มังกรยกปากด้านข้างขึ้นข้างหนึ่งมองเห็นเขี้ยวขาววาววับให้รู้สึกเสียวไส้ยิ่งนัก มันคงยิ้มเยาะเย้ยเขาเป็นแน่ เพราะมันทำให้ท่อนไม้และกิ่งไม้แห้งจำนวนไม่น้อยปรากฏออกมาแล้วร่วงลงบนศรีษะและลำตัวของเขา
“เดี๋ยวๆๆ ไฟอย่างพึ่งมานะขอข้าเตรียมตัวก่อน”
เด็กหนุ่มรีบเอาไม้มาสุ่มเป็นกองอีกส่วนกองแยกไว้แล้ววิ่งออกไปยื่นห่างๆ จากประสบการณ์สองครั้งเขาบอกว่าไฟมันจะมาแบบไม่ทันตั้งตัวแน่นอน
“ฟุบ” ดวงไฟเล็กๆ เหนือกองไม้ลุกขึ้นจนติดกองไม้ทั้งกอง
“ยังดีที่ไม่ใหญ่มาก ไม่งั้นข้าต้องเกรียมแน่”
เขารีบจัดการใช้กิ่งไม้เสียบปลาที่จับมาเริ่มย่างปลา เสียงน้ำหยดลงกองไฟดังฉ่าๆ กลิ่นเริ่มโชยออกมา ปลาที่สุกเขาวางพิงไว้กับท่อนไม้แล้วหันกลับมาย่างต่อพอสุกก็หันกลับไปวางปลาย่างที่ว่างอยู่ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
“ย่างต่อไป”
“ย่างอีกตัว”
“อีกตัว”
ครึ่งชั่วยามผ่านไปกับการย่างปลา เขาสาบานได้ว่าตอนนี้จมูกเขามีแต่กลิ่นปลาย่างเพียงอย่างเดียวแขนและมือก็รู้สึกร้อนไปหมด เขาเอนตัวลงนอนราบกับพื้นเขารู้สึกเมื่อยหลังเมื่อยไหล่ไปหมดเพราะนั่งก้มหน้าย่างจนรู้สึกหน้าเขาคงสุกไปแล้วเหมือนกัน
“ข้ายังไม่อิ่ม”
“ปลาหมดแล้ว”
เด็กหนุ่มตอบอย่างหมดแรงเขาเองไม่ได้กินสักตัว แต่มังกรยังไม่อิ่ม
ความจริงมันไม่จำเป็นต้องกินต้องดื่มแต่มังกรแค่อยากแกล้งเด็กหนุ่มตรงหน้า
“เอิ๊กกก…..เจ้าย่างปลาแห้งไปสักหน่อยนะ คราหน้าขอแบบฉ่ำน้ำกว่านี้สักนิด”
“เดี๋ยว ท่านมังกรยักษ์บอกว่ายังไม่อิ่มไง.
เหตุใดเรอออกมาเสียงดังสนั่นจนก้อนหินสั่นสะเทือนได้กันเล่าเขาเอียงคอมองเหมือนมันจะรู้ว่าเด็กหนุ่มคิดอย่างไร มังกรมีคิ้วไหมเด็กหนุ่มไม่รู้แต่เขากลับรู้สึกว่ามันกำลังยักคิ้วข้างหนึ่ง (เจ้ามีปัญหาอะไรไหม) หรือเขาจะตาฝาดไปเอง
วันนี้เขาเหนื่อยล้าจนไม่แรงจะคิดมากแล้ว นั่งพิงก้อนหินใหญ่มองมังกรที่อยู่ตรงข้ามดวงตาปรือจนแทบจะทนไม่ไหวแล้ว
“ข้าอยู่มานับแสนปี เกิดตั้งแต่แผ่นดินนี้มีแต่เหล่าเทพ มนุษย์ยังไม่ถือกำเนิดขึ้นมาเลยด้วยซ้ำ ข้าหลับไปตื่นมาอีกทีกลิ่นอายของพวกเทพเซียนเหล่านั้นก็จางหายไปจนหมด เกิดอะไรขึ้น”
มังกรยักษ์ค่อยๆปิดเปลือกตาลงระลึกความหลังและใช้อิทธิฤทธิ์แผ่กระจายออกไปซึมซับเรื่องราวที่ผ่านมาผ่านสรรพสิ่งต่างๆ ก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง
“ข้ารู้แล้วเพราะมนุษย์เห็นแก่ตัวเกินไป ทำให้เหล่าเทพเซียนค่อยๆ ตัดสินใจถอยห่างออกไปละทิ้งดินแดนแห่งนี้ ให้พวกมนุษย์วุ่นวายเข่นฆ่าแย่งชิง ใส่ร้ายป้ายสีกันตลอดเวลา เจ้าก็เช่นกันสินะ”
“พวกมนุษย์อายุสั้นเพียงนั้นแต่ยังไม่รู้จักรักษาตนให้อยู่ในศีลธรรมความดี เจ้าเด็กน้อยเจ้าเองก็กลับออกไปจากที่นี่ซะ ข้าจะไม่ทำร้ายเจ้าหรอก”
“ท่านมังกรผู้ยิ่งใหญ่ ข้าก็อยากกลับออกไปเช่นกันแต่ข้ากลับออกไปไม่ได้ ท่าน ท่านกรุณาส่งข้าออกไปได้หรือไม่ขอรับ”
มังกรยักษ์เพ่งมองไปที่เด็กหนุ่ม อืม เป็นคนที่มีจิตใจบริสุทธิ์ ไม่มุ่งร้ายคนอื่น ไม่คิดอยากได้ของคนอื่น มีเมตตาและเป็นคนซื่อสัตย์ เป็นคนที่ไม่มีพิษมีภัยมิน่าเล่าถึงผ่านม่านป้องกันอันตรายหล่นปุลงมาทับศรีษะตนได้ แต่ว่าจะให้ส่งออกไปง่ายๆก็รู้สึกเสียเชิงเป็นถึงมังกรตัวใหญ่ต้องเชื่อฟังมนุษย์ตัวกระจ้อยร่อยมันก็ต้องมีมาดกันหน่อย
“เจ้าไม่มีคาถา เวทย์มนต์ แล้วเจ้ามีสิ่งใดจึงหลุดเข้ามาได้ ไหนข้าดูหน่อยซิ”
“ ได้โปรดเชื่อข้า ข้าไม่ได้มีเจตนาไม่ดี ข้าบังเอิญหล่นลงมาเท่านั้นเอง”
“เจ้าเด็กน้อย ในที่แห่งนี้เจ้าคิดจะลักขโมยของๆข้าออกไปใช่หรือไม่”
“เปล่า ข้ามิได้จะขโมยสิ่งใดเลย (ท่านมิดูหรือไรในที่แห่งนี้ของท่านมิมีสิ่งมีค่าอันใดให้ขโมยจะต้องกลัวคนคิดมิดีมิร้ายด้วยหรือ ข้าละงง)”
“เจ้าแน่ใจ หือ"
พรืดดดด ลมถูกเป่าออกมาเบาๆจากปากมังกรยักษ์ผ่านตัวเด็กหนุ่มไปมันเพียงพอจะทำให้ร่างกายเขาเซถอยไปสองสามก้าวจะสะดุดก้อนหินข้างหลังล้มลงไป มือคว้าก้อนหินใกล้ๆขึ้นมา พร้อมกับยื่นไปข้างหน้า
“ท่านดู แค่ก้อนหินดำๆ ท่านยังจะไม่พอใจอะไร หินพวกนี้ใครจะต้องการมันข้าควรจะนำมันออกไปหรือ เอามันออกไปให้หนักทำไม ท่านคิดได้ยังไงกัน”
เด็กหนุ่มมองก้อนหินขนาดเท่าไข่ไก่ที่ยกขึ้นมาอยากจะเขวี้ยงใส่หน้ามังกรยักษ์ที่เป่าลมออกมาทำให้เข้าล้มลงเจ็บยิ่งนัก แต่ก็ต้องตกตะลึงตาค้างกับก้อนหินที่อยู่ในมือ ยามนี้มันมีสีแดงสดมีประกายแวววาว นี่มันไฉ่เซ่อเป่าสือ(หินสี)ที่เขาเคยได้ยินหรือไม่
“ตกตะลึงเลยหรือไง เจ้าเด็กน้อย”
“นี่มันไฉ่เซ่อเป่าสือหรือขอรับ”
“ไฉ่เซ่ออะไร ในมือเจ้ามันหงเป่าสือ(ทับทิม) ทำไมพึ่งเคยเห็นหรือไง”
“ใช่ ขอรับที่บ้านข้าฐานะยากจน มันสวยมาก”
เด็กหนุ่มค่อยๆวางลงอย่างระมัดระวัง เขากลัวมันจะเกิดริ้วรอยจะทำให้สูญเสียความสวยงามไป แต่ก็ตกตะลึงมากกว่าเดิมเมื่อเท้าทั้งสองข้างเหยียบอยู่บนสีต่างๆหลายสี เขาตกใจล้มลงไปนั่งค่อยๆ หยิบก้อนที่อยู่ใกล้เท้าขึ้นมาดูมันมีสีม่วงสดใสขนาดเล็กกว่าก้อนที่ผ่านมาเล็กน้อย
“ในมือเจ้านั่นจื่อสุยจิง(แอเมทีสต์) เห็นสีขาวก้อนกลมๆ นั่นไหม นั่นคือเจินจู(ไข่มุก)”
เด็กหนุ่มมองตามเล็บมังกรที่ชี้ผ่านหน้าเขาไปด้านข้าง ไข่ขนาดยักษ์สีขาวมันใหญ่มาก ไข่มุกขนาดเท่านี้คนในหมู่บ้านที่เขาอยู่คงไม่เคยมีใครเห็นแน่ เขาช่างโชคดียิ่งนักที่ได้มีวาสนาเห็นทรัพย์สมบัติเหล่านี้
“ท่านมังกร พวกมันสวยงามมากจริงๆ”
“แน่นอน มังกรเช่นข้า มีพวกมันมากมายนับไม่ถ้วน ทำไมเจ้าเปลี่ยนใจอยากได้พวกมันแล้วหรือ”
“ไม่ ไม่ใช่ขอรับ ข้าชื่นชอบความสวยงามของมัน โชคดีที่ได้เห็นแต่ข้าไม่ได้ต้องการนำมันกลับไปขอรับ"
“จริงหรือ แล้วถ้าข้าให้เจ้านำกลับไปได้หล่ะ”
“ไม่ต้องหรอกขอรับ ของของท่านข้าเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาของพวกนี้ไม่จำเป็นสำหรับข้า หากข้าอยากได้คงเป็นอาหารและเงินทองให้พอเลี้ยงชีพได้ก็พอ ยามนี้ข้าเหลือตัวคนเดียวของเหล่านี้ไม่จำเป็นสำหรับชีวิตข้า”
“เจ้าเด็กน้อยเจ้าไม่อยากได้จริงๆหรือ”
“ขอรับ”
“ดี จิตใจบริสุทธิ์เช่นนี้ดียิ่ง ข้าเบื่อที่นี่แล้ว ขี้เกียจนอน (นอนจนเกินพอแล้ว) ข้าอยากออกไปข้างนอกเจ้ายินดีติดตามข้าหรือไม่ แต่เจ้าต้องทำตามคำสั่งข้าทุกอย่าง ไม่เช่นนั้นเจ้าก็ติดอยู่ที่นี่จนตายไม่ต้องออกไป”
“ไหนเมื่อสักครู่ท่านบอกให้ข้าออกไปหล่ะขอรับ ตอนนี้ๆ”
“ข้าเปลี่ยนใจแล้ว ทำไม เจ้ามีปัญหาอะไร”
“ไม่ ไม่มีขอรับ”
“มานี่ พวกเราออกไปกันเถอะ”
“เดี๋ยวๆๆ ท่านมังกรท่านจะออกไปด้วยร่างกายขนาดใหญ่เท่านี้เชียวหรือขอรับ หากออกไปข้าเกรงว่าชาวบ้านจะตื่นตกใจ ท่านจะไปที่ใดก็จะไม่สะดวกนะขอรับ”
หากท่านออกไปด้วยร่างกายแบบนี้ ข้ารับรองได้ผู้คนต้องหวาดกลัวท่านอย่างถึงที่สุด แล้วท่านเองก็นิสัยไม่ดียิ่ง เปลี่ยนแปลงอารมณ์ไปมาแบบนี้ต้องเป็นอันตรายกับผู้คนด้านนอกเป็นแน่ ตัวเขาเองถ้าต้องเดินตามมังกรตัวโตตลอดเวลาก็กลัวมากเช่นกัน
“นั่นสินะ มนุษย์อ่อนแอตัวเล็ก อืม ข้าลดขนาดลงก็เพียงพอสินะ”
เป็นอีกครั้งที่เขาต้องตกตะลึง มังกรยักษ์ค่อยๆ ย่อขนาดลงมาต่อหน้าต่อตาเขาจากขนาดเท่าภูเขาลูกย่อมๆ เหลือขนาดยาวเพียงหนึ่งเชียะกว่าๆ ทั้งยังกลมป้อมมากในสายตาเขา กลายเป็นงูหน้าตาประหลาดสักหน่อยมีเขาโผล่ขึ้นมานหนึ่งชุน มีปุ่มบนหัวตะปุมตะป่ำ ลำตัวยังคงสีขาวขาทั้งหมดหายไป ขดตัวลอยอยู่เบื้องหน้า
“เจ้า กำลังหัวเราะเยาะข้าหรือไง”
“ไม่ ไม่ได้หัวเราะ ข้ากำลังคิดว่าตัวท่านขนาดนี้น่ารักมากขอรับ”
“ชิ ให้มันจริงอย่างเจ้าว่าเถอะ”
“พวกเราออกไปกันเถอะขอรับ”
“เจ้าแน่ใจว่าไม่ต้องการของเหล่านี้ แน่หรือ”
“ไม่ขอรับ”
“ช่างเถอะ คนโง่มีโชคของคนโง่”
“ไปกันเถอะ”