4-2 กลับสู่โลกภายนอกอีกครั้ง

1717 คำ
เพราะเด็กหนุ่มเลือกที่จะไม่นำสิ่งของมีค่าออกไปจึงได้รับโอกาสติดตามเทพมังกรโดยไม่รู้ตัว (มังกรที่เขาคิดว่ากินจุ อารมณ์เปลี่ยนไปเปลี่ยนมากำลังจะเปลี่ยนแปลงชีวิตเขา) เด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังเดินลัดเลาะไปตามทางเดินริมน้ำ บนไหล่มีงูขาวตัวอ้วนพันหลับสบายอยู่ เขาเดินเรื่อยๆ ตั้งแต่ออกจากที่อยู่ของท่านไป๋(มังกรในร่างงูขาว) สองวันนี้พาเขาเหาะลงจากยอดภูเขาสูงที่ไหนสักแห่งท่านไป๋บอกว่าการออกมาเที่ยวก็ต้องเป็นที่ที่เราไม่รู้จักไม่เคยไปไม่เคยพบจึงจะพบสิ่งที่แปลกใหม่ แล้วก็ปล่อยให้เขาเดินคนเดียวส่วนตัวเองนอน “ไปทางไหนดี พาข้ามาบอกว่าจะออกมาเที่ยวแต่ท่านก็นอนหลับตลอด จะได้เห็นทิวทัศน์เหมือนข้าได้อย่างไร ท่านไป๋ไม่ตื่นมามองสักหน่อยหรือขอรับ ที่นี่อากาศดีและสวยงามนะขอรับ” “เดินไปเรื่อยๆ อากาศดีข้ารู้” ตอบรับแต่ไม่ลืมตาขึ้นมายังคงหลับอยู่เหมือนเดิม รอบตัวที่มองเห็นมีเพียงยอดต้นไม้ที่สูงลิบ เป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์มากตลอดทางไม่ขาดแคลนผลไม้และสัตว์เล็กสัตว์น้อยที่ถูกจับมาเป็นอาหารในทุกครั้งที่อีกฝ่ายบอกว่าหิว ยามนี้เหมือนการเดินทางท่องเที่ยวไปเรื่อยๆ ไม่มีความเร่งรีบใดๆทั้งสิ้น เขาไม่มีห่วงกังวลไม่มีครอบครัวไม่มีจุดหมายปลายทาง ชีวิตตอนนี้ก็จัดว่าดีไม่มีคนค่อยบ่นว่า มีอาหารกิน กลางคืนนอนหลับไม่ต้องกลัวอันตรายเพียงทำตามคำสั่งอีกฝ่ายเท่านั้น “หยุด อยู่ตรงนั้นเจ้าเด็กน้อย” “ท่านต้องการอะไร” “ฮ่าฮ่าๆเอางูประหลาดตัวนั้นมาให้ข้า” สายตาของเขาปรากฏชายฉกรรจ์โผล่ออกมาตรงหน้า คนทั้งสองคนแต่งตัวเหมือนคนหาของป่าทั่วไปสะพายธนูและย่าม เด็กหนุ่มงงมาก กลางป่ากลางเขายังมีคนให้เขาเห็นด้วย “พี่ชาย ท่านทั้งสองต้องการ เอ่อ งูบนไหล่ข้าหรือขอรับ” “ใช่ ส่งมันมาให้ข้า ดูท่าจะขายได้หลายเงิน” สายตาของชายทั้งสองคนมีแววละโมบออกมาอย่างชัดเจน เขาสองคนเห็นเด็กหนุ่มและแอบติดตามมาสักระยะหนึ่งจนแน่ใจว่ามาคนเดียวจึงออกมาขวางทาง พวกเขามีอาชีพจับสัตว์ไปขายในเมืองหลายวันนี้ขึ้นเขามาไกลหวังจะได้สัตว์เข้าไปขายไม่คิดว่าจะมีสัตว์งูสีขาวสวยแปลกตาน่าจะขายได้ราคาสูงจึงหวังจะแย่งจากเด็กหนุ่มเบื้องหน้าที่มีรูปร่างผอมแกรน ท่าทางขี้ขลาดไม่สู้คน น่าจะได้มันมาไม่ยากนัก “ส่งมาให้พวกข้าเดี๋ยวนี้ แล้วรีบไปซะ” “แต่ว่า” “ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น ส่งมา” เสี่ยวอี้แค่อยากเตือนทั้งสองเท่านั้นว่ามังกรไม่ใช่งู พวกท่านเรียกหลายครั้งจะทำให้มันโกรธเอาได้นะ มังกรขาวรู้สึกหงุดหงิด เสียงดังทำให้มันรำคาญ กลิ่นของชายสองคนสาบเกินไปจะกินก็น่ารังเกียจ ชิ คิดอยากได้ตัวข้า เช่นนั้นก็ลองลิ้มรสดูว่างู เจ้าคู่ควรหรือไม่ เมื่อหนึ่งคนก้าวเข้ามาประชิดตัวเด็กหนุ่มก่อนที่มือจะสัมผัสถูกงูขาว มีลมวูบหนึ่งพัดจนสองคนถูกพัดปลิวลอยประทะต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปหลายฉื่อ “พวกเจ้ากล้าดีอย่างไร เอามือสกปรกจะมาสัมผัสตัวข้า อยากได้ตัวข้ารึ ไม่เจียมตัวจริงๆ” “อ๊ากกก พลั๊ก โอ๊ย” "เจ้าเด็กบ้า เจ้าทำอันใด จู่ๆ ทำไมมีลมพัดมากระแทกพวกข้า” มังกรอย่างข้าแม้จะย่อตัวจนรูปลักษณ์เป็นเพียงงูขาวแต่อิทธิฤทธิ์ก็ไม่ลดลง แค่เป่าลมเบาๆพวกเจ้าก็ปลิวไปเหมือนเศษผงแล้ว หึ “พวกท่านก็เห็น ข้ายืนอยู่เฉยๆ ยังไม่ได้ขยับตัวสักนิด” “เจ้าโกหก ชกมันเลยพี่ใหญ่” “ย๊ากกก” คนที่ดูมีอายุมากกว่าชูหมัดวิ่งเข้าใส่เด็กหนุ่ม กะอีแค่เด็กยังไม่โตคนเดียวมันจะแค่ไหนเชียว รูปร่างเขาก็ใหญ่กว่าแข็งแรงกว่า แต่ก็เป็นอีกครั้งที่ร่างถูกลมพัดลอยขึ้นไปคาอยู่บนกิ่งไม้ใหญ่ “ข้าว่าพวกท่านอย่าได้สนใจงูขาวบนไหล่ข้าเลย พวกท่านสองคนแข็งแรงท่าทางเก่งกาจมิสู้ไปหาจับสัตว์ที่มีขนาดใหญ่หายาก น่าจะดีกว่านะขอรับ” ข้าช่วยพวกท่านได้เพียงเท่านี้ หากยังดื้อดึงจนท่านไป๋บนไหล่ข้าอารมณ์เปลี่ยนแปลงคงมิได้เพียงถูกลมพัดไปพัดมาเช่นนี้แน่ พวกท่านรีบๆ ไปจากตรงนี้เถอะขอร้อง “ถ้าแค่งูขาวตัวเดียวพวกข้ายังนำมันมาจากเจ้าไม่ได้แล้วจะไปจับสัตว์ใหญ่ตัวอื่นๆ ได้อย่างไร เอามาให้ข้า” “เพี๊ยะๆๆ” ชายร่างใหญ่คล้ายถูกตบหน้าด้วยมือขนาดใหญ่เพียงครู่เดียวใบหน้าก็บวมแดง ริมปากมีเลือดไหลออกมา ยืนแทบไม่ไหวเขาเองก็ยังงงเบื้องหน้าไม่มีใครเข้าใกล้ตนแท้ๆ กลับรู้สึกราวโดนตบอย่างแรงติดต่อกันจนมึนศรีษะไปหมด “พี่ใหญ่ ท่าน ท่านเป็นอย่างไรบ้าง” “ซี๊ดดด เจ้าก็เห็นข้าอยู่ดีๆ ก็เป็นเช่นนี้” “มันๆ มันเป็นปีศาจแน่ๆ พี่ใหญ่พวกเรารีบหนีเถอะ” อ้าว กล่าวหาข้าว่าเป็นปีศาจเฉยเลย เมื่อครู่อุตส่าห์คิดหาวิธีช่วยเหลือน่าจะปล่อยให้โดนมากกว่านี้ เด็กหนุ่มมองชายฉกรรรจ์สองคนล้มลุกคลุกคลานถอยหนีกันไป “เจ้ามันไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ” “ท่านไป๋ ข้าเป็นเด็ก ร่างกายไม่แข็งแรงอย่าว่าแต่สู้เลย ลำพังให้ข้าวิ่งหนีพวกเขายังไม่รอดเลย ท่านทำร้ายพวกเขา แต่พวกเขากลับกล่าวหาว่าข้าเป็นปีศาจทั้งที่ข้าอยู่เฉยๆ” “เจ้าเด็กนี่ปากดีนัก เดี๋ยวตบปากอย่างเจ้าพวกนั้นซะหรอก” “ไม่ๆ ข้าไม่กล้าว่าท่านอีกแล้ว” “ข้าหิวแล้ว” “อะไรนะ! ท่านกินไปเมื่อหนึ่งชั่วยามที่แล้ว ข้าหาของมาให้ท่านกินไม่ไหวแล้ว ถ้าอยากกินท่านไปหาของสดมาแล้วข้าย่างให้ท่านกิน” “เรื่องมากจริงเชียวแค่จับสัตว์เล็กๆ น้อยๆ พวกนั้นจะใช้แรงอะไร ของแค่นี้ข้าจัดการเอง” เด็กหนุ่มนั่งรออยู่บนก้อนหิน บริเวณนี้ห่างจากริมน้ำไม่มากนักระหว่างนั้นเด็กหนุ่มก็เริ่มเดินเก็บกิ่งไม้มากองไว้จำนวนมากคาดว่าจะพอสำหรับปิ้งย่างสัตว์ที่มังกรยักษ์นำกลับมา เพียงเค่อเดียวหลังจากมังกรในร่างงูขาวหายไปก็เลื้อยกลับมาช้าๆ เด็กหนุ่มมองเลยไปเบื้องหลังถึงกับตาโตอ้าปากค้าง สิ่งที่ลอยมาล้วนเป็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ ทั้งหมูป่า กวาง งูเหลือม วัวป่า นี่ๆ กะจะกินให้หมดป่าเลยหรือไร “ท่านไป๋ ท่านจับมามากเกินไปแล้ว ท่านกินมากเช่นนี้ข้าจะย่างอีกนานเท่าใดจึงจะสุกทั้งหมดแล้วท่านล่ามามากขนาดนี้หมดป่าแล้วหรือยัง ระวังมื้อหลังจากนี้ท่านจะไม่มีอาหารกินนะ” “ขี้บ่นจริงเชียวเจ้าเป็นเด็กนะคิดมากทำไม สัตว์แค่นี้ไม่มากจนเกินไปนักหรอก ข้าจับเฉพาะสัตว์ที่อยู่แถวๆนี้ ไม่ได้หาออกไปไกล ป่านี้อุดมสมบูรณ์มากไม่ต้องกลัวพวกมันสูญพันธุ์ รีบๆไปจัดการซะข้าหิว” “ท่านหิวสะสมมาหรือไง หลับไปหนึ่งตื่นพอตื่นขึ้นมาก็กินกับกิน ข้าไม่เห็นท่านจะทำอย่างอื่นเลย” เด็กหนุ่มก็บ่นไปตามประสาเพราะตั้งแต่ติดตามมังกรยักษ์มา อีกฝ่ายก็ไม่ได้โหดร้ายกับเขานัก เวลาลำบากหรือต้องการความช่วยเหลือก็มอบสิ่งที่สามารถทำให้เขาสะดวกได้ทันที เช่นเขาชำแหละเนื้อด้วยมีดขนาดเล็กก็เสกมีดขนาดพอดีมือที่มีความคมกริบมาให้ใช้ ความจริงมันอาจจะทำให้อีกฝ่ายได้กินอาหารไวก็เท่านั้น แต่เขาขอคิดเข้าข้างตนเองเสียหน่อย “ถ้ามีเกลือสักหน่อย รสชาติต้องดีแน่เชียว” สะดวกจริง เกลือสีขาวสะอาดกองอยู่บนใบไม้ แค่พูดออกไปเท่านั้นสิ่งที่ต้องการก็มาวางให้เห็น เสี่ยวอี้ยิ้มก่อนจะนำเนื้อสัตว์ที่ล้างทำความสะอาดแล้วทาเกลือจนทั่วทิ้งไว้ เขามองงูขาวที่เอียงคอไปมามองดูเขาย่างเนื้อหมูป่าบนกองไฟ เสียงน้ำมันหยดลงต่อเนื่องกลิ่นหอมที่โชยมาเข้าจมูก เขาดูว่ามันสุกกำลังดีก็ยกลงวางบนใบถาดขนาดใหญ่(ที่ไม่รู้โผล่มาตอนไหน) ก่อนจะหันไปย่างกวางตัวไม่ย่อมที่ผ่าท้องล้างทำความสะอาดรออยู่แล้วขึ้นย่างไฟ มือหมุนไม้ที่เสียบเนื้อกวางหมุนไปหมุนมาเพื่อให้สุกทั่วทุกจุด “ท่านไป๋ ข้าสงสัยนักท่านเป็นมังกรเหตุใดไม่กินเนื้อดิบเช่นที่ข้าเคยได้ยินมา” “นั่นมันเป็นมังกรทั่วไป ข้าเป็นมังกรชั้นสูงมีอารยธรรมย่อมต้องกินของที่ปรุงสุกแล้วเท่านั้น วางมาๆ นั่นแหละกลิ่นนี้แหละหอมกำลังดี เจ้าอย่าย่างจนแห้งเกินไปสุกกำลังดีเนื้อหวานฉ่ำ” เด็กหนุ่มคุ้นชินกับนิสัยการกินที่ค่อนข้างจะเรื่องมากเหล่านี้แล้ว หากมีครั้งใดที่ไม่บ่นถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติก็ว่าได้ ไม่คาว ไม่สุก หรือไม่ก็ไหม้จนขม อะไรประมาณนั้น เขาย่างจนถึงชิ้นสุดท้ายในที่สุดก็ได้พักเสียที “เจ้าก็กินด้วย เดี๋ยวไม่มีแรงย่างให้ข้ากินมื้อต่อไป” “ไม่ละท่านไป๋ ข้ายังอิ่มอยู่ขอรับ ข้าเหนียวตัวขอไปล้างตัวก่อนขอรับ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม