ตอนที่ 6.

1530 คำ
“หนูไปเห็นคนเขาฆ่ากันที่ตรอกใกล้ๆสนามวัวน่ะเฮียวินท์ ไอ้ฆาตกรมันเห็นหน้าหนูด้วย มันเลยจะฆ่าหนูปิดปาก หนูเลยวิ่งหนีมันจนมาเจอเฮียนี่แหละ” เสียงเล่าสั่นพร่า ด้วยความหวาดหวั่นไม่หาย ภาพคนตายยังติดตาจนคนเห็นขนลุกขนชัน สิ่งที่แม่สาวยิปซีลูกครี่งเล่า ทำให้คนฟังตกใจ “แกไปทำอะไรที่นั่น ฉันตามหาแกตั้งนาน ดีนะที่ไม่กลับมาก่อน” เขาอดตำหนิไม่ได้ คนโดนดุหดคอ ยิ้มแหยๆ “ก็หนูอยากเห็นมาทาดอร์ตัวเป็นๆชัดๆนี่เฮีย หนูเลยไปดูเขาก่อน ไม่นึกว่า...” หญิงสาวพูดไม่ออกร้อนผ่าวไปทั้งแก้ม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดกับตัวเอง “ไม่นึกว่าอะไร” นภวินท์ถาม มองหน้าแดงของรุ่นน้องอย่างสงสัย “ไม่นึกว่า... จะเจอคนเขาฆ่ากันด้วยนี่” สิงหกัลยาอ้อมแอ้มตอบไม่เต็มเสียง หลบสายตาคมๆ ที่จ้องมาอย่างมีพิรุธ ‘เฮียวินท์ อย่ามองหนูแบบนั้นสิ หนูบอกเฮียไม่ได้จริงๆ’ “มันคงไม่ตามมาฆ่าแกตายถึงที่นี่หรอก อย่ากลัวไปเลย” เขาลูบศีรษะอีกฝ่ายเบาๆ นึกสงสารเจ้าตัวแสบที่ซ่าไม่ออก “ เดี๋ยวฉันจะโทรไปคุยกับเฮียเป๋งก่อน” นภวินท์ลุกขึ้นไปโทรศัพท์อยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะกลับมานั่งที่เดิม “เพื่อความปลอดภัยของแก พรุ่งนี้เราต้องเดินทางไปที่พัมโพลนากัน” เขาสรุปหลังจากปรึกษากับเฮียเป๋งน้าชายของสิงหกัลยาแล้ว ช่างภาพหนุ่มหวังว่าคนร้ายคงไม่ตามพวกเขาไปถึงเมืองพัมโพลนาที่จัดเทศกาลวิ่งวัวหรอกนะ งานจะเริ่มในอีกห้าวันข้างหน้าจำเป็นต้องให้สิงหกัลยาอยู่ต่อไปจนเสร็จงาน เขายังต้องให้เธอสัมภาษณ์คนที่นัดไว้อีกหลายคน การจะหาคนมาทำหน้าที่แทนในเวลากระชั้นชิดแบบนี้ยากเหลือเกิน แม้จะเสี่ยงต่อความปลอดภัยของหญิงสาวอยู่บ้าง แต่คงไม่เกิดอะไรขึ้นกับเธอง่ายๆแน่ พวกเขาเป็นคนต่างชาติ คนร้ายคงหาตัวลำบากหรือไม่ก็คงถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้ก่อนจะมาทำร้ายพยาน “เฮียวินท์ คืนนี้ให้หนูนอนด้วยคนนะ” สิงหกัลยามองหน้ารุ่นพี่ด้วยแววตาขอร้อง อีกฝ่ายส่ายหน้า แทบจะทันทีที่ได้ยินคำขอร้องนั้น “ไม่ได้ แกเป็นผู้หญิง จะมานอนห้องเดียวกับผู้ชายได้ยังไง” “เฮียก็อย่าไปบอกใครสิ น่านะ... คืนนี้แค่คืนเดียวเอง” “ไม่ได้ แกไม่รู้จักผู้ชายอย่างฉันเสียแล้วยายลิง ฉายาคาสโนว่าฆ่าไม่ตาย ไม่ใช่ได้มาเพราะจับฉลากนะเว้ย...” นภวินท์แกล้งขู่ เขาไม่อยากให้ตัวเองต้องกลายเป็นเหยื่อของเฮียเป๋ง เมื่อรู้ว่ารุ่นพี่คิดจับหลานสาวใส่เข่งยกให้เขามาตั้งนานแล้ว ขืนยายลิงปากโป้งไปเล่าให้น้าตัวเองฟังเมื่อไหร่ ไม่แคล้วเขาต้องโดนเฮียเป๋งใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้าง จับเขาเป็นหลานเขยแน่ๆ อย่าเสี่ยงดีกว่า “หนูกลัวนี่เฮียวินท์ เกิดไอ้ฆาตกรมันตามมาฆ่าปิดปากหนู จะมีใครช่วยหนูทันเหรอ” สิงหกัลยาพยายามหาข้ออ้าง ที่คิดว่าคนฟังน่าจะใจอ่อน แต่ท่าทางมันจะไม่ได้ผลเมื่อรุ่นพี่สุดหล่อส่ายหน้าไปมา หญิงสาวถอนหายใจเฮือกๆ ถึงนภวินท์จะเจ้าชู้หลีหญิงไปทั่ว สิ่งหนึ่งที่ชายหนุ่มไม่เคยทำคือการเป็นสมภาร ไม่ว่าลูกน้องหรือเพื่อนสนิท เขาไม่เคยทำตัวรุ่มร่าม นี่เป็นสิ่งหนึ่งที่เธอวางใจจนขอให้เขานอนเป็นเพื่อน “บอกว่าไม่ได้ก็ไม่ได้สิ พูดไม่รู้เรื่องหรือไง แกน่าจะกลัวฉันมากกว่ากลัวคนร้ายอีกนะ” เขาแกล้งมองหน้าหญิงสาว ทำหน้าหื่นเข้าใส่ “เฮียวินท์ ไม่ต้องมาทำหน้าทำตาแบบนั้นเลยนะ หนูไม่กลัวหรอก” สิงหกัลยาแยกเขี้ยวเข้าใส่ “เฮียไม่ทำอะไรบ้าๆแบบนั้นกับหนูหรอกหนูรู้ เฮียรักแฟนเฮียจะตาย ผู้หญิงอย่างหนูกระตุกต่อมหื่นเฮียไม่ขึ้นหรอกน่า” ทำไมสิงหกัลยาจะไม่รู้ว่ารุ่นพี่แกล้งขู่เธอ ผู้หญิงคนที่นภวินท์รักมาตลอดสองปีนั้นเป็นใครเธอก็รู้ คาสโนว่าอย่างเขาเหลือเพียงแค่ตำนานเท่านั้น เมื่อเขาเลิกสนใจหลีสาววันๆเอาแต่ทำงาน ไม่มีสายตาไว้มองผู้หญิงคนไหนนอกจากคนที่เขารัก “ไม่ต้องกลัวน่ายายลิง นอนที่นี่อีกแค่คืนเดียวพรุ่งนี้เช้าเราจะไปแล้ว ถ้าแกนอนไม่หลับแกก็เล่นเน็ต แชทเฟสบุ้คไปสิ อัพสถานะทุกห้านาทีก็ได้ เฮียเป๋งจะได้รู้ว่าหลานสาวสุดที่รักยังมีชีวิตอยู่” เขาหาทางออกให้เธอ การอ้อนวอนไม่ได้ผล สิงหกัลยาจำต้องรับสภาพ เมื่อรุ่นพี่หนุ่มได้ออกไปจากห้องแล้ว หญิงสาวไม่ลืมล็อคประตูหน้าต่างอย่างแน่นหนา จัดการอาบน้ำอย่างรีบเร่ง สวมกางเกงยีนส์เสื้อยืดเป็นชุดนอนแทนชุดกระโปรงแบบที่ชอบใส่ เพื่อไม่เป็นการประมาทหากเจ้าฆาตกรบุกเข้ามาทำร้ายเธอจริง ชุดนี้น่าจะสะดวกกับการวิ่งหนีกว่าสวมกระโปรงแน่ พรุ่งนี้เธอจะเลิกใส่กระโปรงหนึ่งวัน เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง กว่าสิงหกัลยาจะข่มตาหลับได้ก็เป็นเวลาค่อนรุ่งแล้ว ยังไม่ทันหลับเต็มอิ่ม ประตูห้องก็ถูกเคาะโครมๆ “ยายลิง ตื่นได้แล้ว !” เสียงคุ้นหูของนภวินท์ปลุกให้คนที่นอนหลับอยู่สะดุ้งตื่น สิงหกัลยารีบลุกขึ้นไปเปิดประตูให้ “เร็ว รีบอาบน้ำแต่งตัว เราจะเช็คเอ้าท์ออกแล้ว” นภวินท์หิ้วกระเป๋าเดินทางของตัวเองเข้ามาในห้อง “กระเป๋าหนูจัดไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว” เจ้าตัวชี้มือไปยังมุมห้อง ให้รุ่นพี่ดูกระเป๋าสัมภาระ “หนูขอล้างหน้าแปรงฟันแป็บนะเฮีย น้ำไว้ค่อยอาบตอนไปถึงที่นู่นก็ได้ ไม่ทันเหม็นหรอก” พูดจบร่างสูงเพรียวราวกับนางแบบก็รีบเข้าไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ ก่อนจะกลับมาด้วยใบหน้าที่สดใสพร้อมเดินทาง นภวินท์จัดการเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรมที่พักเรียบร้อยแล้ว ก็พารุ่นน้องขนกระเป๋าไปรอแท็คซี่ เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นทำให้เขารีบกดรับ ก่อนจะทำหน้าเครียด “ลุงจร ส่งคนของเราตามผมมาที่นี่เลยนะ ขอคนที่ฝีมือดีหน่อย ผมอาจจะอยู่ที่นี่สักเดือนเป็นอย่างน้อย” เขาวางสายเมื่อสั่งการจบ “เฮียจะอยู่ที่สเปนเป็นเดือนเลยเหรอ” คนที่ได้ยินถามอย่างสงสัย นภวินท์พยักหน้ารับ “อือ... ฉันจะส่งแกกลับบ้านหลังงานเสร็จ แล้วจะอยู่ทำธุระที่นี่อีกสักเดือน” “ทำธุระอะไรเหรอ ให้หนูอยู่ช่วยไหม” สิงหกัลยาอาสาช่วย โดยลืมว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในอันตราย “ธุระหัวใจน่ะ แกอย่ารู้เลย” นภวินท์ขยี้ผมของคนชอบซัก อย่างเอ็นดู “เช้านี้ยังไม่ได้กินกาแฟเลย แกรอรถอยู่ที่นี่ก่อนนะ เดี๋ยวฉันไปซื้อกาแฟก่อน” นภวินท์มองไปรอบๆ เห็นผู้คนพลุกพล่านหนาตา บริเวณริมฟุตบาทหน้าโรงแรมแบบนี้ ไม่น่าที่คนร้ายจะกล้าทำอะไรสิงหกัลยาได้ เขาจึงปล่อยให้เธอนั่งเฝ้ากระเป๋ารอ โดยไม่รู้ว่า เมื่อเขาเดินลับหายไป ร่างผอมสูงของชายคนหนึ่งที่สวมแว่นดำปกปิดใบหน้าก็เดินเข้ามาหาหญิงสาว สิงหกัลยาจดจำใบหน้าของคนร้ายได้ติดตา เธอถึงกับตัวแข็งทื่อเมื่อเห็นร่างของชายคนนั้นกำลังเดินเข้ามาใกล้ หญิงสาวมองหารุ่นพี่หนุ่มแต่ไม่เห็นแม้แต่เงาของอีกฝ่าย จึงตัดสินใจวิ่งหนีข้ามถนนไปอีกฟาก ปรื้น !!! เอี๊ยด !!! เสียงแตรรถและเสียงเบรกดังลั่นถนน เมื่อรถคันหนึ่งวิ่งผ่านมาพอดี ร่างบางชะงักกึกเมื่อได้ยินเสียง ดวงตาเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นรถคันนั้นแล่นเข้ามาใกล้ มือบางยกขึ้นกันหน้าตัวเองตามสัญชาติญาณ กรี๊ด !!! นภวินท์ได้ยินเสียงกรีดร้องนั้น เขารีบวิ่งออกจากร้านขายกาแฟโดยไม่สนใจกาแฟที่สั่งไว้ เมื่อมาถึงตรงที่เขาทิ้งสิงหกัลยาไว้กลับไม่พบหญิงสาว เขามองหาเธอไปรอบๆ ผู้คนกลุ่มหนึ่งกำลังมุงดูอะไรสักอย่างที่ริมฟุตบาท ชายหนุ่มใจหายวาบนึกภาวนาขออย่าให้เกิดอะไรขึ้นกับยายตัวยุ่งเลย เขาแหวกฝูงชนเข้าไปเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น พบเพียงรองเท้าสีแดงข้างหนึ่งหล่นอยู่
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม