บทที่ 7

1464 คำ
เป็นเวลาร่วมสองอาทิตย์แล้วที่เอมอรกลับมาทำงานในฐานะคนงานในไร่เหมือนที่เคยทำมาตลอด หากแต่น้อยคนนักที่จะได้รู้ว่ายามค่ำคืนเธอยังต้องขึ้นไปทำอีกหน้าที่ให้กับเจ้าชีวิตที่นับวันเขาก็ยิ่งตักตวงเอาความหอมหวานไปจากร่างกายของเธอหนักขึ้นจนบางวันเธอแทบจะคลานลงจากเตียงที่เขาสั่งหนักสั่งหนาว่าเสร็จหน้าที่แล้วให้เธอออกไปให้พ้นๆ หน้าห้ามเผลอหลับบนเตียงร่วมกันกับเขาอย่างเด็ดขาด บทรักที่แสนจะดุดันเอาแต่ใจของคนใจร้ายทำให้ร่างกายของหญิงสาวทรุดโทรมจนใครต่างก็พากันสงสัยแต่ก็ไม่กล้าพอที่จะเอ่ยถามด้วยรู้ว่าหากถามอะไรออกไปมากเกินความจำเป็นก็อาจถูกเจ้านายไล่ออกได้ง่ายๆ เพี๊ยะ!! คนถูกตบจนหน้าหันไม่ได้ตอบโต้อะไรนอกจากก้มหน้ารับชะตากรรมของตัวเอง เอมอรรู้สึกได้ถึงความขมของเลือดที่กำลังคละฟุ้งไปทั่วริมฝีปากแต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่คิดสู้บารณี รุ่นน้องลูกสาวของลุงภพกับน้ามุกดาที่ทันทีที่เจอหน้ากันอีกฝ่ายก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรพุ่งเข้ามาตวัดฝ่ามือตบเข้าที่ใบหน้าของเธออย่างแรงจนเธอล้มลงไปกองกับพื้นพร้อมเสียงตวาดที่ดังจนผู้คนเริ่มหันมามองการกระทำนั้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น “อีอรนังงูพิษ! นี่แกกะจะแย่งคุณเมฆไปจากฉันอีกคนใช่ไหม! แกกล้าดียังไงเอาตัวเองไปเสนอเป็นเมียของนาย แกกล้าดียังไงอีบ้า!!” อีกคนที่เพิ่งจะกลับมาจากเข้าค่ายกับทางโรงเรียนตวาดลั่นทันทีที่เดินตามหากันไปทั่วไร่ บารณีตวาดถามพร้อมจ้องมองมารหัวใจอย่างคาดโทษ เธอไม่คิดเลยว่าแค่ไม่อยู่ไร่เพียงไม่กี่สัปดาห์จะเกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันเช่นนี้ขึ้นมาได้  เด็กสาวซึ่งตอนนี้เรียนอยู่ ม หกเทอมสุดท้ายโกรธจัดจนร่างกายสั่นเทิ่ม เธอรึอุตส่าห์หลงรักเจ้านายของตัวเองมานานหลายปีแต่ก็ต้องทนเก็บงำมันเอาไว้เพราะเขาไม่เคยชายตาแลกัน แต่นี่มันอะไร พอคนพี่หนีตามชู้รักไปคนน้องที่เธอไม่เคยคิดว่าจะต้องกลายมาเป็นศัตรูหัวใจกันก็มาแย่งที่ที่สมควรจะต้องเป็นของเธอไปอย่างหน้าด้านๆ ยิ่งพอคิดถึงเรื่องราวที่ได้ยินมาก็ยิ่งรู้สึกเกลียดหญิงสาวตรงหน้าจนอยากจะพุ่งเข้าไปตบซ้ำให้หารแค้นอีกสักรอบ “หยุดพูดไร้สาระได้แล้วนังณีอยากถูกไล่ออกรึไง! มานี่!” เจนภพตวาดลูกสาวเสียงแข็งก่อนจะลากลูกสาวตัวดีของตัวเองออกไปไกลเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่าจะพุ่งเข้าไปทำร้ายเอมอรเข้าอีกรอบพร้อมพยักหน้าให้ภรรยารับช่วงต่อ หากรู้ก่อนว่าการเจอกันของสองสาวจะทำให้ลูกสาวของตนเองคลุ้มคลั้งเมื่อรู้ความจริงว่าตอนนี้เอมอรกลายเป็นเมียของเมฆาไปแล้วจะลงเอยแบบนี้ละก็เขาคงทำทุกวิถีทางไม่ให้เอมอรกับบารณีต้องเจอหน้ากันอย่างแน่นอนเพื่อป้องกันเรื่องวุ่นวายที่ต่อจากนี้ไปคงจะตามมาอีกมากจนอยากที่จะแก้ไข เขารู้ว่าบุตรสาวรักเจ้านายของตัวเองมาก มากขนาดที่ว่าเธอพร้อมจะตั้งตัวเป็นศัตรูให้เด็กสาวทุกคนที่เข้าใกล้เมฆาก็ว่าได้ หากแต่เขาไม่อยากให้มันเป็นเช่นนั้น บารณีลูกสาวของเขาเองก็ยังสาวยังสวย หากจะหาคู่ครองดีๆ ที่รักเธอจริงก็ไม่ใช่เรื่องยาก ดีเสียอีกจะได้ไม่ต้องวิ่งตามคนที่เขาไม่สนใจตัว “ลุกขึ้นไหวไหมล่ะนั่นนังอร แกเองก็อย่าไปถือสานังณีมันเลยนะ มันรักของมันมาตั้งนานก็ต้องโมโหอยู่แล้วที่จู่ๆ จะมีแมวขโมยมาคาบของรักของหวงของมันไปอย่างหน้าด้านๆ แล้วนี่ได้ข่าวแม่พี่สาวตัวดีของแกบ้างรึยัง!” เอมอรส่ายหน้าแทนคำตอบก่อนจะลุกขึ้นยืนโดยมีมุกดาช่วยอีกแรง นางจ้องมองเด็กสาวตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย อยากจะเกลียดตามคนอื่นๆ แต่ก็ทำไม่ลงไม่รู้ว่าทำไม อาจจะเป็นเพราะว่าเด็กคนนี้เรียบร้อยไม่สู้คน ตั้งแต่รู้จักกันมานางไม่เคยเห็นเด็กคนนี้คิดร้ายกับใครมาก่อน ใครสั่งให้ทำอะไรตรงไหนก็ทำให้หมด แม้จะถูกคนงานด้วยการเอาเปรียบดูแคลนก็ไม่เคยปริปากว่าตอบเลยสักครั้ง ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกอยากจะให้ลูกสาวเป็นเช่นนี้ดูบ้าง “ดูสิปากแตกหมด! ยังไงแกก็อย่าให้คุณเมฆรู้เรื่องนี้ได้ไหม น้าไม่อยากให้นังณีมันถูกนายเล่นงาน คดีเก่าที่แอบเข้าไปหาเขาถึงห้องนอนก็เพิ่งจะจบไปเอง” ขืนเมฆารู้เข้ามีหวังลูกสาวเธองานเข้าแน่ ใครก็รู้ว่าช่วงนี้เมฆาอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ แค่ไหน “จ๊ะน้ามุก อรไม่ถือสาหรอกจ๊ะ อรเข้าใจ” หญิงสาวตอบกลับก่อนจะลามุกดาเพื่อกลับไปทำงานของตัวเองต่อไป เธอช่วยคนงานที่คงมีไม่น้อยคนที่อยากจะปรี่เข้ามาทำร้ายเธอเหมือนอย่างที่บารณีทำคัดแยกข้าวโพดอย่างตั้งอกตั้งใจอยู่นานก่อนสายตาบวมจากการร้องไห้มาตลอดหลายวันที่ผ่านมาจะหยุดชะงักเมื่อเจอเข้ากับรองเท้าคู่หนึ่งที่มาหยุดอยู่ตรงหน้ากัน เมื่อจำได้ว่าเจ้าของรองเท้าคู่นี้เป็นใครหญิงสาวก็ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าสบตาอีกฝ่ายเพราะกลัวว่าเขาจะเห็นร่องรอยบนใบหน้า “ลุกขึ้นสิ!” เมฆาตวาดเสียงแข็งจนอีกคนสะดุ้งสุดตัว ไม่นานแม่ตัวดีก็ค่อยๆ ลุกขึ้นเผชิญหน้ากันแต่ก็ไม่วายยังคงก้มหน้าใส่กันอยู่ นั่นเลยทำให้คนที่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดจากคนสนิทที่โทรไปรายงานแล้วต้องพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ อย่างน้อยก็เธอยังปลอดภัยอยู่ ไม่ได้ถูกใครคนไหนลากไปฆ่าสินะ “เงยหน้าขึ้น!” “ฉันสั่งให้เงยหน้าขึ้นหูหนวกรึไง!!” ครั้งนี้ที่เสียงตะโกนดังมากกว่าครั้งแรกทำให้เอมอรต้องเงยหน้าตามคำสั่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ก่อนเธอจะร้องลั่นเมื่อฝ่ามือของคนใจร้ายเอื้อมมือบีบคางกันพร้อมหันไปมาคลายจะสำรวจบางสิ่งบางอย่างที่เขาไม่คิดจะถามแต่อยากให้เธอเป็นคนปริปากบอกกันสักครั้ง “ใครทำ!” แต่สุดท้ายเมฆาก็อดไม่ไหวจนต้องเอ่ยถามเมื่อเห็นแก้มหอมกรุ่นที่ตนชอบหอมก่อนนอนเกิดร่องรอยถูกตบ “มะ…ไม่มีค่ะคุณเมฆ อรหกล้มเองค่ะ” “หึ! ไปล้มใส่ฝ่ามือใครเขาล่ะมันถึงได้ขึ้นเป็นรอยห้านิ้วชัดเจนได้ขนาดนี้!” เสียงเข้มตวาดว่าพร้อมปล่อยมืออย่างไม่ไยดี ในเมื่อเธอเลือกที่จะปกป้องคนผิดเขาเองก็คงช่วยอะไรไม่ได้ จำต้องเดินหนีจากออกมาพร้อมกับความรู้สึกกังวลต่างๆ นาๆ จนสุดท้ายก็เป็นเขาเองที่ทนไม่ไหวจำต้องเดินกลับไปทางเดิมก่อนจะลากเอาแม่ตัวดีมาด้วยกัน เมฆาตวัดเอาร่างของคนพูดน้อยมานั่งบนตักทันทีที่ลากเธอมาจนถึงออฟฟิศใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางไร่ เมื่ออีกคนทำท่าจะขยับหนีมือหนาก็รวบเอวของเธอเอาไว้แน่นไม่ยอมให้คนดื้อเงียบได้ลุกขึ้นตามที่ต้องการ ตราบใดที่เขาไม่ยอมปล่อยด้วยตัวเองเธอก็ไม่มีสิทธิ์! “ไม่มีมือรึไง! หรือคิดว่าตัวเองเป็นนางเอกอยู่ถึงได้ปล่อยให้บารณีตบเอาจนเลือดกบปากแบบนี้น่ะห๊ะ!” เสียงเข้มเอ่ยดุ ไม่ชอบใจทุกครั้งที่ได้เห็นคนบนตักถูกคนอื่นรังแกหรือเอาเปรียบเอาได้ง่ายๆ นิสัยที่ไม่รู้จักสู้คนของเธอก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่ทำให้เขาไม่ชอบใจทุกครั้งเมื่อได้เห็น ไม่รู้รึไงว่าโลกนี้ไม่ได้มีไว้สำหรับคนอ่อนแอ คนที่เข้มแข็งเท่านั้นถึงจะอยู่ต่อไปได้อย่างมีความสุข “คุณเมฆรู้…” “ฉันรู้ทุกเรื่องในไร่! คิดเหรอว่าเธอจะปิดฉันได้!!” 
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม