ข่าวลือหนาหูแพร่สะพัดทั่วพระราชวังเกี่ยวกับอาการประชวรของหวงกุ้ยเฟย บ้างก็ลือว่าเพราะความน้อยเนื้อต่ำใจที่ฝ่าบาทไม่สนพระทัยทำให้หญิงสาวกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย เคราะห์ดีที่รอดมาได้หากแต่ได้รับผลกระทบกระเทือนทั้งสมองและจิตใจทำให้สติฟั่นเฟือน เปลี่ยนเป็นคนละคน
ชายหนุ่มมองท่าทางของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าอย่างประหลาดใจ ไม่เพียงแต่นางจำเขาไม่ได้ สีหน้าท่าทางที่ดูคล่องแคล่วว่องไว ช่างดูต่างจากก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง
"เถ้าแก่ ข้าขอเหล้า เข็ม เส้นด้าย แล้วก็กรรไกรหน่อย" หญิงสาวเอ่ยกับเจ้าของโรงเตี๊ยมที่ทำท่าตกใจ
(นางจะเอาเข็มกับด้ายมาทำไม) ฮ่องเต้คิดในใจ (นี่นางเสียสติดังเช่นข่าวลือจริงๆ งั้นหรือ)
"นี่ของที่ท่านขอ" เถ้าแก่ยื่นสิ่งของให้หญิงสาวอย่างร้อนรน
ตงฟางหรงวางเข็ม เส้นด้าย และกรรไกรลง ก่อนเทเหล้าในไหลงไปเป็นการฆ่าเชื้อ แผลลึกตอนนี้ดูเหมือนว่าเลือดจะหยุดไหลแล้ว แต่เสียงเด็กน้อยยังคงร้องไห้สะอึกสะอื้น หญิงสาวเทเหล้าลงบนบาดแผลแล้วค่อยๆ เป่าลมบรรเทาความเจ็บให้เด็กน้อย เธอหยิบเข็มขึ้นมา ก่อนที่เข็มจะทันได้สัมผัสกับผิวเนื้อของเด็กน้อยก็ต้องชะงัก
"เจ้าจะทำอะไร" ชายหนุ่มรูปงามร้องทักหญิงสาว
"เย็บแผล" ตงฟางหรงตอบคำถามโดยไม่มองหน้าชายหนุ่มเลยด้วยซ้ำ
ตงฟางหรงที่ตอนนี้มือค้างชะงักไม่ได้สนใจที่ชายหนุ่มพูด นางลงมือเย็บแผล เย็บและตัด เย็บและตัด แผลเหวอะก่อนหน้าตอนนี้ดูดีไม่น่ากลัวอย่างที่คิด รอยฝีเข็มเล็กๆ ช่างแปลกประหลาดในสายตาชายหนุ่ม และเหล่าชาวบ้านที่มามุงดู
"เสร็จแล้วหนุ่มน้อย" หญิงสาวใช้ผ้าขาวสะอาดพันแผลให้เด็กน้อยอย่างเบามือเป็นขั้นตอนสุดท้ายก่อนหันมายิ้มปลอบ
"เก่งมาก อันนี้ข้าให้เจ้า" เธอล้วงขนมออกมาจากเสื้อส่งให้เด็กน้อย พลันเหมือนขนมก้อนเล็กมีมนต์สะกดเด็กน้อยหยุดร้องไห้งอแง
ฮ่องเต้ได้แต่ยืนเงียบพินิจใบหน้าหญิงสาวที่ส่งยิ้มให้เด็กน้อยอย่างแปลกใจ รอยยิ้มที่ออกมาจากความจริงใจสดใสดั่งดวงอาทิตย์ที่เปล่งประกายในวันหิมะตกหนักช่วยบรรเทาความหนาวเย็นจากหัวใจนี้มาได้เช่นไร แปลกจังทำไมเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าหวงกุ้ยเฟยของเขามีเสน่ห์สะกดจิตใจได้ หนำซ้ำยังสามารถทำเรื่องน่าเหลือเชื่อมากมายเช่นนี้ได้
"ไปกันเถอะ เดี๋ยวข้าจะไปส่งเจ้าที่บ้าน" ตงฟางหรงทำท่าอุ้มเด็กน้อยขึ้น
"ช้าก่อน" เสียงของชายหนุ่มร้องปราม
ตงฟางหรงหันหน้ามองชายแปลกหน้าทั้งสอง
"เดี๋ยวข้าอุ้มเด็กน้อยคนนี้เอง" ฮ่องเต้สะกิดองครักษ์คนสนิทให้อุ้มเด็กน้อย
ฮ่องเต้และหวงกุ้ยเฟยเดินเคียงข้างกันบนถนนที่เต็มไปด้วยผู้คน สองข้างทางเป็นร้านค้าและผู้คนที่เดินขวักไขว่ ด้านหน้าเป็นแผ่นหลังของเด็กน้อยที่ถูกอุ้มโดยองครักษ์คนสนิทอู่ติ่ง
"ขอบคุณท่านมากที่ช่วยข้ามาส่งเด็กน้อยผู้นี้" หญิงสาวเอ่ยขอบคุณฮ่องเต้
"อืม" ชายหนุ่มยังคงมองหญิงสาวอย่างไม่วางตาอย่างสงสัย ไม่ใช่ว่าตอนนี้เขาเริ่มที่จะหวั่นไหวหรอกนะ เขาสะบัดศีรษะไปมาขับไล่ความคิดไม่เข้าท่าออกไป
"ไม่ทราบว่าคุณชายนามว่าอะไร..ข้าแค่ถามไว้เผื่อโอกาสหน้าข้าพบท่านจะได้เรียกชื่อท่านถูก"
(นี่เจ้าแกล้งลืมหรือเจ้าลืมไปแล้วจริงๆ ตงฟางหรง ได้ข้าจะเล่นละครกับเจ้าเอง) ชายหนุ่มมองหน้าหญิงสาวที่ท่าทางไร้เดียงสาอย่างสงสัย
"ชื่อของข้าคือ จวินเฟยหลง"
"จวินเฟยหลง มังกรทะยานบินงั้นหรือ ความหมายดีเหมาะกับท่าทางของท่าน" หญิงสาวหันหน้ายิ้มให้กับชายหนุ่ม
ตึกตัก ตึกตัก เสียงเต้นของหัวใจที่เริ่มหวั่นไหวเพราะรอยยิ้ม
"แล้วเจ้าล่ะ"
"ข้า ตงฟางหรง ตงที่มาจากฤดูหนาว ส่วนฟางหรงที่มาจากเกียรติยศอันหอมหวาน"
"ดูเหมือนชื่อนี้จะเกินตัวเจ้าไปสักหน่อย" ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยแสงเรียบหากแต่ฟังดูเหมือนเย้ยหยัน
"งั้นท่านก็คงต้องรอดูว่าชื่อนี้จะเกินไปหรือไม่"
"ถึงแล้ว" หญิงสาวพยุงเด็กน้อยเข้าบ้าน
"วันนี้ต้องขอบคุณท่านทั้งสองมาก หมดเรื่องแล้วข้าคงต้องขอตัวลา"
"ฟ้าใกล้มืดแล้วไม่สู้ให้ข้าทั้งสองไปส่งเจ้ากลับบ้านดีหรือไม่" จวินเฟยหลงออกความคิดเห็น
"กลับบ้าน ใครบอกท่านว่าข้าจะกลับบ้าน"
จวินเฟยหลงได้ยินดังนั้นก็เริ่มโมโห ภรรยาของเขาไม่เพียงเที่ยวเตร่ตลอดทั้งวันหากแต่ตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้วนางยังไม่คิดจะกลับตำหนัก หรือเป็นเพราะที่ตำหนักหละหลวมเข้มงวดไม่พอ ทำให้นางลำพองใจได้ถึงเพียงนี้
"ถ้าเจ้าไม่กลับบ้านแล้วเจ้าจะไปที่ใด"
"ข้ามีบ้านที่ไหนกัน ก็แค่ที่ไว้ซุกหัวนอนอยู่ไปวันๆ ไม่มีใครสนใจกับการหายไปของข้าหรอก จะอยู่หรือไม่อยู่ก็มีค่าเท่ากัน"
หญิงสาวพูดคำเหล่านี้ออกมาได้หน้าตาเฉยไม่ได้มีความรู้สึกเศร้าหรือเสียใจแต่อย่างใด หากแต่เป็นชายหนุ่มเองที่ตอนนี้รู้สึกจุกอกจนพูดไม่ออก คำพูดของนางช่างเสียดแทงหัวใจเหลือเกิน
"ท่านมองข้าแบบนี้หมายความว่าเช่นไร นี่..นี่ข้าบอกไว้ก่อนเลยนะไม่ต้องมาสงสารข้า คนสงสารแล้วก็สมเพชข้ามากอยู่แล้วไม่ต้องการท่านมาเพิ่มหรอกนะ อีกอย่างข้าก็ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้ด้วย" ตงฟางหรงพูดอย่างมาดมั่น
เมื่อหญิงสาวพูดจบองครักษ์คนสนิทได้แต่มองหน้าผู้เป็นนายที่เงียบขรึมแต่แฝงไปด้วยความโกรธเคืองอย่างเห็นได้ชัด
"อีกอย่างอะไรหรือใครที่ทำให้เราไม่สบายใจเราก็แค่ตัดออกไป แล้วรับคนใหม่ๆ เข้ามา แค่นั้น"
"นี่เจ้า..เจ้า.." จวินเฟยหลงหลุดคำพูดออกมาก่อนที่องครักษ์อู่ติ่งจะสะกิดไว้
(นี่นางกำลังวางแผนกำจัดข้าออกจากชีวิตงั้นเหรอ ช่างเป็นความคิดที่สามหาวนัก)
"เย็นพระทัยก่อนพ่ะย่ะค่ะ" อู่ติ่งกระซิบบอกผู้เป็นนาย
"กระซิบอะไรกัน" ตงฟางหรงโผล่เข้ามาแทรกกลางระหว่างทั้งคู่
"ไม่มีอะไร งั้นพวกข้าขอตัวก่อน มืดแล้วท่านก็อย่าอยู่นาน" อู่ติ่งเอ่ยคำลากับหญิงสาว
"อืม อีกสักพักก็กลับแล้ว ข้าขอดื่มด่ำกับชีวิตอิสระอีกสักครู่" หญิงสาวไม่ว่าเปล่าตอนนี้นางกางแขนออกหมุนตัวไปรอบๆ อย่างมีความสุข
จวินเฟยหลงได้แต่มองหญิงสาวไม่วางตาด้วยความรู้สึกโกรธเคือง