ตอนที่ 13 แรงงานชั้นยอด

1703 คำ
“เอาไปวางไว้ทางด้านนั้น 30 ใบ” มู่สี่เสินออกคำสั่งกับน้องสาว เลือกวางตะกร้าผลไม้เปล่าๆ 30 ใบไว้ยังบริเวณต้นผลไม้นานาชนิดที่พวกตนยังเก็บเกี่ยวไปไม่ถึงบริเวณนั้น “เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ” มู่เหยาจีเลือกวางตะกร้าทั้ง 30 ใบให้กระจายไปทั่วๆ จากนั้นก็วิ่งตัวปลิวกลับมาหาพี่ชาย “ไป! เราไปกันอีกทาง” มู่สี่เสินตั้งใจจะทดลองดูว่า หากพวกตนไม่ได้อยู่ใกล้ตะกร้า กระรอกและกระต่ายจะมาช่วยเก็บผลไม้อีกหรือไม่ในเวลากลางวัน พวกเขาจึงซื้อตะกร้ามาเพิ่มใหม่อีก 30 ใบแล้วปล่อยทิ้งไว้โดยไม่สนใจจะไปดูแล สองพี่น้องใช้ตะกร้าเก่า 30 ใบย้ายมาเก็บผลไม้อีกทิศทางหนึ่งกันลำพังแค่สองคน พอเก็บได้ 20 ตะกร้าก็ตัดสินใจพายเรือออกไปส่งที่หมู่บ้านอีกรอบหนึ่งก่อน เพราะหากรอให้ได้ครบ 30 ใบ เวลาอาจจะช้าเกินไป “ข้าตื่นเต้นจะแย่แล้วเหยาจี รู้หรือไม่ว่าหากเป็นไปตามที่เราคิด จากนี้เราจะมีหน้าที่แค่เพียงขนมันลงเรือแล้วพายมาส่งขายเท่านั้น เราอาจทำได้ถึงวันละ 3 รอบทีเดียวเลยนะ นั่นหมายถึงการรับเงินที่มากขึ้นทุกวัน!” ดวงตาของเด็กหนุ่มส่องประกายระยิบระยับ มีเงินมากก็จะสร้างบ้านให้น้องสาวได้อยู่เร็วขึ้น! “ไม่ได้นะเจ้าคะพี่สี่เสิน เรามีกันแค่สองคนหากเก็บผลไม้ได้เร็วและมากเกินไปพวกเขาจะมองว่าเราเป็นตัวประหลาด ส่งออกไปขายเพียงวันละสองรอบให้ครบ 60 ตะกร้าข้าว่าเหมาะสมที่สุดแล้วล่ะ เราเอาเวลาที่เหลือไปคิดทำอย่างอื่นน่าจะดีกว่านะเจ้าคะ" “เหยาจีของข้าฉลาดที่สุด เจ้าสมควรมีเวลาหัดทำอาหาร เย็บปักถักร้อยเฉกเช่นสตรีควรทำบ้างจริงๆ" มู่เหยาจีเบ้หน้าเล็กน้อยคิดอยากจะเอาอุดปากตัวเองเอาไว้ก็ไม่ทันแล้ว เวลาอย่างอื่นของนางหาใช่เรื่องการฝึกฝนทำอาหารเสียหน่อย นางอยากไปตามหาสหายของนางอย่างจริงจังสักครั้งต่างหากเล่า! ส่งผลไม้เสร็จแล้วกลับเข้าเกาะอีกครั้ง ทั้งสองก็รีบวิ่งเข้าไปดูตะกร้าใหม่ 30 ใบที่ทิ้งเอาไว้ก่อนหน้าทันที “เยี่ยมไปเลย!" มู่สี่เสินกระโดดตัวลอยเมื่อเข้ามาในพื้นที่เก็บผลไม้แล้วเห็นผลไม้จำนวนมากถูกเก็บเกี่ยวใส่ตะกร้าเอาไว้ “พวกเขาทำงานได้ดีเกินไปแล้ว” มู่เหยาจีก็อ้าปากค้างอยู่นานเช่นกันกว่าจะหลุดปากชมเชยการทำงานของสัตว์บนเกาะลอย 7 วันที่ผ่านมากระรอกและกระต่ายทำงานของพวกมันด้วยความขยันขันแข็ง ดูเหมือนพวกมันจะทนเห็นตะกร้าว่างเปล่าไม่ได้เลยแม้แต่เพียงใบเดียว เมื่อใดที่มู่สี่เสินนำตะกร้าไปวางทิ้งไว้ ขอเพียงสองพี่น้องไม่อยู่ในบริเวณนั้นไม่ไปยุ่งกับพวกมัน สหายตัวน้อยๆ ก็จะเก็บผลไม้ใส่ตะกร้าไว้ให้ทุกครั้งไป แต่เมื่อผลไม้สุกที่หลุดร่วงอยู่บนพื้นดินถูกเก็บไปจนหมด ปัญหาต่อมาก็คือการปีนขึ้นไปเก็บผลไม้สุกคุณภาพดีกว่าเดิมบนต้นไม้สูงนั่นเอง “เราแทบไม่ต้องทำอะไรเลยจริงๆ นอกจากการขนส่ง แล้วผู้ใดจะปีนต้นไม้ได้ดีกว่ากระรอกกันเล่า?” มู่สี่เสินหัวเราะชอบใจ “พี่ชายดูเสียก่อน พวกมันฉลาดมากเลยนะเจ้าคะ” มู่เหยาจีชี้ชวนให้พี่ชายมองดูผลไม้แต่ละตะกร้า ผลไม้ถูกคัดเลือกลูกที่สุกกำลังดีเท่าๆ กันและแยกประเภทเอาไว้เรียบร้อย ผลที่ถูกเจาะกินก็ถูกจับโยนทิ้งไว้โคนต้น เป็นอาหารให้กับมดแมลงและสัตว์อื่น ๆ ต่อไป “ข้ารู้ว่าพวกเจ้าต้องเป็นสหายเก่าของข้าแน่นอน ข้ารู้ด้วยว่าเจ้าแอบดูและฟังพวกเราอยู่ ขอบใจนะ” มู่เหยาจียกสองมือขึ้นป้องปาก ตะโกนดังๆ ไปรอบป่า การค้าผลไม้สุกที่หลุดร่วงของสมาชิกในหมู่บ้านจิงไห่ ในช่วงแรกๆ ล้วนนำเอาไปซื้อขายแบ่งปันกันกินเฉพาะกลุ่มหมู่บ้านชาวประมงทั้ง 4 แห่งบนเกาะจิงเหมิน แต่เมื่อมีผลไม้คุณภาพดีกว่าเดิม ชาวบ้านหมู่บ้านจิงไห่สลับกันเป็นผู้ทำการค้ากับสองพี่น้องครอบครัวละ 1 วัน เพื่อรับเอาผลไม้ส่งไปขายต่อที่แผ่นดินใหญ่ สร้างรายได้ให้กับชาวบ้านในหมู่บ้านไม่น้อย พวกเขาช่วยกันผูกแพที่แข็งแรงมั่นคงให้สองพี่น้องแซ่มู่เพิ่มมาอีก 1 แพ พ่วงท้ายเรือ 2 ลำ เพื่อให้มู่สี่เสินไม่ต้องพายเรือไปกลับวันละหลายรอบ ออกเรือคราวหนึ่งสองพี่น้องก็ขนส่งผลไม้ได้ทีละ 60 ตะกร้าในครั้งเดียว 3 เดือนต่อมา “เราต้องพายเรืออ้อมไปยังชายฝั่งด้านนี้ หากขึ้นจากทางนี้ก็จะเดินไปถึงทุ่งกว้างได้เร็วกว่าจุดอื่น” มู่สี่เสินวาดแผนที่ของเกาะลอยให้น้องสาวดู พร้อมกับชี้ตำแหน่งเทียบเรือจุดหนึ่งบริเวณด้านหลังของเกาะ “ข้าว่าจุดขึ้นเกาะไม่ใช่ปัญหาหรอกพี่สี่เสิน พวกเขาจะยินยอมข้ามมาหรือเปล่านั่นต่างหากที่เป็นปัญหา” มู่เหยาจีถอนหายใจออกมาเบาๆ นางกับพี่ชายมีรายได้จากการขายผลไม้ไม่น้อยเลยทีเดียวจึงคิดจะสร้างเรือน เมื่อปรึกษากันอยู่หลายรอบกับท่านอาเกาโหลวเรื่องการก่อสร้างเรือนพักบนเกาะลอย ปัญหาก็คือมู่สี่เสินไม่สามารถสร้างเรือนได้เพียงลำพัง การสั่งซื้อไม้หรือเครื่องมือก่อสร้าง หัวหน้าหมู่บ้านเกาโหลวกับสมาชิกคนอื่น ๆ เต็มใจจะช่วยขนอุปกรณ์ทุกอย่างใส่แพมาให้ แต่ตอนยกพวกมันขึ้นมาบนฝั่งเล่า? ต่อให้ขนไม้ทั้งหมดข้ามมาได้ มู่สี่เสินก็ไม่สามารถตั้งเสาเรือนขึ้นมาได้เพียงลำพังแม้แต่ต้นเดียว เวลานี้สองพี่น้องจึงคิดว่า พวกเขาจะบรรทุกชาวบ้านจากเกาะจิงเหมินให้เข้ามาช่วยสร้างเรือนทางฝั่งทุ่งหญ้าโล่งกว้าง ตกเย็นมู่สี่เสินก็จะพายเรือกลับไปส่ง “ไม่ลองเราก็ไม่รู้ เราไม่มีทางเลือกอื่นนี่นา เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาวเราจะอาศัยอยู่ในถ้ำนั้นไม่ได้อีกต่อไปนะเหยาจี เราต้องมีเรือนพักที่เหมาะสม” “แล้วเรื่องความปลอดภัยของพวกเราเล่าเจ้าคะ ท่านตัดสินใจยอมให้ผู้อื่นขึ้นมาบนเกาะแล้วหรือไร” “หากเป็นคนอื่นข้าคงไม่กล้าคิด แต่คนในหมู่บ้านจิงไห่ข้ามั่นใจพวกเขามาก ผลไม้ที่เหลือทั้งหมดบนเกาะไม่เกินครึ่งเดือนก็น่าจะหมด เราจะแลกเสบียงอาหารมาให้มากพอและหยุดติดต่อกับภายนอกสักระยะหนึ่ง การสร้างเรือนก็ควรจะทำให้เสร็จสิ้นในช่วงเวลาครึ่งเดือนนี้" ไม่ว่าจะคิดหนทางไหนเรือนพักก็เป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่งที่ไม่อาจรอช้า ปรึกษากันอยู่หลายรอบ สองพี่น้องจึงตัดสินใจมาเสนอความคิดเห็นกับหัวหน้าหมู่บ้านเกาโหลวและสหายของเขา “เจ้าคิดว่าเป็นไปได้จริงหรือ? เราจะมีโอกาสได้เหยียบย่างขึ้นไปบนเกาะลอยเช่นนั้นหรือ?” “ในเมื่อเรือลำอื่น ผลไม้ หรืออะไรก็ตามที่ผูกติดกับเราสองคนเอาไว้สามารถข้ามไปได้ ข้าเชื่อว่าข้าสามารถพาพวกท่านข้ามไปได้อย่างปลอดภัยเช่นกันขอรับ” “ข้าไม่กลัวที่จะเสี่ยงหรอกหลานชาย เราทดลองกันดูสักรอบก่อนเป็นไร อย่างน้อยหากข้ามไปได้สำเร็จ ข้าจะได้เห็นสถานที่ด้วย ว่าสมควรต้องเตรียมอะไรสำหรับการก่อสร้างเรือนให้เจ้าสองพี่น้องด้วย” ชายฉกรรจ์กลุ่มเดิมหกคนรวมทั้งเกาโหลว ที่เคยพายเรือออกไปรอช่วยเหลือมู่สี่เสินและมู่เหยาจีพยักหน้าให้กัน เป็นการตัดสินใจว่าพวกเขาพร้อมจะลองเสี่ยงดูสักครั้ง “ไปทดสอบกันเลยดีหรือไม่ขอรับ ข้าจะได้รีบไปตามเหยาจีกลับมา” “ปล่อยนางให้เที่ยวเล่นอีกสักครู่ก็ได้หลานชายสี่เสิน เจ้าดูทางนั้นสิ เห็นหรือไม่มีเรือลอยอยู่ภายนอกสองลำ” เกาโหลวชี้มือไปยังเรือเล็กสองลำที่ลอยอยู่กลางทะเล “เราไม่สามารถปิดบังคนจากแผ่นดินใหญ่ได้ เป็นเพราะเกาะจิงเหมินไม่ใช่สถานที่ดีสำหรับการเพาะปลูก พวกเขาเห็นว่าผลไม้ของเรามีคุณภาพดีเกินกว่าผลไม้จากเมืองไหนจึงพยายามสืบหาที่มาของผลไม้ เวลานี้เริ่มมีคนรู้แล้วว่าบนเกาะลอยมีคนอาศัยอยู่และผลไม้ก็มาจากที่นั่น” “ข้าเคยเห็นพวกเขาแล้วขอรับ มีคนที่พยายามจะแล่นเรือเข้าไปที่เกาะลอยสองครั้งแต่พวกเขาทำไม่สำเร็จ เดิมทีข้าคิดว่าเป็นเพียงชาวประมงที่อยากทดสอบเล่นๆ ก็เลยไม่ได้ใส่ใจ ไม่คิดว่าจะเป็นคนจากถิ่นอื่น” “สี่เสิน เจ้าสองพี่น้องเป็นกุญแจเดียวที่จะไขเข้าสู่เกาะลอย วันหนึ่งจะมีคนคิดข้อเท็จจริงข้อนี้ได้ หากพวกเขาจับตัวเจ้าหรือเหยาจีไปสักคนเพื่อใช้เป็นกุญแจช้ามไปข้ามมาเพื่อหาผลประโยชน์อื่นเล่าจะทำเช่นไร” มู่สี่เสินหยุดคิดไปครู่หนึ่ง “บนนั้นไม่มีของมีค่าอะไรที่พวกเขาอยากได้นี่ขอรับ” “ผลไม้ที่เพาะปลูกจากที่นั่นมีรสชาติดีกว่าที่อื่น กุ้งหอยปูปลารอบเกาะตัวโตกว่าที่อื่นเพราะมันไม่เคยถูกรุกราน และสำคัญที่สุดคือผู้ใดก็ตามที่ควบคุมการเข้าออกเกาะได้ ย่อมเป็นเจ้าของสถานที่มั่นที่ปลอดภัยที่สุดใช่หรือไม่”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม