EP.6
“อ้อ... ก็ดีแล้วล่ะที่ไม่กลัวผีอะ เพราะที่เนี่ย ‘ผีดุมาก’ ยิ่งทางที่เราเดินเข้ามาเมื่อกี้นะ กลางคืนอะคนที่นี่ไม่มีใครกล้าเดินกันหรอก บางคนก็ว่าเห็นคนห้อยหัวลงมาจากต้นไม้ บางคนเดินๆ อยู่นะ เห็นคนเดินอยู่ด้านหน้าก็ดีใจ ดันคิดว่ามีเพื่อนร่วมทาง ที่ไหนได้... เดินหายเข้าไปในต้นไม้เฉยเลย”
น้ำเสียงกระซิบกระซาบดั่งกลัวคนในต้นไม้จะได้ยินเรียกขนทั่วตัวปานฤทัยลุกพึ่บจนหล่อนสั่นไปทั้งร่าง แต่ยังไม่วายจะทำคอแข็งเชิดหน้าไม่กลัว ทั้งที่แทบจะเรียกเสียงตัวเองออกมาได้ยาก
“ยะ... อย่ามาหลอกเลย ฉันโตแล้ว ไม่เชื่อเรื่องแบบนี้หรอก ทีนายยังเดินได้ ไม่เห็นกลัว”
“ก็เพราะผมไม่กลัวไง ก็เลยมีผมคนเดียวที่เดินได้ เพราะถึงเห็นอะไร ผมก็แค่ทำเป็นไม่เห็นเท่านั้นแหละ ก็แค่ไม่ทัก... เดี๋ยวเขารู้ว่าผมเห็น”
ปานฤทัยตาโตเมื่อหมอบ้านนอกเข้ามากระซิบ ทั้งสีหน้า แววตา ของเขาคือมีอะไรเหนือจินตนาการอยู่ในพื้นที่นั้นจริงๆ แต่หล่อนจะไม่มีวันแสดงท่าทีหวาดหวั่นให้เขาเห็น
“ฉันก็ไม่กลัว” หล่อนบอกโดยเร็ว กัดปาก กำมือแน่น ทั้งที่อยากจะกรีดร้องเพราะแค่มองไปยังทิวไม้ทึบๆ นั่น หล่อนก็ขวัญผวาไปหมดแล้ว ไม่อยากนึกถึงตอนเดินออกไปที่รถและตอนที่ต้องขับรถผ่านทางลูกรังแดงๆ กว่าจะถึงถนนใหญ่ก็หลายกิโลเมตร
“อ้าว... นุ่มจ๋า มาแล้วเหรอ คุณเขาหิวมากเลยวันนี้”
แต่เสียงสองของเขากลับทำให้อาการทั้งหมดหายวูบ ปานฤทัยหันมองคนที่มาใหม่ก่อนจะอึ้งๆ เพราะไม่ใช่ที่หล่อนคิดไว้ หญิงสูงวัยคราวแม่ที่วางถาดอาหารลงบนโต๊ะจะส่งยิ้มหวานมาให้ทั้งเขากับหล่อน ทำให้หล่อนต้องยิ้มกลับพลางคิดว่าหมอบ้านนอกไม่น่าจะมีรสนิยมแบบนี้
“ก็คุณเขาทำไมกลับค่ำล่ะคะ ปกติเห็นสี่โมงเย็นก็กลับแล้ว”
“ก็วันนี้คนไข้เยอะ คุณเขาก็ต้องเคลียร์ให้หมดน่ะสิ อาทิตย์หน้าโน่นถึงจะได้ลงอีกครั้ง”
“ค่ะ” หญิงสูงวัยที่ชื่อนุ่มรับคำก่อนจะมองตรงมาที่หล่อน
“คุณคะ เดี๋ยวลองชิมฝีมือนุ่มดูหน่อยนะคะ ถ้าไม่ถูกใจติชมได้ค่ะ นุ่มจะได้ปรับให้ถูกปากคุณ”
น้ำเสียงสุภาพ หน้าตาใจดี และรอยยิ้มกว้างที่ส่งมาทำให้ปานฤทัยยิ้มแหย จะตอบรับก็เกลียดใบหน้าเปื้อนยิ้มของหมอบ้านนอก จะปฏิเสธก็เกรงใจคุณป้ากับพยาธิในท้องที่ร่ำร้องว่าหิวแล้วๆ และที่สำคัญหล่อนแอบมองกับข้าวหลายอย่างในถาดก็ไม่ได้ขี้เหร่เลย โดยเฉพาะห่อหมกในกระทงใบจิ๋ว นานเกือบ 10 ปีทีเดียวที่หล่อนไม่ได้ลิ้มลอง และกลิ่นหอมหวนนี้หล่อนแน่ใจว่ารสชาติต้องเด็ด เมื่อไม่อาจต้านทานกลิ่นเย้ายวนใจจึงทำทีเป็นนั่งกินข้าวร่วมกับหมอบ้านนอกอย่างเสียไม่ได้ แต่แค่คำแรกเข้าปาก คำต่อไปหล่อนก็ไม่คิดจะเกรงใจใครอีก
“อิ่มแล้ว จะคุยธุระได้หรือยัง”
ปานฤทัยรวบช้อนตีสีหน้านิ่งทั้งที่ข้าวหมดจาน ดวงตาสวยมองคนที่นั่งฝั่งตรงกันข้ามแบบตำหนิที่เขากินช้า
“โธ่คุณ! คุณกินเอากินเอาไม่รอผม หมดแล้วก็มาเร่ง อ้าว... แล้วกินข้าวเสร็จไม่ดื่มน้ำเหรอ”
หล่อนมองแก้วน้ำด้านข้างที่ป้านุ่มรินไว้ให้ ใจก็อยากดื่มอยู่หรอก แต่พื้นที่เป็นไร่นาแบบนี้ก็กลัวไม่สะอาด
“แบบขวดก็มี ในตู้เย็นน่ะไปหยิบเอา”
ปานฤทัยเหลือบตามองคนตรงกันข้ามเพียงนิดเพราะเขาพูดราวรู้ใจ ก่อนจะลุกเดินไปยังทิศทางที่เขาพยักพเยิดซึ่งเป็นทิศทางที่ป้านุ่มเดินเข้าไป ทั้งที่หล่อนจะบอกว่าไม่อยากดื่มแล้วนั่งรอเขาอยู่ที่เดิมก็ได้ แต่ก็ถือว่ามาแล้วเดินดูสักหน่อยจะเป็นไรไป จะได้สำรวจดูด้วยว่านายหมอบ้านนอกนี้อยู่อย่างไร รสนิยมแค่ไหน พอที่จะคุยไปในทิศทางเดียวกันหรือเปล่า
ดวงตาสวยสำรวจเครื่องเรือนที่มีทั้งแบบเก่าสไตล์วินเทจและแบบใหม่ทันสมัยผสมผสานกันได้อย่างลงตัว ยิ้มนิดๆ พลางคิดว่านายหมอนี่ก็มีรสนิยมใช้ได้ แต่ไม่ใช่แบบที่หล่อนจะร่วมหัวจมท้ายด้วยแน่
สองเท้าพาก้าวตรงไปยังห้องครัวขนาดกว้างราว 4*3 เมตร มีเตาแก๊ส 2 หัว ตั้งอยู่ตรงกับช่องหน้าต่าง เคาน์เตอร์ไม้ขนาบข้างฝาไว้วางเครื่องปรุงต่างๆ และโต๊ะไม้ตัวยาวตั้งอยู่ตรงกลางสำหรับเตรียมอาหารและอาจไว้วางกับข้าวด้วย เพราะหล่อนเห็นที่ครอบอาหารวางอยู่ ที่ผนังแขวนพวกกระทะ หม้อ ตะหลิว แม้จะเป็นรูปแบบครัวไทยโบราณ แต่ความสะอาดและมีระเบียบก็เรียกรอยยิ้มบนใบหน้า
ปานฤทัยเดินตรงไปที่ตู้เย็นขนาดใหญ่สีเหลืองอ่อนรูปทรงแบบโบราณ เบ้ปากเล็กน้อย เพราะไม่คาดหวังว่าจะกล้าดื่มน้ำที่อยู่ในนั้นไหม เพราะภายนอกดูดี แต่ภายในอาจไม่กล้าแตะก็ได้
คีรินทร์มองร่างงามไปทุกสัดส่วนที่เดินออกมาจากด้านในของห้องครัว ในมือหล่อนมีขวดน้ำดื่มที่เปิดแล้วติดมาด้วย ใบหน้าหล่อยิ้มน้อยๆ เมื่อหล่อนทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“พร้อมคุยหรือยัง ฉันเสียเวลามากแล้วนะ”
“จะอาบน้ำก่อนไหม”
“นี่นาย! จะเอายังไงอีก ให้ฉันรอจนเย็น แถมยังต้องมากินข้าว แล้วนี่อะไรจะให้อาบน้ำอีก”
“ไม่อาบน้ำแล้วจะนอนทั้งชุดนี้น่ะเหรอ” พูดพร้อมทำจมูกย่นคล้ายได้กลิ่นอะไรตุๆ จนคนตรงหน้าตาโต ไม่รู้ว่าตาโตที่จะได้นอนค้างที่นี่หรือว่าตาโตเพราะกลิ่นตุๆ นั่น