกๆ ว่าให้เป็นริสา ทว่า.. กลับเป็นใครอีกคน ‘ครับติน่า’ ‘คุณกรณ์อยู่ไหนคะ ติน่าคิดถึงคุณ’ ‘ผมเองก็คิดถึงคุณเหมือนกัน คุณอยู่คอนโดฯ ใช่ไหม เดี๋ยวผมไปหา’ ใช้เวลาไม่นานนัก ซูเปอร์คาร์ราคาหลายสิบล้านก็มาจอดสนิทอยู่ที่ลานจอดรถของคอนโดมิเนียมย่านสุขุมวิทที่กรณ์เคยมานับครั้งไม่ถ้วน เขาลงจากรถแล้วก้มหน้าเดินไปตามทางเข้าตึกที่คุ้นเคย หลบสายตาผู้คนที่มองมาราวกับผู้ร้ายหนีคดี ไม่อาจเดินอย่างสง่าสู้หน้าใครได้ ด้วยกลัวว่าหากบังเอิญเจอคนรู้จักแล้วจะถูกสงสัยเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตนกับตติยา “มาแล้วเหรอคะ ติน่าคิดถึงคุณที่สุดเลยรู้ไหม” ตติยาโผเข้าหาเขา กลิ่นน้ำหอมราคาแพงที่หล่อนใช้ ผิวกายเนียนนุ่มที่โผล่พ้นชุดนอนตัวบาง ทุกอย่างที่เคยพาเขาดำดิ่งสู่ห้วงปรารถนาอันล้ำลึก มาวันนี้เขากลับเบื่อหน่ายขึ้นมาดื้อๆ “ผมหิว ทำอะไรให้ผมกินหน่อยสิติน่า” อาหารเช้าที่แม่บ้านทำ อาหารกลางวันที่เลขานุการจัดสรรมาให้ ไม่มีอะไรที่กลืนลงไปแล้วรู้สึกอร่อยสักอย่าง รสชาติจัดจ้านทว่ากลับไม่ถูกปากเลยสักนิด ตติยาหงุดหงิดที่กรณ์ปฏิเสธเธอ มิหนำซ้ำยังบอกให้เธอทำอาหารให้ชายหนุ่มกิน ลำพังแค่ตัวเธอเองยังสั่งเดลิเวอรี จะมีปัญญาที่ไหนไปทำให้เขากิน “คุณอยากกินอะไรคะ เดี๋ยวติน่าสั่งให้” แม้อารมณ์เสียแค่ไหนก็ต้องปั้นหน้ายิ้มเข้าไว้ เธอรู้.. กรณ์ไม่ชอบผู้หญิงงี่เง่า “ผมไม่อยากกินอาหารที่ร้านทำ ผมอยากกินฝีมือคุณ” “ฝีมือติน่าเหรอคะ?” อย่ามาแต่ทำอาหารเลย แม้กระทั่งต้มมาม่า บางครั้งเธอยังทำไม่อร่อย “แต่ในตู้เย็นไม่มีอะไรเลยนะคะ” “ไปซูเปอร์ไหม ข้างล่างคอนโดฯ นี่เอง” นี่กรณ์ต้องการอะไรจากเธอกันแน่ เธอเป็นเมียเขานะไม่ใช่แม่บ้านที่จะไปซูเปอร์ซื้อผักซื้อเนื้อมาทำอาหารงกๆ ให้เขากินน่ะ “ติน่าว่าเราสั่งร้านดีกว่านะคะ ถ้าทำเองคงนาน กว่าจะซื้อของ กว่าจะกลับมาทำอีก” เธอนั่งลงบนตักเขา ออดอ้อนอย่างที่เคยทำ “เรามีเงินซะอย่าง จะทำอาหารกินเองให้เสียเวลาทำไม อีกอย่างติน่าพึ่งทำเล็บมา คุณกรณ์ดูสิคะ เล็บยาวเฟื้อยขนาดนี้จะทำอาหารได้ยังไงกัน” เล็บปลอมของตติยายาวอย่างที่หล่อนว่าจริงๆ กรณ์รวบกอดหญิงสาวไว้ ซุกไซ้ซอกคอระหง สูดดมกลิ่นหอมจากผิวเนื้อเข้าเต็มปอดแล้วหยุดเพียงแค่นั้น เขาหิวข้าว เขาไม่มีอารมณ์ทำเรื่องอย่างอื่นหรอก “คุณกรณ์เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” อยู่ๆ กรณ์ก็หยุดไปเสียดื้อๆ เธอหงุดหงิดจนอยากจะกรี๊ดใส่หน้าไอ้บ้านี่ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะกลัวกรณ์จะรู้ธาตุแท้ว่าแท้ที่จริงแล้วเธอนิสัยเช่นไร “ผมหิวข้าว ไปกินข้าวกันเถอะติน่า” “จะไปได้ไงคะ ติน่าอาบน้ำแล้ว แล้วอีกอย่างติน่าไม่กินอะไรหลังหกโมงเย็นคุณก็รู้” “งั้นก็ไปเป็นเพื่อนผมหน่อยสิ ร้านอาหารใกล้ๆ ก็ได้” “ทำไมคุณกรณ์ไม่สั่งเดลิเวอรีมาล่ะค่ะ จะไปเองให้เหนื่อยทำไม” ข้างนอกมีแต่มลพิษ เธอไม่พาหน้าสวยๆ ที่ทาครีมบำรุงราคาแพงออกไปให้โดนฝุ่นโดนควันรถหรอกนะ น้ำเสียง สีหน้า แววตา ทุกอย่างที่ปรากฏแก่สายตาเขาบอกชัดว่าตติยาไม่เต็มใจทำในสิ่งที่เขาร้องขอ ไม่เป็นไร.. ในเมื่อไม่อยากไป เขาก็ไม่บังคับ “วันนี้คุณคงเหนื่อย งั้นพักผ่อนเถอะ ผมไม่กวนแล้ว” เขาเดินออกจากห้องตติยาด้วยความผิดหวัง ทั้งที่ตั้งใจจะมาหาความสบายใจจากหล่อนแท้ๆ แต่กลับกลายเป็นว่าสิ่งที่ได้รับกลับไม่เป็นอย่างที่คิด “พี่กรณ์ขา อร่อยไหมคะ” อาหารบนโต๊ะล้วนแล้วแต่เป็นอาหารจานโปรดของกรณ์ ริสารู้เธอจึงทำให้รับประทานอยู่บ่อยๆ แต่ถึงแม้จะได้กินบ่อยแค่ไหนทว่าชายหนุ่มกลับไม่เคยรู้สึกเบื่อ “นิดทำอาหารอร่อยจัง สงสัยชอบทำกับข้าวแน่เลย” เขากินไปชมคนทำไป คนถูกชมอมยิ้มพลางส่ายหน้า “นิดไม่ได้ชอบทำอาหารหรอกค่ะ เมื่อก่อนอย่าว่าแต่ทำกับข้าวเลย ครัวยังไม่เคยเหยียบ แต่ตอนนี้ที่ทำเป็นทุกอย่างเพราะนิดพยายามฝึกฝนเพื่อที่จะได้มาทำให้พี่กรณ์กินยังไงล่ะคะ” ความทรงจำในวันวานพานพาให้ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายสั่นไหว นิด.. ทำไมพี่ถึงได้รู้สึกคิดถึงเธอเหลือเกิน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม