“ผมจะตามสืบให้เองครับ”
การปรากฏตัวของเด็กสาวคนนั้น ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ ท่าทางของเด็กคนนั้น เหมือนรู้อะไรบางอย่างมา เขายังไม่รู้ความต้องการของเด็กคนนั้น และนั่นคือหน้าที่เขา สำหรับการคลี่คลายปม
อิริคแอบจิปาก
ชีวิตแสนเรียบง่ายของเขา จากนี้ไปคงวุ่นวายไม่น้อย
หากซุปตาร์ดาวค้างฟ้าอย่างพี่ชาย จะมีบุตรที่โตเป็นสาวเช่นนี้อยู่ร่วมในวงการเดียวกันมันก็ไม่น่าแปลกใจ มีความเป็นไปได้สูงเสียด้วย เขาไม่เคยเห็นพี่ชายกระวนกระวายแบบนี้ หากเป็นเรื่องจริง จากนี้คงต้องเตรียมตัวตั้งรับปัญหา กับข่าวลือที่โถมใส่
ดาราดังได้เพราะแรงสนับสนุนของมวลชน หากคนเหล่านั้นพร้อมใจที่จะหันหลังให้ อนาคตคงไม่ต้องพูดถึง...ดับเห็นๆ
คิดการใหญ่ใจต้องนิ่ง
หลังประกาศผล ฉันเดินไปต่อคิวเพื่อรับค่าตัว ความน่าเบื่อหายไปเหมือนปลิดทิ้ง หลังมองเห็นแบงก์สีเทาในซองที่เพิ่งรับมา การนั่งอึดอัดท่ามกลางเสียงจ๊อก แจ๊กรอบตัวมันคือความทรมานอย่างที่สุด ฉันเบื่อที่ต้องนั่งปั้นหน้านานๆ แบบนี้สุดใจ และหากเลี่ยงได้ สาบาน ฉันจะไม่มีวันเฉียดเข้าใกล้สถานที่แห่งความวุ่นวายแบบนี้เลย
“กลับบ้านดีกว่า แค่นี้ก็น่าจะช่วยให้แม่ยิ้มออกแล้วล่ะ”
เป้าที่ฉันตั้งไว้ ฉันลงแรงไปแล้ว ที่เหลือก็แค่เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ ผู้ชายคนนั้นไม่ได้ใจดำอย่างที่คิดไว้หรอก เท่าที่ควานหาอดีตเก่าๆ ของเขาแล้ว นับว่าชายผู้นั้นเป็นสุภาพบุรุษพอตัว หากเขาไม่ได้แค่สร้างภาพลวงโลกหลอกสายตาผู้คนอะนะ
ระหว่างที่นั่งอยู่บนรถประจำทางฉันพยายามหาเหตุผลเพื่ออธิบายให้แม่ฟัง ที่ไปที่มาของสตางค์ก้อนนี้ แม่จะต้องรู้ไม่ได้เด็ดขาดว่าฉันกำลังทำอะไรอยู่ สมัยก่อนฉันได้แต่สงสัย แม่ไม่ชอบนักหากฉันสนใจวงการบันเทิง ไม่ว่าจะละครหรือแค่การแสดงที่โรงเรียนมอบหมายให้ทำ แม่มักจะค้านหัวชนฝาเสมอ นั่นตอนเด็ก ยิ่งฉันโตมากขึ้นเท่าไหร่ ข้อห้ามที่แม่ย้ำเสมอๆ คือการห้ามฉันสนใจเรื่องการแสดง หรือข้องเกี่ยวกับวงการบันเทิงเด็ดขาด ถึงตอนนี้ฉันแน่ใจแล้วล่ะ แม่ห้ามฉันเพราะอะไร
ในที่สุดฉันก็หาเหตุผลเหมาะๆ ให้ตัวเองได้
ฉันลงจากรถประจำทางหลังถึงที่หมาย เดินยิ้มกริ่มไปตลอดทางทีเดียว ฉันแวะซื้อขนมปีบใหญ่ เชื่อเถอะขนมปีบนี่แหละเหมาะที่สุดสำหรับเป็นของฝากได้ปริมานมากๆ และสามารถสร้างความสุขให้กับพี่น้องที่เหลือได้ทั้งหมด ต่อให้ลงทุนแย่งกัน จำนวนขนมในปีบก็มีมากพอที่จะไม่ทำให้คนใดคนหนึ่งขุ่นเคือง
“เย้ๆ พี่เอลกลับมาแล้ว” สายใจเป็นคนกรีดร้องคนแรก ฉันเดินเข้าไปหายื่นปีบใหญ่ในมือให้
“ซื้อขนมมาฝาก”
ชัชเดินมาชะเง้อคอมอง “พี่เอลรวยอะไรมาครับ”
บังเอิญฉันเตรียมคำตอบไว้แล้ว ถึงไม่ใช่แม่ แต่เด็กพวกนี้แค่คือพยานให้ฉัน
“ถูกล็อตลี่มาน่ะ” ฉันไม่ใช่คนฝักใฝ่เรื่องอบายมุข แต่ข้ออ้างแบบนี้แหละเหมาะที่สุดที่ฉันจะมอบเงินก้อนนี้ให้แม่ โดยที่แม่จะไม่มีวันติดใจสงสัย
“พี่เอลซื้อล็อตลี่วันที่ขายขวดไงชัช” สายใจช่วยขยายความให้ฉัน เมื่อฉันขยิบตาส่งสัญญาณให้
ถ้ามนุษย์ขี้สงสัยอย่างชัชยังหมดความสนใจ แม่ของฉันก็ไม่ใช่ปัญหา
“แม่ล่ะ” ฉันถามหามารดา
“ในครัว วันนี้แม่จะแกงขี้เหล็กให้กิน ผมกับสายใจไปช่วยกันเก็บมาเมื่อตอนเช้า” อาหารหลักๆ หากเด็กทุกคนว่างไม่พ้นผักบุ้งในท้องร่อง ขี้เหล็กที่ปลูกไว้ต่างรั้ว หรือไม่ก็น้ำพริกผักต้ม แม่ฉันสู้ขาดใจเพื่อไม่ให้เด็กๆ เหล่านี้ขาดอาหาร รายได้ที่มีจำกัด ไม่เคยทำให้แม่ฉันท้อ แม่ของฉันสู้จนฉันเลยพลอยสู้ตามแม่ไปด้วย ฉันไม่เคยนึกเสียใจที่แม่พยายามเพื่อเด็กๆ เหล่านี้ พวกเขาไม่ต่างอะไรกับพี่หรือน้องของฉันนี่นา
ฉันเดินเลยไปหาแม่ที่หลังบ้าน
“ทำไมเจ้าพวกนั้นส่งเสียงดัง ดีใจอะไรกันเหรอ?” แม่ถามฉัน ทั้งที่ไม่ได้เงยหน้ามอง มือยังง่วนอยู่กับเตาไฟและหม้อเก่าๆ ที่กำลังเดือดคลั่กๆ
“เอลซื้อขนมมาฝากไงแม่ ดีใจกันใหญ่เลย”
ฉันตอบ ทรุดตัวลงนั่ง ยื่นซองใส่เงินให้แม่ แม่เหลือบมอง แล้วจึงหันมามองฉันตรงๆ
“อะไร?”
“เอลถูกล็อตลี่แม่ เพิ่งตรวจผลตอนเลิกงานเลยแวะขึ้นเงินมาด้วย” ฉันไตร่ตรองมาอย่างดี ไม่มีช่องโหว่ ไม่มีพิรุธเหลือให้แม่สงสัยได้
“เอาเงินที่ไหนไปซื้อ” แม่ยังไม่ทันรับก็เริ่มซักไซ้ฉันเสียแล้ว
“อาทิตย์ก่อนไงแม่ วันนั้นเอลกับเด็กๆ ขายขวดได้ พอดีลุงคนซื้อแกขายล็อตลี่ด้วย ถามสายใจสิ เอลมีพยาน”
ฉันหาแนวร่วมที่จัดการเตี๊ยมกันไว้แล้ว
แม่พยักหน้ารับ “ไม่เก็บเอาไว้ใช้เหรอ เดี๋ยวก็เปิดเทอมแล้ว” แม่ยื่นมือมารับ แง้มซองดูแบงก์ด้านในนิดหน่อย
ฉันส่ายหน้า “เดี๋ยวเอลก็ได้เงินค่าทำพาร์ทไทม์แล้ว ก้อนนี้แม่เอาไปใช้เถอะ เอลอยากกินแกงฟักทอง” แกงฟักทองใส่ไก่ อาหารพื้นๆ แต่สำหรับบ้านฉันแล้ว นานๆ ถึงจะได้ลิ้มรส เนื่องจากรายจ่ายที่มีแค่จำกัดนั่นเอง
แม่ยิ้มยกมือขึ้นขยี้ผมฉัน “พรุ่งนี้แม่จะทำให้กิน เอาหม้อโตๆ เลยนะ”
ฉันยิ้มแผล่ สอดมือกอดเอวแม่ พึมพำในใจ ฉันจะทำให้แม่สบายกว่านี้ แม่ลำบากเพื่อฉัน เพื่อคนอื่นมาเยอะแล้ว
“เด็กๆ คงดีใจ เอลขอบัวลอยด้วยได้ไหมคะแม่”
เมนูพิเศษ จะมีแค่ในวันพิเศษเท่านั้น ตั้งแต่วันนี้ไปฉันสัญญากับตัวเองฉันจะพยายามทำให้บ้านหลังนี้มีวันพิเศษในทุกๆ วัน
“ให้ชัชไปซื้อแป้งกับกะทิที่ตลาดมาสิ แม่จะทำบัวลอยให้กินเย็นนี้”
แม่ส่งแบงก์ใหม่เอี่ยมให้ฉันหนึ่งแบงก์ พร้อมกับยิ้มอ่อนๆ แววตาแม่สดใสขึ้นจนฉันรู้สึกปราบปลื้ม
“ค่ะแม่”
ฉันเดินยิ้มกริ่มกำเงินในมืออกมา พยักหน้าเรียกชัชและปั่นจักรยานคันเก่าออกไปตลาดกันสองคน กลับมาพร้อมกับรายการที่แม่สั่ง ฉันเกณฑ์เด็กๆ คนอื่นมาช่วยกันนวดแป้ง ปั้นก้อนกลมๆ ใส่ถาดเตรียมไว้ให้แม่ทำขนมบัวลอยอร่อยๆ ให้กินเป็นของหวานมื้อเย็น
“ขนมเย็นนี้ต้องอร่อยมากแน่ๆ พี่เอล”
“แหงล่ะ ขี้มื้อพวกเราทั้งนั้น ไม่อร่อยก็ต้องชมว่าอร่อยล่ะ” ฉันตอบพร้อมกับยิ้ม ชัชหัวร่อเสียงดัง เด็กคนอื่นก็พลอยผสมโรงร่วมหัวเราะไปด้วย
แม่เดินมามองแล้วก็เดินเลยไปด้านนอก แม่กลับมาอีกทีพร้อมกับดอกอัญชันที่ขึ้นอยู่ข้างรั้ว “สายใจเอาไปล้างแล้วเอาน้ำร้อนใส่นะ เอามาให้เอลผสมในแป้งจะได้มีสีสันบ้าง”
สายใจรับดอกอัญชันจากมือแม่แล้ววิ่งตื๋อไปหลังบ้าน
“แม่ครู สีเหลืองล่ะแม่ครูใช้อะไรครับ” ชัชถาม ดวงตาเป็นประกาย
“ฟักทองไง สีเขียวจากใบเตย ฟักทองต้มบดให้ละเอียดแล้วเอามาผสมกับแป้ง ใบเตยโขกคั้นเอาแต่น้ำแล้วก็เอามาผสมแป้ง”
ฉันอมยิ้มมองตามหลังชัชที่วิ่งนำเด็กอีกคนไปที่หลังบ้าน ใบเตยในคูน้ำ ฟักทองฉันซื้อมาเตรียมไว้ให้แม่ทำกับข้าววันพรุ่งนี้ พอได้ส่วนผสมครบ ขนมที่สีจืดๆ ก็เริ่มมีสีเพิ่มขึ้น สีเขียวจากใบเตย สีน้ำเงินจากดอกอัญชัน สีเหลืองจากฟักทอง...ก้อนกลมๆ ในถาดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ บ้านฉันเต็มไปด้วยความสุข และจะมีความสุขมากกว่านี้ หากฉันสามารถคลี่คลายปมในใจตัวเอง
ฉันไม่ใช่เด็กกำพร้าพ่อ...ฉันมีพ่อเหมือนคนอื่นนะ
คงต้องหาทางทำให้ชายผู้นั้นยอมรับฉัน ฉันต้องการแค่นี้ ส่วนเรื่องอื่นๆ นั้น ฉันคิดว่าตนเองทำได้ ขอเวลาฉันสักหน่อยเถอะ แม่ฉันจะไม่ต้องปวดหัวกับการจำกัดตัวเองเพื่อคนอื่นๆ อีกต่อไปแล้ว
ฉันมองเห็นช่องทางที่สร้างรายได้จำนวนมาก แม้ฉันจะต้องฝืนความรู้สึกตัวเองไปอีกพักใหญ่ๆ
“แม่จ๋า เราทำกับข้าวออกไปขายกันดีไหมคะแม่”
ไอเดียดีๆ ผุดขึ้นมาในสมอง ของกินยังไงก็ขายได้ ฝีมือแม่ของฉันไม่ได้น้อยหน้าแม่ค้าข้าวแกงหน้าปากซอยเลย แถมยังสะอาดด้วย ฉันคอนเฟิร์มได้ ฉันกินฝีมือแม่มาตั้งแต่เด็กๆ