EP.8
ในห้องนอนชายโสด... หล่อนคิดว่าเขาโสดนะ ไม่อย่างนั้นคงจะยืนยันเงื่อนไขนั้นไม่ได้
ห้องขนาดกว้างกว่าห้องครัวไม่มาก แต่มีโต๊ะ ตู้ เตียง และสิ่งอำนวยความสะดวกในการนอนครบครันทำให้พื้นที่ว่างซึ่งเป็นทางเดินในห้องมีเพียงระยะ 1 เมตร แค่ก้าวเดียวเขาก็ประชิดตัวหล่อนได้
“เดี๋ยวคุณนอนเตียงนะ ส่วนผม”
ไม่รอให้เขาพูดจบ “ฉันไม่นอนเตียง ฉันจะนั่งตรงนี้”
ปานฤทัยเลือกนั่งบนเก้าอี้โต๊ะทำงานที่อยู่ชิดมุมห้องติดประตู จะไม่ยอมไปขึ้นเตียงตามที่เขาบอกแน่ เพราะนั่งตรงนี้มุมดีสุด หากเขาจะคิดทำมิดีมิร้าย หล่อนก็คิดว่าก้าวออกทันแน่ แต่แค่เขาปิดประตูหล่อนก็ตาโต
“นายจะปิดประตูทำไม เอ่อ... ฉันร้อน”
“ร้อนกับยุงคุณเลือกอย่างไหนล่ะ หรือคุณอยากให้อะไรที่ไม่ใช่ยุงเข้ามาด้วย”
“เอ่อ... เร็วๆ เข้า จะได้เข้าเรื่องสักที นายนี่ทำให้ฉันเสียเวลามากจริงๆ”
“โอเคเริ่มเลย ผมพร้อมแล้ว”
คนพูดว่าพร้อม เดินไปทิ้งตัวนอนบนเตียงอย่างเอกเขนกทำเหมือนกำลังดูหล่อนเล่นตลกมากกว่าจะตั้งใจฟัง
“นี่นาย! กระตือรือร้นฟังสิ่งที่ฉันจะพูดหน่อย”
“คุณอยากพูดอะไรก็พูดมาเถอะ ผมเหนื่อย ผมต้องนอนพัก พรุ่งนี้ผมมีเข้าเวรเช้า และถ้าผมหลับคุณไม่ต้องปลุกนะ ถือว่าที่คุณพูดมา ผมโอเค”
ปานฤทัยอมยิ้มน้อยๆ ในสีหน้า มั่นใจว่าข้อเสนอของหล่อนเขาจะต้องเห็นด้วยก็เขาเผยไต๋มาซะขนาดนี้
“ฉันไม่อยากแต่งงานกับนาย ตามที่คุณตาของฉันกับคุณตาของนายตกลงกันเอาไว้ แต่ฉันก็จำเป็นเพราะมันมีเรื่องกฎหมายในครอบครัวของฉันมาเกี่ยวข้อง ดังนั้นฉันเลยจะจ้างให้นายจดทะเบียนสมรสกับฉัน แค่หนึ่งเดือน ให้ฉันเคลียร์อะไรๆ เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยไปหย่ากัน”
หล่อนเปิดฉากไม่อ้อมค้อมเพราะเสียเวลามากแล้ว แต่คนที่นอนฟังก็ยังเฉย ตามองหล่อนเขม็ง เขาต้องการให้หล่อนพูดต่อ
“นายอยากได้ค่าเสียเวลาเท่าไร”
“แล้วคุณจะให้เท่าไร”
อีกครั้งที่ปานฤทัยอมยิ้ม เพราะนี่ล่ะ หล่อนต้องการคำนี้ จะได้จบๆ กันสักที ถือว่าวันนี้ไม่เสียเปล่า
“ฉันให้สองแสน แค่เซ็นแก๊กเดียวให้ฉัน ตกลงไหม”
เจ้าของร่างสูงที่นอนเอกเขนกขยับลุกขึ้นนั่ง ตามองหล่อนเขม็ง สีหน้าครุ่นคิด
“แต่คุณ... เรื่องที่เราต้องแต่งงานกันอะ ไม่ใช่แค่คุณกับผมที่รับรู้นะ พ่อแม่ผม พ่อแม่คุณก็รู้ด้วย จะมางุบงิบกันได้ไง ผมคงตัดสินใจคนเดียวไม่ได้หรอก คงต้องบอกพ่อแม่ผมด้วย”
“ก็... นายก็บอกพ่อแม่นายไปสิว่าจดทะเบียนสมรสกันก่อน รอฤกษ์ดีๆ แล้วค่อยแต่งก็ได้ ถึงตอนนั้นอะ ฉันก็คงเคลียร์อะไรเรียบร้อยแล้วล่ะ นายเองก็ไม่ต้องมาแต่งงานกับฉันด้วย พอเราหย่ากันแล้ว ค่อยบอกพ่อกับแม่ ตกลงไหม วินๆ ด้วยกันทั้งสองฝ่าย”
“ถ้าผมไม่ตกลงล่ะ”
“เงินน้อยไปใช่ไหม ได้! นายเรียกมาได้เลยว่านายต้องการเท่าไร”
“ผมไม่ได้ต้องการเงิน”
“แล้วนายต้องการอะไร”
ปานฤทัยมองคนหล่อบนเตียงเขม็ง ไม่เคยรู้เลยว่าการนั่งมองผู้ชายที่กึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียงแบบนี้จะให้อารมณ์แปลกประหลาดในตัวหล่อน มันร้อนวูบวาบ คล้ายว่าเขาจะชวนหล่อนขึ้นเตียงซะงั้น แถมสีหน้า แววตา และริมฝีปากที่เม้มเข้าหากันอย่างคนครุ่นคิด ก็ยิ่งทำให้หมอบ้านนอกนี่ดูดีสุดๆ หล่อนยอมรับว่าเขามีเซ็กซ์แอพพีลล้นเหลือ แบบนี้สาวๆ ในโรงพยาบาลจะไม่พากันกรี๊ดแตกเหรอ
“ว่าไง นายต้องการเงินเท่าไร” ถามย้ำเพื่อเรียกสติสตังของตัวเองให้กลับคืน เพราะเริ่มรับรู้ได้ถึงแววตาซุกซนมองมาอย่างรู้ทัน
“ก็ถ้าผมไม่แต่งงานกับคุณ ผมก็จะไม่ได้มรดกของคุณตาเหมือนกัน เพราะคุณตาบอกไว้ว่าที่ดินที่นี่จะเป็นของผมโดยสมบูรณ์ นั่นคือผมต้องแต่งงานกับคุณเท่านั้น”
“ก็จดทะเบียนสมรสก็แปลว่าแต่งงานไง ทางนิตินัย ใครๆ ก็รู้”
“ทางนิตินัยน่ะใช่ แต่ใครๆ ก็รู้น่ะไม่ใช่ เงื่อนไขของคุณตาผมก็คือเราต้องแต่งงานอยู่กินกันครบหนึ่งเดือน”
“ก็ใช่น่ะสิ ฉันก็ต้องการแบบนั้นอยู่แล้ว ครบหนึ่งเดือนแล้วค่อยหย่า”
“อยู่กินกัน คือ คุณต้องอยู่กับผมที่นี่ในฐานะ ‘เมีย’ หนึ่งเดือน ให้ญาติพี่น้องของผม ให้ชาวบ้านร้านตลาดเขารู้กันทั่วว่าคุณเป็นเมียหมอขุนเขา โอเคไหม”
“อะไรนะ ฉันต้องอยู่ที่นี่ ไม่อะ” ปานฤทัยกัดปากอย่างขัดใจ ดวงตาสวยกวาดมองโดยรอบห้องนอน ก่อนจะเบ้ปากส่ายหน้าเล็กน้อย “ฉันจะไม่มีวันใช้ชีวิตที่นี่แน่”
คีรินทร์มองผู้หญิงที่นั่งหน้าเชิด ปานฤทัยรังเกียจที่นี่จริง ทั้งคำพูด สายตา และท่าทางแสดงออกไม่มีตรงไหนเลยที่หล่อนจะชื่นชอบที่นี่ แต่เขาจะทำให้หล่อนชอบให้ได้
“หรือคุณมีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้ ผมว่านี่ล่ะวินที่สุดแล้ว คุณได้ทะเบียนสมรส ผมก็ได้คุณเป็นเมียให้ชาวบ้านแถวนี้เขารู้กันทั่ว ระหว่างนั้นผมก็จะทำเรื่องโอนที่ดินให้เรียบร้อย ครบกำหนดปุ๊บ คุณก็เอาทะเบียนสมรสไปรับมรดกของคุณได้เลย ตกลงไหม”
คนสวยที่ทำหน้าอึ้งทำให้คีรินทร์หัวเราะน้อยๆ ขยับตัวลุกขึ้นนั่ง
“เริ่มจากวันนี้วันแรก”
“ไม่ได้! มันเร็วไป ฉันขอกลับไปคิดดูก่อน”
“งั้นวันนี้ไม่นับ”
“ได้ไงล่ะ ก็ต้องนับด้วยสิ ฉันเสียเวลาไปแล้ว”
“ไม่ใช่เรื่องของผม”
คีรินทร์เอี้ยวตัวปิดไฟทำให้ทั่วทั้งห้องมืดสนิทก่อนจะตามมาด้วยเสียงหวีดร้องของปานฤทัย