bc

SPACE BAR พื้นที่รัก

book_age12+
31
ติดตาม
1K
อ่าน
ครอบครัว
จบสุข
เบาสมอง
addiction
like
intro-logo
คำนิยม

“ทำไมไม่ตอบข้อความบ้างเลย”

“ไม่มีข้อความ”

“ส่งทุกวันจะไม่มีได้ยังไง?”

“แต่ไม่มีแจ้งเตือนเลยนะ”

“แต่ส่งทุกวันไม่ได้ส่งผิดด้วย หรือเธอบล็อกเรา?”

“บ้าเหรอ? ไม่ได้บล็อก...”

“ไม่ได้บล็อกแต่ปิดแจ้งเตือน? มิ้งได้มิ้ง”

chap-preview
อ่านตัวอย่างฟรี
SPACE BAR 1
SPACE BAR 1 “มิ้งไปไหน?” “ไปเข้าห้องน้ำเดี๋ยวตามออกไป” “เร็ว ๆ นะพวกนั้นมาถึงแล้ว” “รู้แล้ว ๆ จะรีบตามไป” ถามว่าคุยกับใคร จะบอกให้ก็ได้ว่าฉันคนนี้คุยกับเพื่อนสนิทที่วันนี้บังคับแกมขู่ฉันให้มาร่วมงานเลี้ยงรุ่นหลังจากที่เรียนจบมาเกือบสามปี พอจบมาก็ไม่ได้ติดต่อใครเลยนอกจากเพื่อนคนเมื่อกี้ที่ชื่อแพร ส่วนตัวฉันนั้นชื่อมิ้ง แปลว่าอะไรก็ไม่รู้เหมือนกันเพราะคนที่ตั้งชื่อให้ฉันเสียแล้วและตอนนี้ฉันก็ไม่เหลือคนในครอบครัวแล้วก็ว่าได้ คนเป็นพ่อมีครอบครัวใหม่หลังจากที่แม่เสียไม่ทันข้ามวัน เราไม่เคยติดต่อกันอีกเลยตอนนี้ฉันเลยอยู่ตัวคนเดียว แบบนี้ก็มีความสุขดี “โอ๊ะ! ขอโทษค่ะ” จังหวะที่เดินเหม่อไปยังโซนห้องน้ำ ความซุ่มซ่ามของฉันก็ทำให้เดินเข้าไปชนกับใครสักคนที่ฉันมองหน้าไม่ชัดแต่ไม่ลืมที่จะเอ่ยขอโทษกลับไปอย่างรวดเร็ว ๆ “ไม่เป็นไรครับ” เสียงทุ้มเอ่ยตอบกลับมา ฉันโค้งขอโทษอีกฝ่ายเล็กน้อยก่อนจะรีบเดินเข้าไปยังห้องน้ำ ฉันจะรู้สึกประหม่าทุกครั้งที่ต้องออกมาเจอผู้คนมากมาย ถึงแม้ที่มาเจอวันนี้จะเป็นเพื่อนที่เรียนด้วยกันมาก็ตามแต่ฉันก็ยังรู้สึกกลัวจนไม่กล้าเจอหรือเอาแต่คิดหนักว่าจะทักทายพวกเขาอย่างไรดี ถ่วงเวลาได้ไม่นานเพื่อนสนิทก็โทรตามถี่ ๆ จนต้องรีบเดินออกจากห้องน้ำไปยังโซนที่เพื่อนตัวเองรออยู่ เพื่อนในสาขาที่เรียนด้วยกันมีเกือบหนึ่งร้อยกว่าคนแต่ที่มาวันนี้มีเพียงสามสิบคนเห็นจะได้ เมื่อมีเพื่อนที่คุ้นหน้าหันมาเจอแล้วโบกมือทักทายฉันก็ยิ้มแล้วโบกมือทักทายกลับไปเช่นเดียวกัน จากนั้นก็กลั้นใจเดินไปนั่งข้าง ๆ แพรที่ตอนนี้กำลังคุยกับเพื่อนคนอื่นอยู่อย่างสนุก โดยที่ฝั่งตรงข้ามมีหนุ่มหล่อสุดฮอตของรุ่นนั่งอยู่ ข้าง ๆ เขานั้นฉันเดาว่าน่าจะเป็นเพื่อนของเจ้าตัวนั่นแหละนั่งขนาบข้างโดยที่มีสาว ๆ ต่างมองอย่างเสียดายที่ไม่ได้เข้าใกล้หนุ่มฮอตคนนั้น ถามว่าฉันรู้จักได้ยังไงน่ะเหรอ? ก็ผู้ชายคนนั้นชอบมานั่งด้านหลังแล้วแกล้งยืมปากกาฉันไม่คืนน่ะสิ!! รู้ไหมฉันหมดเงินไปกับการซื้อปากกามากแค่ไหน! “ดื่มนี่หน่อยไหม?” แพรหันกลับมาถามเมื่อคนที่นั่งคุยด้วยก่อนหน้านี้เดินไปโต๊ะอื่น “ไม่เอา” ฉันส่ายหน้าปฏิเสธแล้วยกแก้วน้ำอัดลมตัวเองขึ้นดื่มแทน ฉันดื่มได้นะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์น่ะ แต่ฉันไม่อยากดื่ม ฉันตั้งใจเอาไว้แล้วว่าหลังจากเสร็จจากที่นี่ฉันจะตระเวนกินของอร่อยตามร้านอาหารที่ปิดดึก ๆ ในหัวตอนนี้ที่แรกเลยร้านหมูกระทะที่เปิดจนถึงตีสี่ แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้วอยากไปหาอะไรกินแล้วล่ะ ถ้าถามว่าฉันทำงานอะไร ฉันน่ะทำงานฟรีแลนด์เกี่ยวกับตัดต่อวิดีโอ คลิปต่าง ๆ หรือบางทีก็มีบริษัทเข้ามาจ้างให้ไปช่วยงานเป็นจ็อบไป ที่ติดต่อมาบ่อย ๆ ก็คงจะเป็นบริษัท Graph X3 Studio ที่ติดต่องานเข้ามาบ่อย ๆ จนตอนนี้พี่เจ้าของสตูดิโอเริ่มยื่นข้อเสนอให้เข้าไปทำงานประจำแล้วและตอนนี้ก็ยังอยู่ในช่วงตัดสินใจอยู่ “แล้วนี่มิ้งอยู่ไหน? ไม่ค่อยเห็นเข้าไปคุยด้วยกันในกลุ่มเลย” และทันทีที่มีคนถามฉันก็ยื่นมือไปสะกิดเพื่อนตัวเองยิก ๆ อย่างต้องการตัวช่วยทันที แพรหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะช่วยตอบอย่างรู้งาน “มันทำฟรีแลนด์น่ะโอม คือมิ้งพูดไม่เก่งแล้วก็เข้าสังคมไม่เก่งเท่าไหร่อย่าถือสาเลยนะแต่ถ้าสนิทคือถึงกับต้องยกมือไหว้ให้มันหยุดพูดเลยล่ะ” แพรได้ทีเผาฉันให้คนอื่นฟัง ดีที่ว่าคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะตอนนี้เป็นคนที่เคยทำงานกลุ่มด้วยกันมาบ้างทักทายกันบ้างเล็กน้อยเลยไม่มีใครอะไรกับฉัน ออกจะชอบแกล้งเสียด้วยซ้ำ “กลับจากที่นี่จะไปไหนต่อไหม?” โอมคนเดิมถามต่อ ฉันหยิบแก้วเครื่องดื่มตัวเองขึ้นดื่ม ก็น้ำอัดลมนั่นแหละจากนั้นก็กินกับแกล้มที่คนอื่น ๆ สั่งมา ไหนแพรมันบอกว่ามาไม่นานทำไมเผลอแป๊บเดียวตอนนี้จะเที่ยงคืนแล้วล่ะ “มิ้งอยากไปกินหมูกระทะน่ะ ไปด้วยกันไหมล่ะ” แพรชวนโอม แต่ฉันไม่คิดว่าโอมจะหันไปชวนเพื่อนของเขาอีกสามคน เป็นสามคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามฉัน “เอาไง ไปไหม? นาน ๆ จะเจอมิ้งกับแพรนะ” “เอาสิ อยากกินเหมือนกัน” “งั้นเราไปด้วยนะ จะไปร้านไหนกันดี” “ร้านxx ที่เปิดถึงตีสี่น่ะ ว่าจะออกไปเลย ไปพร้อมกันเลยไหมหรือจะตามไปทีหลัง” แพรเป็นฝ่ายตกลงกับกลุ่มคนที่จะไปกินหมูกระทะด้วยกัน ก็นึกว่าจะได้ผ่อนคลายที่ไหนได้ฉันยังจะต้องไปนั่งเกร็งพวกเขาอีกเหรอเนี่ย “ไปพร้อมกันเลย วันนี้ก็ไม่ค่อยอยากดื่มเท่าไหร่ ไปกันเลยไหมล่ะ” ชวนกันเสร็จก็ปุบปับออกจากร้าน บอกลาเพื่อนคนอื่น ๆ ฉันได้แต่เดินตามแพรงง ๆ “ต้องหัดเข้าสังคมได้แล้ว ฉันอยากให้แกทำงานประจำนะมิ้งถึงแม้ฟรีแลนด์จะได้เงินเยอะ แต่อย่างน้อยแกก็ต้องมีสังคมการทำงานมากกว่านี้” แพรหันกลับมามองพร้อมกับบอกเหตุผลที่ชวนเพื่อนคนอื่นไปกินหมูกระทะด้วยกัน “พยายามอยู่” “อื้อ ถ้าเพื่อนชวนคุยก็ตอบ ถ้าไม่ไหวให้บอกจะอธิบายให้เพื่อนเข้าใจเอง” “อื้อ” พยักหน้าเข้าใจก่อนจะเดินแยกกับเพื่อนไปขึ้นรถเพื่อไปเจอกันที่ร้านหมูกระทะ จังหวะที่กำลังจะเดินขึ้นรถเริ่มรู้สึกว่ามีคนเดินตามเพราะความกลัวจึงทำให้ฉันรีบเดินเร็วขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อใกล้ถึงรถจู่ ๆ ก็มีแรงหนึ่งโถมกอดไหล่ฉันไว้พร้อมกับคำพูดแปลก ๆ “งอนจนต้องรีบเดินกลับมาที่รถก่อนเลยหรือไงกัน” เสียงทุ้มกระซิบราวกับรู้จักฉัน และฉันที่กำลังจะโวยวายก็ต้องเงียบเสียงลงเมื่อเห็นใบหน้าของคนที่จู่ ๆ ก็โถมเข้ามาโอบไหล่ฉันไว้ “เงียบก่อน” คนตรงหน้ากระซิบเสียงเบาก่อนจะพาเดินไปที่รถ จากตรงนี้ห่างออกไปไม่กี่เมตรสายตาฉันเหลือบเห็นร่างสูง ๆ ของใครสักคนที่กำลังจ้องมาทางฉันแต่พอมีเกรฟเข้ามาร่างนั้นก็รีบเดินหายไป “มันตามตั้งแต่หน้าร้านแล้ว ทำไมไม่ระวังมากกว่านี้” เมื่อเงานั้นหายไป เกรฟก็เริ่มบ่นฉันอีกครั้ง “ขอบคุณ” “เอากุญแจรถมาจะขับให้” “...” มองฝ่ามือขาวที่สะท้อนแสงไฟสลัวด้วยความชั่งใจ “มิ้งกุญแจรถ เพื่อนถึงร้านหมดแล้วมั้ง” “อือ” ตอบอย่างเสียไม่ได้ ก่อนจะวางกุญแจรถลงบนมือเกรฟ จากนั้นก็เดินไปที่รถพร้อมกัน ถามว่าเกรฟเป็นใคร เขาก็คือคนที่สาว ๆ ต่างอยากเข้าไปนั่งข้าง ๆ คนที่เป็นหนุ่มฮอตตั้งแต่ตอนเรียนจนถึงตอนนี้ยังไงล่ะ อ้อ แล้วก็เป็นคนที่ยืมปากกาฉันแล้วไม่เคยคืนให้สักครั้ง! “เป็นยังไงบ้าง สบายดีไหม?” จู่ ๆ เกรฟก็เอ่ยถามเมื่อเคลื่อนรถออกจากลานจอดได้สักพัก “อื้อ สบายดี นายล่ะ” “ก็เรื่อย ๆ ช่วงนี้ทำหลายอย่างเลยล่ะ” เกรฟตอบกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มเล็กน้อย “รู้จักร้านใช่ไหม?” “รู้สิ รู้จักเจ้าของร้านด้วย” เกรฟบอกพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ ระหว่างที่รถติดไฟแดงเกรฟล้วงโทรศัพท์ตัวเองออกจากกระเป๋ากางเกงก่อนจะวางไว้ที่มือฉันเบา ๆ “บันทึกเบอร์แล้วก็เพิ่มเพื่อนในไลน์หน่อย โซเชียลด้วยเล่นอะไรบ้างเพิ่มให้หมดเลย” “แต่ว่า...” “เพิ่มให้หน่อยครับ” เอ่อ เมื่ออีกฝ่ายเอ่ยขอเสียงนุ่มเสียงอ่อนแบบนี้ใครจะกล้าปฏิเสธกันล่ะ “อื้อ แต่ว่าในไอจี...คือ” ฉันจะกล้าบอกได้ยังไงว่าทั้งอินสตราแกรมที่ฉันทำเป็นบัญชีล็อกมีแต่เพื่อนฉันติดตามฉันอยู่คนเดียวและในนั้นเป็นที่ที่ฉันกล้าอัพรูปตัวเอง ทั้งเที่ยวเล่นทำงานกินข้าวคือทุกอย่างเขาจะรำคาญไหม “ไม่เป็นไรติดตามเลย” “ถ้ารำคาญก็อันฟอลโล่นะ” เอ่ยบอกอีกฝ่ายก่อนจะกดเพิ่มเพื่อนในช่องทางต่าง ๆ ให้เขา ทุกอย่างเงียบและไร้การเคลื่อนไหวหมดเลยยกเว้นอินสตราแกรม เพราะถึงแม้จะมีแอคเคาน์ทุกแอปพลิเคชันแต่ฉันอัพรูปบ่อย ๆ เพียงแค่ที่เดียวและจะคุยกับเพื่อนในไลน์เท่านั้น “ถึงแล้ว ๆ ไปกินหมูกระทะกัน” เกรฟบอกอย่างอารมณ์ดี เขาลงจากรถและเดินวนมายืนประตูฝั่งฉันพร้อมกับช่วยเปิดประตูรถให้ ฉันได้แต่มองอย่างตกใจแต่ก็ลงจากรถพร้อมกับเอ่ยขอบคุณเขาอย่างที่ควรจะเป็น “กี่ท่านคะ?” เมื่อก้าวเข้ามาภายในร้านพนักงานต้อนรับก็เอ่ยทักทายอย่างเป็นกันเองพร้อมกับใบหน้ายิ้มแย้ม “เพื่อนมาก่อนแล้วค่ะ บอกว่าโต๊ะเจ็ด” “เชิญทางนี้ค่ะ” พนักงานผายมือเชิญ ฉันที่กำลังจะเดินตามพนักงานก็ต้องหยุดเท้าเมื่อถูกรั้งข้อมือไว้จากคนที่เดินมาด้วยกัน หันกลับไปมองก็เห็นว่าเกรฟกำลังโบกมือให้ใครสักคนอยู่ “เราจะไปแล้ว” บอกเกรฟเสียงเบา “ไปพร้อมกัน” เกรฟตอบแต่นั้น “อ้าว น้องเกรฟมาได้ยังไงเนี่ย” เสียงหนึ่งดังจากด้านหลังฉันจึงขยับเข้าไปยืนดี ๆ และยืนแอบด้านหลังเกรฟโดยที่มือข้างหนึ่งยังถูกกุมไว้แน่น “สวัสดีครับพี่สิระ ไปร้านเหล้าเพิ่งมาครับและแวะมาหาอะไรกินหน่อย” “มาเลย ๆ เอาเครื่องดื่มอะไรไหมเดี๋ยวพี่ให้เด็กที่ร้านเอาไปให้” “เดี๋ยวรอไปสั่งที่โต๊ะก็ได้ครับพี่” เกรฟยังคงคุยกับพี่คนตรงหน้าอย่างเป็นกันเองต่างจากฉันที่ตอนนี้ยืนตัวเกร็งไปหมดแล้ว “ว่าแต่สาวน้อยคนนี้ใครกัน ไม่เคยเห็นหน้าเลย...” “ก็...มิ้งครับ นี่พี่สิระเพื่อนพี่สะใภ้เราเอง” เกรฟแนะนำ “สวัสดีค่ะ หนูชื่อมิ้งค่ะ” “สวัสดีครับ พี่ชื่อสิระนะ มีอะไรอยากได้อะไรบอกพี่ได้เลย” “ขอบคุณค่ะ” ฉันส่งยิ้มให้พี่ตรงหน้า “ถ้าอย่างนั้นผมไปที่โต๊ะก่อนนะครับ หิวแล้วล่ะ” “ไป ๆ เดี๋ยวพี่ให้เด็กเอาของว่างไปให้ชิมด้วย” “ขอบคุณครับ” ทันทีที่เป็นอิสระฉันแทบจะวิ่งเข้าไปหาเพื่อนตัวเองทันทีเช่นเดียวกัน เมื่อมาถึงโต๊ะที่ตอนนี้มีแพรนั่งอยู่พร้อมกับเพื่อนของเกรฟอีกสามคน เก้าอี้ที่ว่างเลยมีข้างแพรฉันตัดสินใจนั่งลงข้าง ๆ เพื่อนตัวเอง ส่วนเกรฟเขาเองก็นั่งลงข้าง ๆ ฉัน เอาละไม่สนใจเขาแล้วฉันเหนื่อย ฉันอยากกินของอร่อยตรงหน้านี้เสียมากกว่า “เราสร้างกลุ่มไลน์กันดีไหม เผื่อนัดกันไปกินข้าวไปเที่ยวอะไรแบบนั้น ตั้งแต่จบมาหาเพื่อนคุยด้วยยากมาก” “เอาสิ ๆ สร้างเลย” “ว่าง ๆ เราก็นัดกันไปเที่ยวดีไหม? ไปทะเล ไปภูเขาอะไรแบบนั้น” “ได้เลย” แน่นอนว่าไม่ใช่ฉันที่ตอบ ระหว่างที่กินหมูกระทะตอนตีหนึ่งทั้งเพื่อนสนิทฉันและเพื่อนที่เคยเรียนมาด้วยกันพูดคุยกันไปเรื่อยฉันก็กินไม่สนอะไรเหมือนกัน และคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก็ขยับย่างหมูคีบหมูมาใส่จานให้เหลือเกิน ขยันย่างแบบนี้จะกินแบบไม่เกรงใจแล้วกันนะ “เอาอะไรเพิ่มไหม?” เกรฟถามฉันพยักหน้าอย่างไม่คิดอาย ชี้นิ้วไปที่ชื่อเมนูที่อยากกินเกรฟเขียนจำนวนลงไปให้เมื่อครบก็เรียกพนักงานให้เข้ามารับออเดอร์ “อะไรกันสองคนนั้น” “แค่สั่งหมูเพิ่ม กูสั่งให้พวกมึงแล้วน่า” เกรฟตอบเพื่อนตัวเองพร้อมกับส่ายหน้าเอือม ๆ ต่างจากเพื่อนเขาที่หัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดีที่ได้แกล้งเกรฟแบบนี้ “ก็นึกว่าลืมพวกกู” “เงียบไปเถอะ” “ฮ่า ๆ ๆ เถียงไม่ได้ก็แบบนี้ตลอดมึงน่ะ” “ว่าแต่ตอนนี้ทำงานที่ไหนกันบ้าง” จู่ ๆ เพื่อนคนอื่น ๆ ก็คุยกันต่อ ฉันกินบ้างเล่นโทรศัพท์บ้างแล้วแต่อารมณ์กระทั่งตีสามทุกคนถึงได้แยกย้ายกันกลับบ้าน แต่ฉันจะไม่อะไรเลยถ้าคนที่ขับรถมาให้ทีแรกดื้อดึงจะขับมาส่งฉันที่คอนโดแบบนี้ ถามว่าเถียงสำเร็จไหมก็ไม่ค่ะ เมื่อถึงคอนโดเขาก็รอกระทั่งฉันเข้าไปในลิฟต์ถึงได้ยอมกลับบ้านของเขา ตีสี่เขาส่งข้อความมาบอกว่าถึงบ้านแล้วจากนั้นเราก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลยจนเกือบสองสัปดาห์... (มิ้ง งานด่วนรับไหม ล้นมือพวกพี่แล้ว ราคาดีนะ) เสียงพี่กราฟเจ้าของสตูดิโอที่ฉันรับงานด้วยบ่อย ๆ เอ่ยถามมาตามสาย “วันไหนคะ?” (ลูกค้าเอาศุกร์เย็น) “โห เร่งจริง” (ลูกค้าให้สองเท่า...) “รับค่ะ” เมื่อได้ยินว่าสองเท่าฉันเองก็ไม่รีรอที่จะตอบตกลง เงินทั้งนั้นนี่นา (ต้องอย่างนี้สิ เข้ามาคุยงานไหมที่สตูพี่ เดี๋ยวเลี้ยงข้าวด้วยเลย) “งั้นสักสี่โมงเย็นได้ไหมคะ ขอเคลียร์งานชิ้นนี้ให้เสร็จก่อน” (ได้ ๆ เจอกัน ๆ) “เจอกันค่ะพี่” ถามว่ารู้จักกับพี่กราฟได้ยังไง คงต้องบอกว่าบังเอิญได้ล่ะมั้งเพราะฉันชอบไปนั่งกินข้างที่ร้านของแฟนพี่กราฟแล้วพี่กราฟมาเจอตอนที่ฉันนั่งทำงานส่งลูกค้าเลยได้คุยกันเล็กน้อย จากนั้นก็ติดต่อกันเรื่อย ๆ เมื่อมีงานเข้ามาหมายถึงพี่กราฟนะที่ติดต่อมาเพื่อแบ่งงานให้ฉัน ตอนนี้ฉันเองก็มีเงินเก็บพอสมควรแล้วสำหรับการใช้ชีวิตตัวคนเดียวแต่คงต้องท้าทายชีวิตด้วยการไปทำงานประจำอย่างที่เพื่อนแนะนำแล้วล่ะ

สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook