EP.7
“ใครจะนอนที่นี่กัน แล้วฉันก็ไม่เหม็น”
คีรินทร์ยังคงยั่วเย้าทำท่าสูดลมหายใจฟุตฟิตพร้อมยื่นหน้าเข้าไปใกล้
“นี่นาย! ฉัน... ฉันจะกลับ”
“ใจคอคุณจะกล้ากลับไปตอนนี้เหรอ ผมไม่เดินไปส่งคุณที่รถนะ”
“ถ้านายไม่เดินไปส่ง นายก็ไปจ้างคนอื่นมาสิ ยังไงฉันก็ต้องกลับ”
“นี่คุณไม่รู้เหรอว่าละแวกนี้มีผมอยู่บ้านเดียว ตอนขับรถเข้ามาไม่สังเกตเหรอว่าไม่มีบ้านคนเลยอะ มีแต่ท้องนา”
ใบหน้าสวยอึ้งไป แต่เหมือนนึกอะไรขึ้นได้
“แล้วป้านุ่มล่ะ นายก็ชวนป้านุ่มเดินไปด้วย จะได้เดินเป็นเพื่อนกลับมาด้วยกันไง”
“นุ่มไม่อยู่”
“อ้าว... ไหนนายว่ามีบ้านนายหลังเดียว แล้วป้านุ่มไปไหน”
“ลูกมารับกลับบ้านไปแล้วน่ะสิ ปกตินุ่มจะกลับแค่สี่โมง แต่วันเนี้ยเพราะคุณนั่นแหละ นุ่มเลยต้องอยู่จนค่ำ”
“งั้นคุณก็เรียกให้ลูกของป้านุ่มไปส่งฉันก็ได้ ฉันจ้าง!”
“จ้างเท่าไรก็ไม่มีใครกล้าไปส่งคุณหรอก”
“แล้วทีลูกป้านุ่มยังมารับป้านุ่มได้เลย มากันหลายๆ คนเลยก็ได้ ฉันจะจ่ายเงินทุกคนนั่นแหละ”
“นี่คุณ! เงินคุณไม่ได้ซื้อได้ทุกอย่างนะ แล้วบ้านนุ่มก็ไปทางโน้น ไม่ได้เดินไปทางอนามัย แล้วไอ้หลายคนของคุณก็ไม่มีด้วย นุ่มน่ะอยู่กับลูกแค่สองคน”
“แล้วคนอื่นล่ะ ให้ลูกของป้านุ่มไปตามคนอื่นมาสิ มากันหลายๆ คนเลย”
“คุณ... นี่คุณพูดไม่รู้เรื่องหรือไง ค่ำลงคนที่นี่เขาก็ปิดไฟทำลูกกันหมดแล้ว ไม่มีใครออกมาเดินเพ่นพ่านกันหรอก และยิ่งคืนนี้วันโกนด้วย”
“วันโกนแล้วไง”
“ก็คืนปล่อยผีไง”
“ปล่อยผี...”
คำพึมพำออกจากปากของปานฤทัยเกือบทำให้คีรินทร์หลุดขำต้องกัดปากข่มใจตัวเองให้ทำหน้าจริงจังเข้าไว้ เพราะเขารู้จุดประสงค์ที่ทำให้คุณหนูปานฤทัยที่เพิ่งบินกลับมาจากต่างประเทศเมื่อวันวานต้องรีบบึ่งรถมาหาเขาที่นี่ แต่เขาจะยื้อไว้ให้นานที่สุด นานเท่าที่หล่อนจะเปลี่ยนใจ
หลังจากตกลงใจว่าจะค้างคืนที่นี่ ปานฤทัยก็หอบข้าวของเครื่องใช้ที่เขาเตรียมให้ตรงไปยังห้องน้ำที่อยู่เยื้องไปทางด้านของห้องครัว เป็นครั้งแรกที่หล่อนได้อาบน้ำในห้องน้ำที่มีผนังเป็นไม้จึงต้องสำรวจให้แน่ใจว่ามิดชิดไม่มีจุดไหนที่จะถ้ำมองได้ ทั้งยังสำรวจเสื้อผ้าที่แน่นอนว่าเป็นของเขา แม้จะมองว่าสะอาดแต่ก็ยังไม่วายจะพิสูจน์กลิ่น และกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มหอมฉุยก็ทำให้รอยยิ้มน้อยๆ ผุดขึ้น ก็ค่อนข้างแน่ใจอยู่หรอกว่าคนเป็นหมอต้องสะอาด แต่ก็ไม่เคยคิดว่าจะต้องมาใส่เสื้อผ้าของเขา
แต่ที่หล่อนรับไม่ได้แต่ก็จำต้องรับก็คือ โอ่งมังกรเก่าคร่ำครึที่รองน้ำจากก๊อกต่อจากท่อพลาสติก เวลาอาบก็ต้องใช้ขันตักน้ำจากโอ่ง จากนั้นก็มาถึงอุปกรณ์อาบน้ำที่เขาเตรียมไว้ให้ เริ่มจากสบู่ก้อนสีเขียว ยาสระผม และแปรงสีฟันที่หล่อนเคยเห็นเพื่อนเชฟฟี่ว่าอยู่โฮมสเตย์ของชาวบ้าน
“นี่ฉันต้องใช้สบู่ ยาสระผม และก็แปรงสีฟันนี่จริงๆ ใช่ไหม”
พึมพำกับตัวเอง อยากเปลี่ยนใจไม่อาบและนอนทั้งชุดนี้ แต่ก็เกรงคนด้านนอกจะค่อนขอดว่าหล่อนไม่กล้า
“เอาวะ อาบก็อาบ หนูใจแกต้องทำได้ ถือว่าซะว่าแกมาอยู่โฮมสเตย์”
ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมง ปานฤทัยจึงจัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อบ และเมื่อออกมาก็พบว่าหมอบ้านนอกก็อาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วเช่นกัน
“นายไปอาบน้ำตรงไหนมา”
“ห้องน้ำในห้องนอนผม”
“อ้าว! แล้วทำไมไม่บอกว่ามีห้องน้ำในห้องนอน”
“คุณอยากอาบในห้องนอนผมเหรอ”
“เอ่อ... จะคุยธุระได้หรือยัง”
ปานฤทัยเปลี่ยนเรื่องเพราะคำพูดและสายตาของหมอบ้านนอกที่สื่อมาให้หล่อนร้อนวูบไปทั้งร่าง
“ได้ ผมพร้อมแล้ว”
เขาบอกก่อนจะเดินไปอีกทางที่ไม่ใช่ห้องนั่งเล่นที่กินข้าวกันเมื่อครู่ แล้วบ้านที่หลังไม่ใหญ่นี้จะมีห้องแยกย่อยอะไรอีก เท่าที่เห็นก็น่าจะมีแค่ห้องนั่งเล่น ห้องครัว และห้องนอนเขา
“นี่นายจะไปไหน”
“ไปคุยไง”
“คุยที่ไหน ทำไมไม่คุยที่ห้องนั่งเล่น”
หมอบ้านนอกที่หยุดเดินและหันมามองทำใจปานฤทัยใจเต้นแรงขึ้นนิดหน่อย ก็เขาเพิ่งอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ กลิ่นสบู่ กลิ่นยาสระผมยี่ห้อเดียวกับที่หล่อนใช้เมื่อครู่ยังหอมคลุ้ง แถมเส้นผมหมาดๆ ที่ละลงมาปรกหน้าผาก ก็ทำให้เขาดูดีกว่าตอนที่ยังไม่อาบน้ำสัก 20% ได้ แต่สีหน้าจริงจังของเขาที่มองเลยหล่อนไปยังระเบียงด้านนอกก็ทำให้หล่อนต้องมองตาม
“คุยในห้องนอน วันโกนไม่ควรอยู่ข้างนอกนาน”
พูดจบร่างสูงกว่าหล่อนมากๆ ก็หันกลับแล้วเดินตรงไปทันที
ปานฤทัยมองฝ่าความมืดไปที่ด้านนอกระเบียง หล่อนเห็นเพียงยอดไม้ไหวๆ ก่อนจะหันมองรอบกายอย่างหวาดๆ นึกโทษตัวเองที่ไม่ถามเขาให้ชัดเจนว่าจะให้หล่อนนอนห้องไหน เพราะที่คิดก็คือจะแค่นั่งๆ นอนๆ เล่นโทรศัพท์จนถึงเช้า ไม่ได้คิดว่าจะต้องเข้าห้องนอนจริงจัง แต่เขาที่จ้ำอ้าวไปก่อน หล่อนก็คงอยู่ตรงนี้ไม่ได้แล้วล่ะ
“อึ๊ย... นาย! รอด้วย!”