ตอนที่ 12 สหาย

1725 คำ
“พี่สี่เสินท่านอย่าลืมว่าเกาะนี้ไม่เคยมีผู้ใดผ่านเข้าออกมาก่อน หากจะมีผู้บุกรุกขึ้นมาบนเกาะก็เป็นเราสองคนต่างหากที่บุกรุก” มู่เหยาจีตั้งข้อสังเกตใหม่ “อีกอย่างนะเจ้าคะ หากเราเป็นผู้บุกรุก เจ้าของเดิมสมควรขับไล่เราหาใช่มาช่วยเราเก็บผลไม้ ข้าว่าพวกเขาไม่ได้คิดร้ายกับเราสองคนเจ้าค่ะ” “จริงของเจ้า เอาอย่างนี้คืนนี้เรามาพิสูจน์กัน” สองพี่น้องตัดสินใจล้มเลิกการสำรวจรอบเกาะ แล้วมุ่งหน้ากลับไปที่ชายหาดดังเดิม ช่วยกันแบกตะกร้าเปล่าเข้าป่าไปกองไว้ที่ใต้ต้นมะกอกต้นเดิม พวกเขาเลือกผลไม้ที่สุกงอมมีสีคล้ำไปกองไว้ตามใต้ต้นไม้เพื่อให้มันกลายเป็นปุ๋ยตามธรรมชาติ แต่ไม่ได้เก็บผลไม้ดีใส่ตะกร้าเลยแม้แต่ผลเดียว พอใกล้ค่ำ มู่สี่เสินก็ตะโกนเรียกน้องสาวให้กลับไปพักผ่อนตามปกติ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยสักนิด แต่เมื่อถึงจุดลับสายตาร่างสองร่างก็หายเข้าไปในโพรงของต้นไม้เก่าแก่ขนาดใหญ่ต้นหนึ่ง เด็กทั้งคู่ต้องกินผลไม้และน้ำที่เตรียมเอาไว้ด้วยเสียงที่เบาที่สุด ขยับตัวให้น้อยที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดเสียงใดๆ เฝ้ารอให้แสงสว่างรอบข้างเลือนหายไปทีละน้อยด้วยหัวใจที่ลุ้นระทึก ผ่านไปนานเท่าใดไม่อาจรู้ได้ ขณะที่ทั้งสองนั่งพิงกันหลับอยู่ในโพรงไม้ เสียงการเคลื่อนไหวอย่างไม่ปิดบังก็ดังมาจากทิศทางของต้นมะกอกใหญ่ ปลุกให้สองพี่น้องต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกหวาดหวั่น มู่สี่เสินรีบเอื้อมมือไปปิดปากน้องสาวเอาไว้ เมื่อเห็นรางๆ จากแสงจันทร์ว่าน้องสาวกำลังจะอ้าปากเอ่ยคำถามอะไรสักอย่าง เขาเชื่อว่าบางทีนางอาจจะลืมตัวไปว่าเวลานี้พวกตนไม่ได้นอนอยู่ในถ้ำ มู่เหยาจีพยักหน้าช้าๆ ส่งสัญญาณบอกพี่ชายว่านางรับรู้แล้ว พร้อมกับดึงมือหยาบกร้านของมู่สี่เสินออกจากใบหน้าของตน ครั้งแรกมู่สี่เสินยกมือขึ้นข้างหนึ่งแล้วกางนิ้วห้านิ้วออกมาตรงหน้าน้องสาว มู่เหยาจีหยุดฟังเสียงภายนอกอยู่ครู่หนึ่ง แล้วนางก็เป็นฝ่ายยกมือทั้งสองข้างของตนขึ้นมา กางนิ้วทั้งสิบไปที่หน้าพี่ชายบ้าง สองพี่น้องทำตาโตเบิกโพลงใส่กันภายใต้ความมืด พวกเขาคิดว่าคนที่อยู่ข้างนอกอาจจะมีถึง 10 คน! เสียงใบไม้ที่ถูกเหยียบย่ำดังกรอบแกรบแว่วผ่านหูเข้ามาไม่ขาดสาย แต่กลับไม่มีเสียงพูดคุยเปล่งออกมาเลยสักคำ ทั้งคู่นั่งหน้าบิดหน้าเบี้ยวด้วยความอึดอัดคับข้องใจอยู่นานหลายอึดใจ สุดท้ายแล้วก็เป็นมู่สี่เสินเองที่อดรนทนไม่ไหว เขาต้องการเห็นกับตาว่าคนบนเกาะมีอยู่กี่คนกันแน่ เหตุใดพวกเขาจึงอยู่กันอย่างเงียบเชียบไร้เสียงได้นานนับเดือน โชคดีนักที่พื้นที่บริเวณนี้ยังมีแสงสว่างจากดวงจันทร์สาดส่องผ่านร่มไม้มาพอให้มองเห็นพื้นดินอยู่บ้าง ร่างสูงของมู่สี่เสินค่อยๆ เคลื่อนกายออกมาจากโพรงใหญ่โดยมีมู่เหยาจีเดินย่ำตามรอยเท้าพี่ชายมาติดๆ เด็กหญิงด้านหลังกระตุกชายเสื้อของผู้เป็นพี่ชายรัวๆ ยกมือข้างหนึ่งมาปิดหน้าปิดตาตัวเองเอาไว้แน่น เมื่อครู่นางตาไม่ฝาดใช่หรือไม่ นางเห็นกล้วย ส้ม และผลไม้อื่น ๆ ลอยไปลอยมาอยู่กลางอากาศเหนือพื้นดิน ไม่มีผู้บุกรุกเลยสักคน! ในคราวแรกมู่สี่เสินก็เห็นแบบเดียวกับที่น้องสาวเห็น แต่ด้วยความเป็นทูตสวรรค์หลายหมื่นปี มีหรือจะไม่เคยเห็นสิ่งของลอยไปลอยมาได้ด้วยตนเอง เมื่อครั้งที่อยู่บนแดนสวรรค์พวกท่านเทพทั้งหลายก็มักจะแสดงอิทธิฤทธิ์ ส่งสิ่งของให้โบยบินแข่งกันได้เป็นว่าเล่น เด็กหนุ่มยังคงจ้องมองผลไม้เหล่านั้นอยู่นานหลายอึดใจและในที่สุดเขาก็หันมากระซิบเข้าที่ข้างหูของน้องสาว “ดูดีๆ ใช่สหายของเจ้าหรือไม่” ได้ยินคำว่าสหายมู่เหยาจีก็หูผึ่งตาสว่าง นางรีบลดมือลงแล้วจ้องมองไปยังกองผลไม้ที่ลอยไปลอยมาอยู่ตรงหน้า ตั้งใจมองฝ่าความมืดให้เห็นชัดๆ “เป็นพวกเจ้าหรือ? เจ้ามาช่วยข้าเช่นนั้นหรือ?” มู่เหยาจีพรวดพราดออกจากที่ซ่อนตัว วิ่งฝ่าความมืดพร้อมกับส่งเสียงดังไปตลอดทาง นางเห็นแล้วว่าแท้จริงแล้วผลไม่ไม่ได้ลอยอยู่ในอากาศ แต่เป็นกระรอกกับกระต่ายกลุ่มใหญ่ที่มาช่วยเก็บผลไม้ใส่ตะกร้าให้พวกตน สัตว์ที่ชาญฉลาดเช่นนี้หากไม่ใช่สหายของนางที่กระโดดบ่อลงมาล่วงหน้าจะเป็นผู้ใดได้อีก! เสียงของมู่เหยาจีพาให้สรรพสัตว์พากันตกใจทิ้งผลไม้หล่นใส่กองใบไม้พร้อมกับวิ่งหนีแตกกระเจิงกันไปคนละทิศละทาง “หนีข้าทำไม? นี่ข้าเองนะ พวกเจ้าดูช้าให้ดีๆ” มู่เหยาจีพยายามไปยืนตรงบริเวณที่มีแสงสว่างมากที่สุด ยกมือลูบหน้าลูบตาเปิดเผยใบหน้าตนเองออกมาเต็มที่ให้สัตว์ตัวน้อยที่เข้าใจว่าเป็นสหายได้เห็นนางชัดเจน “ออกมาหาข้าเร็ว!” มู่เหยาจียังคงย่ำเท้าปรบมือเรียกอยู่กับที่ด้วยความตื่นเต้น คาดว่าอีกไม่นานสหายรักทั้งหลายก็คงแย่งกันกระโดดเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของตนดังเดิม “พี่ชาย..” เด็กหญิงตัวน้อยเสียงอ่อนลงจนน่าเวทนา นางเรียกสหายอยู่นาน แต่พวกมันกลับยิ่งหลบซ่อนตัวไปทีละตัวสองตัว และสุดท้ายก็วิ่งหายลับเข้าไปในความมืดไม่ปรากฏตัวออกมาอีกเลยสักตัวเดียว “เหยาจี พวกมันอาจจะไม่ใช่สหายของเจ้าก็ได้นะ หากเป็นพวกมันจริงๆ อย่างไรก็ย่อมจำเจ้าได้ การตกลงมาจากบ่อศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ทำให้ความทรงจำของเราเลือนหายไปเสียเมื่อใด” มู่เหยาจีทอดสายตาที่เอ่อคลอไปด้วยม่านน้ำตามองหาร่างเล็กในความมืดอันเงียบงัน “จริงของท่าน อาจจะไม่ใช่พวกเขา แต่แล้วเหตุใดพวกมันจึงมาช่วยเราเก็บผลไม้เล่าเจ้าคะ?” “ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน หรือเป็นเพราะพวกมันเห็นเราทำอะไรก็เลยทำตาม เจ้าคิดดูสิว่าที่นี่ไม่เคยมีคนอาศัยอยู่มิใช่หรือ พวกสัตว์เหล่านั้นอาจจะแค่สงสัยและทำเลียนแบบก็ได้กระมัง” มู่สี่เสินก็ไม่รู้จะอธิบายเรื่องนี้อย่างไรดีเช่นกัน “ได้เห็นกับตาแล้วว่าไม่ใช่มนุษย์ข้าก็เบาใจ รีบกลับไปพักกันก่อนดีกว่า พรุ่งนี้เรายังมีงานต้องทำอีกมากเลยทีเดียว พวกมันอาจจะตกใจแล้วไม่เข้ามาวุ่นวายกับเราอีกแล้วก็เป็นได้” เช้าวันรุ่งขึ้น สองพี่น้องรีบตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่ เพื่อเร่งมาจัดการกับกองผลไม้ตามเคย แต่สิ่งที่พวกเขาคาดไม่ถึงก็คือ ตะกร้าทั้ง 30 ใบที่วางทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อวาน บัดนี้ถูกบรรจุเอาไว้ด้วยผลไม้จนเต็มทั้ง 30 ตะกร้า! “เมื่อคืน พวกเขากลับมาทำงานต่อเช่นนั้นหรือ?” มู่สี่เสินไม่อยากจะเชื่อสายตา เขาพยายามมองไปรอบๆ เห็นว่ามีกระรอกนั่งแทะผลไม้อยู่บนกิ่งไม้ไม่กี่ตัว และพวกมันก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะสนอกสนใจพวกตนเลยสักนิด นกหลากหลายชนิดบินผ่านไปผ่านมา เป็นสภาพของป่าปกติทั่วไปที่พวกเขาเห็นตั้งแต่มาถึงเกาะลอย “สหายข้า พวกเจ้าดูให้ดีๆ นี่ข้าเองนะ เสียงของข้า ใบหน้าของข้า แต่พี่ชายข้าแปลงร่างไปเป็นผีเสื้อเกล็ดแก้วไม่ได้แล้วล่ะ พวกเจ้าจำสี่เสินไม่ได้หรือ?” มู่เหยาจีพยายามสื่อสารออกไปอีกครั้งแต่ก็ไม่เป็นผล “เหยาจี เรารีบขนผลไม้ออกไปส่งที่หมู่บ้านกันก่อนดีกว่า พวกเขาช่วยทำงานก็เท่ากับว่าพวกเขาเป็นสหายเรา ไม่จำเป็นที่จะต้องสื่อสารกันเข้าใจเหมือนยามที่อยู่บนแดนสวรรค์ก็ได้นี่” มู่เหยาจีรู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่สัตว์เหล่านี้กลับจำนางไม่ได้ แต่ก็ไม่เป็นไรนางจะค่อยๆ พยายามตีสนิทพวกมันเอาภายหลัง นางมีเวลาอยู่บนเกาะลอยแห่งนี้อีกยาวนานเลยทีเดียว การค้าในรอบแรกของวัน มู่สี่เสินขอแลกตะกร้าใส่ผลไม้เพิ่มอีก 30 ใบ นอกนั้นเขาและน้องสาวก็ไม่ได้ขาดสิ่งใดอีก จึงรับค่าผลไม้มาเป็นเงินทั้งหมด มู่เหยาจีก็ไม่มีเวลาพูดคุยเล่นกับสตรีในหมู่บ้านเหมือนเช่นเคย สองพี่น้องเร่งรีบช่วยชาวบ้านขนผลไม้ลงจากเรือ รับเงินกับตะกร้าเสร็จก็รีบกลับไปที่เกาะลอยอย่างเร่งด่วน ที่ทั้งสองมีพฤติกรรมแปลกประหลาดไปเช่นนี้ก็เพราะพวกเขาต้องการจะทดสอบ! เกาะลอยแม้ว่าจะเล็กกว่าเกาะจิงเหมินที่มีผู้อยู่อาศัยถึง 4 หมู่บ้านอยู่สามเท่า แต่ขนาดและเนื้อที่ของมันก็ไม่ใช่น้อยๆ มีทั้งภูเขา น้ำตก ลำธาร ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่และชายหาดสีขาวล้อมรอบอีกด้วย จำนวนพื้นที่ของผลไม้หลากหลายพันธุ์ครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของภูเขาเขียวขจี ดังนั้นจึงยังมีผลไม้อีกมากมายที่สองพี่น้องยังเก็บเกี่ยวไม่หมด และเท่าที่กำลังเก็บกันอยู่นี้ก็เป็นเพียงแค่ผลไม้ที่ร่วงหล่นลงมาเท่านั้น บนต้นไม้ยังคงมีผลเขียวๆ ที่กำลังเจริญเติบโตรอวันเก็บเกี่ยวอีกไม่น้อย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม