SPACE BAR 8

2708 คำ
SPACE BAR 8 สองทุ่มสี่สิบแพรและแฟนมารับถึงหน้าคอนโด ระหว่างที่เดินทางเราก็คุยกันไปเรื่อยแนะนำตัวกับแฟนเพื่อนจากนั้นก็เมาส์เรื่องทำงานเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างที่เราไม่ได้เจอกันให้เพื่อนได้ฟัง “อ้าว ทำไมจู่ ๆ ฝนตก” แพรอุทานเสียงตกใจฉันเองก็ไม่ต่างจากเพื่อนมากนัก เพราะไม่คิดว่าจู่ ๆ ฝนจะตกมาแบบนี้ อาจเป็นเพราะไม่ได้ดูสภาพอากาศมาด้วยนั่นแหละ “เริ่มตกหนักเรื่อย ๆ เลย” ฉันพึมพำเสียงเบาเมื่อลอบมองสายฝนที่เริ่มตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ “แต่งตัวมาสวย ๆ แต่พอจะเข้าร้านจะมาเยินเพราะฝนตกไม่ได้นะ” แพรแซวทั้งตัวเองและฉันพร้อมกับเสียงหัวเราะ “พี่เอาร่มลงจากรถเมื่อเช้าด้วยประเด็น” แฟนแพรบอกกับแฟนตัวเองเสียงนุ่ม เพิ่งเคยเจอพี่เซฟไม่กี่ครั้งแต่แฟนแพรเป็นคนไม่ค่อยพูดแต่สายตาและการกระทำที่แสดงออกมาต่อเพื่อนฉันนั้นน่ารักมาก ดูใส่ใจและดูแลอย่างดีเลยก็ว่าได้ ถ้าจำไม่ผิดแพรเคยเล่าให้ฟังว่าพี่เซฟเป็นสปอนเซอร์ละครเรื่องก่อนที่แพรทำงานจากนั้นก็ติดต่อและคุยกันมาเรื่อย ๆ จนตกลงเป็นแฟนกันนี่แหละ น่ารักมาก ๆ เลยนะเวลาพี่เซฟเทคแคร์แพรน่ะ ระหว่างที่ลอบมองเพื่อนกับแฟนคุยกันอย่างน่ารัก โทรศัพท์ฉันก็มีสายเรียกเข้ามาเป็นเกรฟเช่นเคยที่ชอบโทรมาในทุกช่วงเวลาที่เขาว่าง “ค่ะ” (ถึงไหนแล้ว) “ใกล้ถึงแล้ว อีกสักสิบนาทีได้ ทำไมเหรอ?” ฉันถามกลับอย่างไม่เข้าใจ เพราะก่อนออกมาก็ส่งข้อความบอกเขาแล้วว่ากำลังเดินทาง (ฝนตกครับ ถ้าถึงแล้วบอกจะให้การ์ดเดินไปรับที่รถ) “เกรงใจ” (เดี๋ยวก็ไม่สบาย เดี๋ยวเดินไปรับเองแล้วให้การ์ดไปรับแพรด้วย) “อื้อ เรามีสามคน” (ครับ สามคนนะ ถึงแล้วโทรบอก) “รับทราบค่ะ” “แพร เกรฟบอกว่าถ้าถึงแล้วให้บอกเดี๋ยวจะให้การ์ดมารับเพราะฝนตก” หลังจากวางสายจากเกรฟก็รีบเอ่ยบอกเพื่อนทันที ทั้งที่รู้ว่ายังไงก็คงจะโดนแซวแต่ก็ไม่เคยชินเสียทีเวลาถูกแซวเรื่องเกรฟ “อุ๊ย มีแฟนเป็นเจ้าของร้านมันก็ดีอย่างนี้นี่เอง” “ไม่ใช่แฟนสักหน่อย” ปฏิเสธเสียงเบา รู้สึกแปลก ๆ กับคำแซวนี้ของเพื่อนเหมือนกัน เพราะทุกอย่างที่ทำมาเราอยู่กันในสถานะเพื่อนไม่ใช่แฟนอย่างที่เพื่อนและคนรอบข้างเข้าใจ “อ้าว ยังไม่เป็นแฟนเหรอ? การกระทำทุกอย่างมันแฟนมากเลยนะ ไปรับไปส่งทำงาน ส่งข้าวส่งน้ำ ไหนจะดูแลอะไรอีกมากมาย” นั่นสิ ฉันก็สงสัย “เขาคงทำเพราะเห็นว่าเราเป็นเพื่อนเขาอีกคนนั่นแหละ” รู้สึกแปลก ๆ ในอกเหมือนกันยามเอ่ยบอกว่าเขาคือเพื่อน เมื่อก่อนคงจะไม่รู้สึกอะไรมากแต่ตอนนี้กลับเอาแต่คิดว่าระหว่างฉันและเกรฟมันคืออะไรกันแน่ แค่เพื่อนใช่หรือเปล่า “ถึงแล้วครับ” เสียงพี่เซฟฉุดฉันใกล้กลับอยู่ในปัจจุบัน “บอกเกรฟเร็วมิ้ง อย่าไปคิดมากนะฉันว่าการกระทำของเกรฟมันชัดเจนกว่าทุกสิ่งแล้ว แต่ถ้ายังไม่สบายใจก็คุยกันตรง ๆ เลย” แพรปลอบเสียงนุ่มนวล “บอกแล้วล่ะเดี๋ยวคงให้การ์ดเดินมา” ฉันเลือกที่จะส่งข้อความบอกเกรฟแทนการโทร ฉันบอกจุดจอดรถและทะเบียนรถไปแล้วเรียบร้อย ไม่ถึงห้านาทีก็มีคนมาเคาะกระจกรถเบา ๆ พอมองดี ๆ ก็พบว่าเป็นเกรฟฉันจึงบอกเพื่อนและพี่เซฟจากนั้นก็ค่อย ๆ เปิดประตู สายฝนด้านนอกเทลงมาอย่างต่อเนื่องแต่ไม่ได้แรงอย่างที่นึกกลัว “สวมเสื้อก่อน” เกรฟใช้มือข้างหนึ่งที่ถือเสื้อแจ็กเกตอยู่คลี่แล้วคลุมให้ฉันด้วยมือข้างเดียวส่วนมืออีกข้างก็ถือร่มกางกั้นหยาดน้ำฝนเพื่อไม่ให้โดนตัวฉัน ฉันขยับเข้ามายืนชิดเกรฟและปิดประตูรถหันกลับไปมองเพื่อนก็พบว่ามีการ์ดกางร่มให้ทั้งแพรและพี่เซฟแล้ว ระหว่างที่เกรฟพาเดินกลับเข้าไปในร้านก็มีการ์ดอีกสามคนเดินตามเรา สายตานักท่องเที่ยวที่ยืนอยู่หน้าร้านต่างเมียงมองมาไม่ขาดสาย “หนาวไหม?” กระทั่งเดินเข้ามาถึงร้านก็มีการ์ดเข้ามาเก็บร่มให้ เกรฟช่วยตรวจดูฉันว่าเปียกเยอะหรือเปล่าแต่มันก็แค่น้อยนิดที่ฉันโดนละอองฝน “นิดหน่อย” “จองโต๊ะไหนไว้” เกรฟถามต่อ มือก็ยกขึ้นเกลี่ยเส้นผมให้โดยที่ไม่อายสายตาของลูกค้าหรือพนักงานที่มองมาเลยสักนิด “ต้องถามแพร แพรจองโต๊ะไหนไว้” “โต๊ะสิบสอง” “เดี๋ยวพาไปส่ง หรือจะไปเปลี่ยนเสื้อที่ห้องทำงานก่อน” ต้นประโยคนั้นสายตาเกรฟมองแพรแต่พอท้ายประโยคเขาก้มหน้ามองฉันอย่างเป็นห่วง “ไม่เปลี่ยนก็ได้หรอก” “ครับ งั้นก็เดี๋ยวไปส่งที่โต๊ะนะ ไปกันแพรเดี๋ยวเราไปส่ง” “จ้า” แพรขานรับกวน ๆ ก่อนจับมือพี่เซฟเดินตามฉันและเกรฟเข้ามาภายในร้าน ทุกครั้งที่เดินผ่านพนักงานฉันก็จะทำตัวไม่ค่อยถูกเมื่อพนักงานโค้งให้เกรฟเพื่อทักทาย ไม่ลืมเผื่อแผ่มาที่ฉันด้วย ฉันโค้งกลับจนเวียนหัวไปหมดแล้ว “ที่จริง พวกนั้นมันก็มานะแต่มันอยู่วีไอพี” ระหว่างดึงเก้าอี้ให้นั่งเกรฟก็โน้มเข้ามากระซิบบอกและยืนชิดหลังฉันไว้ไม่ยอมขยับออกห่าง “หือ?” “พวกไอ้โอม” เกรฟอธิบายเพิ่มเติม “ถ้ามันรู้เดี๋ยวคงเดินมารวม...” “เฮ้ย! มาได้ยังไงทำไมไม่ชวนในกลุ่มด้วย” เกรฟพูดยังไม่ทันจบประโยคก็มีคนพุ่งเข้ามาที่โต๊ะด้วยท่าทางตื่นเต้น เป็นเพื่อนของเกรฟที่ชื่อโอมจริง ๆ ด้วย แต่เพราะเสียงดนตรีที่ดังสนั่นทำให้ไม่รู้ว่าแพรคุยอะไรกับโอม ระหว่างที่พนักงานเข้ามารับออเดอร์แพรรับหน้าที่สั่งเครื่องดื่ม ส่วนฉันน่ะเหรอขอเน้นกับแกล้มแล้วกันค่ะ เมนูกับแกล้มที่ร้านนี้อร่อยมากฉันชอบสุด ๆ เลย “คุณเกรฟครับขอเวลาสักครู่” เสียงหนึ่งดึงขึ้นข้าง ๆ เกรฟ พอหันไปมองก็เจอพี่ผู้จัดการร้านเข้ามาสะกิดเรียกเกรฟด้วยท่าทีเกรงใจ “เดี๋ยวมานะ” เกรฟกระซิบบอกอีกครั้งก่อนจะเดินออกห่างพร้อมกับผู้จัดการร้าน เอาละได้เวลาสนุกของฉันแล้ว เครื่องดื่มทยอยมาเสิร์ฟฉันกับแพรก็ดื่มกันเรื่อย ๆ ยิ่งมีเพื่อนของเกรฟมานั่งรวมโต๊ะด้วยยิ่งสนุกมีคนชวนคุยชวนหัวเราะ เวลาเดินผ่านไปเรื่อย ๆ ยิ่งดึก ยิ่งดื่มเยอะ ยิ่งสนุก ไม่รู้เครื่องดื่มหมดและเรียกพนักงานมาสั่งเพิ่มกี่รอบแต่ทุกครั้งที่มาพนักงานต่างดูแลโต๊ะฉันดีมาก จนกลัวลูกค้าโต๊ะอื่นเขม่นเอา พนักงานดูแลดีแบบนี้ต้องทิปหนักแล้วสิ “โห รอบนี้ดื่มอย่างโหด” ริวเอ่ยแซวเมื่อเห็นฉันดื่มหนักมากขนาดนี้ พี่เซฟแฟนของแพรไม่ได้ดื่มนะเพราะเจ้าตัวบอกจะขับรถให้เลยกินแค่กับแกล้มและน้ำเปล่า จะว่าไปกับแกล้มใกล้หมดแล้วสั่งเพิ่มดีไหมนะ “ขอสั่งกับแกล้มเพิ่มได้ไหม?” ถามเพื่อนร่วมโต๊ะ “ได้สั่งมาเลย” “ขอบคุณค่ะ” เมื่อได้รับคำยืนยันก็ยกมือเรียกพนักงาน ไม่นานก็มีพนักงานคนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้อย่างนอบน้อม ทำไมทุกคนถึงได้ทำเหมือนกลัวฉันแบบนี้กันด้วยล่ะเนี่ย “เอาโปรห้าอีกหนึ่งค่ะ แล้วก็ปีกไก่ทอดเกลือ กุ้งแช่น้ำปลา ชุดใหญ่ทั้งสองอย่างนะคะ” นอกจากกับแกล้มแล้วฉันยังสั่งเครื่องดื่มมาเพิ่มด้วย ตอนนี้เพิ่งจะเที่ยงคืนเองคืนนี้ยาว ๆ กันไปเลยค่ะ “ได้ค่ะคุณมิ้ง รอสักครู่ค่ะ” “ขอบคุณค่ะ” คล้อยหลังพนักงานเดินออกไป เกรฟก็เดินเข้ามาหลังจากที่หายไปหลายชั่วโมงเกือบ ๆ สามชั่วโมงเห็นจะได้ “ไปไหนมามึง” เป็นโอมที่เอ่ยถาม เมื่อเกรฟเดินเข้ามาหยุดยืนซ้อนหลังฉัน ตอนนี้ฉันไม่ได้สวมเสื้อแจ็กเกตของเขาแล้วล่ะแต่เอามาคลุมที่ขาแทน “นับเหล้า ดื่มหนักกันเลยเหรอวะ” “เออดิ นาน ๆ จะได้เจอเพื่อนแม่ง คิดถึงบรรยากาศตอนเรียน มึงเอาหน่อยไหม?” หวานถามเกรฟ ระหว่างที่ตอบเพื่อนเกรฟก็โน้มต่ำยื่นมือไปหยิบแจ็กเกตเขาที่ฉันคลุมไว้ที่ขามาจากนั้นก็จัดการคลุมที่ไหล่ให้ฉันเงียบ ๆ ไม่ได้พูดอะไรกับฉันเลยสักประโยค “กูต้องขับรถ ดื่มกันเลยจะเอาอะไรเพิ่มเรียกพนักงาน” “แหม ปากตะโกนคุยกับกูแต่มือมึงนี่นะ อะไรจะหวงเขาขนาดนั้น” โอมยังแซวเกรฟต่อ ต่างจากฉันที่ยกแก้วเครื่องดื่มตัวเองดื่มจนหมดรวดเดียว แพรมองอย่างเป็นห่วงแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมาเรื่องที่ทำให้ฉันเครียดจนต้องดื่มหนักแบบนี้ ฉันไม่ได้เครียดเครื่องความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับเกรฟหรอกนะแต่ที่เป็นอยู่ตอนนี้เพราะเมื่อตอนกลางวันและเรื่องที่ฉันได้รับข้อความจากใครคนนั้นซึ่งแน่นอนว่าฉันไม่ได้ต้องการที่จะเจอหรือติดต่อเขา ทั้งที่คิดว่าคงไม่รู้สึกอะไรถ้าหากบังเอิญเจอ แต่ความจริงนั้นเปล่าเลยฉันยังคงมีความรู้สึกต่อผู้ชายคนนั้น คนที่ทิ้งฉันไปในวันที่ไม่มีแม่อยู่ข้าง ๆ “มิ้ง ดื่มเยอะเกินไปแล้วนะ” ดื่มกันอยู่นานแพรถึงได้เอ่ยเตือนเมื่อเห็นว่าฉันดื่มหนักจนสติแทบไม่มีเหลือ แต่ฉันมั่นใจว่าฉันยังมีสติอยู่นะยังดื่มยังคุยได้แม้จะตอบช้าไปบ้างก็เถอะ ตอนนี้ใกล้ถึงเวลาร้านปิดแล้วด้วย เมื่อเวลาผ่านไปทั้งฉันและแพรลุกขึ้นเต้นบ้างเมื่อร้านเปิดเพลงที่ชอบกระทั่งใกล้ถึงเวลาปิด อาจเป็นเพราะรู้จักกับเจ้าของร้านดีเจเลยเปิดเพลงให้เต้นกันไม่หยุดยิ่งขอยิ่งเปิดและไม่มีคนห้ามด้วยกระทั่งเคลียร์นักท่องเที่ยวออกจากร้านหมดไฟในร้านถูกหรี่ลงพร้อมกับเสียงเพลงที่ยังเปิดราวกับยังมีนักท่องเที่ยวอยู่หลายร้อยคน ทั้งที่ความเป็นจริงมีเพียงโต๊ะฉันและเพื่อน ๆ ของเกรฟที่รวมกันแล้วมีหกคนถ้วน เพลงฮิปฮอปเกาหลีชื่อดังถูกเปิดขึ้นพร้อมกับดนตรีที่ดังขึ้นมา ฉันและแพรมองหน้ากันพร้อมกับรอยยิ้มขำและเป็นอีกครั้งที่เราสองคนควงแขนกันขึ้นไปเต้นบนเวที ด้วยเพลงนี้กล่าวถึงการหลงใหลเรือนร่างของผู้หญิงท่าเต้นที่เคยเจอในเอ็มวีนั้นค่อนข้างเซ็กซี่มากจนหัวใจเต้นแรง แต่สนุกมากสำหรับฉันและเพื่อนสนิทอย่างแพร โดยที่ไม่รู้เลยว่าที่โต๊ะนั้นคนที่เพิ่งเดินกลับเข้ามากำลังจ้องมองด้วยความตกใจและหวงแหน “เกิดอะไรขึ้นทำไมเต้นกันขนาดนี้” เกรฟที่เพิ่งเดินลงมาจากห้องทำงานเอ่ยถามเพื่อนตัวเองที่ยังร้องเชียร์อัพสาว ๆ ที่ตอนนี้ออกไปเต้นบนเวทีด้วยท่าทางแสนเซ็กซี่ ไม่มีห้ามกันเลยให้ตายสิ “เพลงโปรดน่ะครับ ชอบเต้นเพลงนี้กัน” กลายเป็นแฟนหนุ่มของแพรที่เป็นฝ่ายตอบเกรฟ “เชี่ย! สุดเซ็กซี่” “กูจะบ้าตาย หยุดมองเลยนะพวกมึงน่ะ แล้วใครเปิดดเพลงวะเนี่ย” เกรฟสบถอย่างหัวเสียสายตายังจับจ้องภาพคนตัวเล็กที่วันนี้ยั่วเก่งมากจนเขาหวงแต่เพราะยังอยากให้เที่ยวอย่างสบายใจไม่รู้สึกอึดอัดเลยไม่ได้ลงมานั่งด้วยแต่เขายังคงมองดูคนตัวเล็กผ่านกระจกบานใหญ่จากชั้นสองของห้องทำงาน ไม่ลืมสั่งให้ผู้จัดการเดินผ่านบ่อย ๆ เพื่อช่วยดูแลรวมถึงกำชับพนักงานให้ดูแลโต๊ะมิ้งและเพื่อนเจ้าตัวอีกด้วย “คุณเกรฟให้พนักงานดูนี่ครับ ทุกคนทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด” ภพ หนุ่มวัยกลางคนที่ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการร้านและผู้ช่วยของเกรฟเอ่ยตอบแต่แฝงไปด้วยน้ำเสียงติดจะแซวเล่น “เพลงสุดท้ายแล้วนะ จบแล้วก็พอถ้าจะดื่มก็ดื่มต่อแต่ไม่ให้เปิดเพลงแล้ว” “หวงก็บอกว่าหวงสิวะ” โอมเอ่ยแซวเพื่อนตัวเองพร้อมกับหัวเราะลั่นยามได้เห็นใบหน้าอื่นของเพื่อนตัวเอง ไม่ว่าเรื่องไหนที่เกี่ยวกับมิ้งเพื่อนเขามักจะมีหลากหลายอารมณ์ราวกับคนทั่วไป แต่หากไม่มีเรื่องของมิ้งเพื่อนเขานั้นแทบจะมีหน้าเดียวเลยก็ว่าได้ “แล้วมันน่าหวงไหมล่ะ” เกรฟตอบ มือหยิบเสื้อแล้วเดินไปรอข้างเวที กระทั่งเพลงจบลงแฟนของแพรเดินมารับแฟนตัวเองกลับไปที่โต๊ะโดยที่เกรฟเองก็เดินเข้าไปใกล้มิ้งและใช้เสื้อแจ็กเกตตัวเองคลุมให้ไหล่บาง เสื้อครอปสายเดี่ยวที่เจ้าตัวสวมมาในวันนี้หลังจากเต้นอย่างสนุกสุดฤทธิ์กับเพื่อนสนิทสายเดี่ยวเสื้อก็หล่นลงจากไหล่และคนตัวเล็กไม่ได้สนใจจะหยิบขึ้นเลยสักนิด ต้องกลายเป็นเกรฟเสียเองที่ต้องใช้ปลายนิ้วเกี่ยวสายเสื้อขึ้นไว้บนลาดไหล่รวมถึงเช็กความเรียบร้อยของคนตัวเล็กที่ดูแล้ว เมาจนไม่มีสติแน่ ๆ “เมามากแล้วนะ” เกรฟบอกคนตรงหน้ารวมถึงให้สัญญาณดีเจปิดเพลงและให้พนักงานเปิดไฟในร้าน จังหวะที่ไฟสว่างขึ้น คนตัวเล็กหรี่ตาหลบแสงอย่างน่าสงสาร เกรฟที่มองคนตรงหน้าไม่ละสายตารีบยกมือป้องสายตาให้คนตัวเล็กทันทีเช่นเดียวกัน เพราะจุดที่เขาและคนตัวเล็กยืนอยู่นั้นแทบจะเป็นจุดกึ่งกลางของร้านทำให้พนักงานที่ควบคุมไฟมองเห็นการกระทำทุกอย่างจึงตัดสินใจลดแสงไฟลงไม่ให้สว่างมากอย่างรู้หน้าที่ “มิ้ง” “อื้อ” คนเมาขานรับขยับซบใบหน้าลงบนอกกว้างตึงของคนคุ้นเคยตรงหน้า “กลับเลยไหม?” เกรฟถามมือก็ช่วยรวบผมไปข้างหลังด้วยความใส่ใจ “อยากดื่มต่อ” “จะดื่มไหวเหรอ ดื่มหนักมากเลยนะ” “ยังสนุก” คนเมายังไม่ยอมกลับ และตอนนี้ท่อนแขนเล็กนั้นได้ยกโอบรอบเอวหนาไว้อย่างออดอ้อน แล้วคิดว่าคนอย่างเขาจะทนได้สักกี่น้ำ แค่มิ้งมองอ้อนทำตาปริบ ๆ เขาก็ใจน้วยไปหมดแล้ว “ถ้าดื่มไม่ไหวหรือจะอ้วกให้บอกจะได้พากลับ” “ขอบคุณค่ะ” “แหม กอดกันกลางร้านเลยนะมึง” “เงียบไปเลย กูอุตส่าห์วางใจให้ช่วยดู แต่ไม่มีใครห้ามใครเลย” “ก็เขาสนุก เหมือนเขาจะมีเรื่องเครียดด้วยเลยไม่อยากห้าม” “อือ ก็พอดูออก” “ผมว่าจะพาแพรกลับแล้วให้ผมไปส่งมิ้งด้วยเลยไหม?” “ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมดูแลเขาเอง ขับรถไหวนะครับ?” “ไหวครับ ผมไม่ได้ดื่ม ถ้ายังไงผมขอตัวก่อนนะครับ” “ครับ ส่วนพวกมึงก็กลับได้แล้ว อีกแค่ชั่วโมงครึ่งพระอาทิตย์ก็จะขึ้นไม่รู้จักกลับบ้าน” “อ้าว ไหงมาลงพวกกูวะ” “นั่นดิ หวงเขาจนอยากพากลับก็พูดมา” “เออ!! หวงฉิบหาย กูจะพาเขากลับบ้านแล้ว!!”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม