ตอนที่ 7.

1501 คำ
ตอนที่ 7. “เกิดอะไรขึ้นครับ” นภวินท์ถามคนที่มุงอยู่ก่อนหน้าด้วยภาษาอังกฤษ เขาคาดเดาจากการแต่งกายและกระเป๋าเป้ที่อยู่บนไหล่ของอีกฝ่าย ว่าน่าจะเป็นนักท่องเที่ยวมากกว่าคนในพื้นที่ จึงถามออกไปด้วยภาษาสากล “มีคนถูกรถชนน่ะ” คนถูกถามยืนอยู่หน้าสุดตอบกลับด้วยภาษาเดียวกัน พลางชี้มือไปยังท้ายรถยนต์คันใหญ่ที่แล่นไปลิบๆ “รถคันนั้นชนผู้หญิงตรงนี้แหละ พวกเขากำลังพาเธอไปโรงพยาบาล” นภวินท์มองตามท้ายรถที่แล่นลับสายตาไป ชายหนุ่มก้มลงหยิบรองเท้าที่หล่นมาถือไว้ รองเท้าข้างนี้เป็นของสิงหกัลยา และตอนนี้เธอโดนรถชน ชายหนุ่มพยายามสงบสติอารมณ์ และใจที่เต้นรัวของตัวเองให้นิ่งสงบ “โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดชื่ออะไร ผมเป็นญาติของผู้หญิงที่ถูกรถชนเมื่อกี้” เขาหันไปถามอีกครั้ง คนถูกถามส่ายหน้า แต่ยังมีน้ำใจไต่ถามคนร่วมมุงคนอื่นให้ ก่อนจะได้คำตอบว่า “โรงพยาบาล Antezana ...” “ขอบคุณมาก” คำตอบนั้นทำให้นภวินท์รีบกล่าวขอบคุณ เขากลับไปจัดการกับสัมภาระของตัวเอง จำเป็นต้องเช็คอินเพื่อนำกระเป๋าฝากไว้ที่ห้องพักอีกครั้ง ก่อนจะเรียกแท็คซี่เพื่อไปยังโรงพยาบาล เมื่อไปถึงช่างภาพหนุ่มตรงไปสอบถามที่เคาน์เตอร์ “มีคนเจ็บที่ถูกรถชนหน้า Apartahotel มารักษาตัวอยู่ที่นี่หรือเปล่าครับ” เจ้าหน้าที่เช็คข้อมูลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบว่า “ ไม่มีค่ะท่าน ไม่ทราบว่าคนไข้ชื่ออะไรคะ เราจะได้เช็คจากเครื่อข่ายของโรงพยาบาลอื่นให้ท่านทราบ” “ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณ” นภวินท์ส่ายหน้าปฏิเสธ พาสปอร์ตของสิงหกัลยาอยู่ที่เขา คนที่พาตัวเธอมารักษาคงไม่รู้ชื่อจริง เขาภาวนาให้รุ่นน้องจอมยุ่งอยู่รอดปลอดภัยดีและคงต้องไปแจ้งความที่สถานีตำรวจเพื่อให้ช่วยตามหาหญิงสาวอีกแรง “ยังไม่ฟื้นเลยครับคุณหนู หมอโจเซฟมาดูอาการแล้วบอกว่าเธอ ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะจากการล้มลงกระแทกกับกันชนรถ ไม่ใช่เกิดจากการโดนชนครับ ตอนนี้หมอได้ทำแผลให้เธอแล้ว เธอปลอดภัยดี” นายแผนบอดี้การ์ดประจำตัวของลีเดีย รายงานให้ผู้เป็นนายสาวรู้ หลังจากไปส่งนายแพทย์ประจำบ้านของตระกูลราโดรเปรเรสเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวที่วิ่งตัดหน้ารถเขาจนเกือบถูกชนคนนั้น ยังสลบไม่ฟื้น โชคดีที่เขาแตะเบรกทันไม่อย่างนั้น คงเกิดเรื่องใหญ่แน่ “ลุงแผน ลีเดียขอเข้าไปดูเธอหน่อยนะ “ ลีเดียวางหนังสืออ่านเล่นลง ร่างบางขยับลุกจากโซฟานุ่มเดินตรงไปยังห้องพักรับรองด้านปีกซ้ายของคฤหาสน์ ซึ่งจัดเป็นที่รับรองแขกพิเศษของตระกูล ยามนี้กลายเป็นห้องรักษาตัวของหญิงสาวนิรนามที่เจ้าของบ้านพามาดูแล หากพาคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาลเรื่องคงถึงตำรวจและคนที่จะโดนหนักคือบอดี้การ์ดของเธอ ลีเดียไม่อยากให้เกิดปัญหากับนายแผนจึงตัดปัญหาด้วยการพาตัวหญิงสาวเคราะห์ร้ายมาที่บ้านแทน แล้วเรียกนายแพทย์โจเซฟแพทย์ประจำบ้านมาดูอาการ “อย่าบอกเรื่องนี้ให้พี่ราฟกับป๋ารู้นะ ลีเดียขี้เกียจตอบคำถาม” เธอบอกขณะเดินผ่านบันไดเวียน ซึ่งเชื่อมต่อปีกซ้ายและปีกขวาของคฤหาสน์ไว้ ไปยังด้านล่าง ร่างงามเดินตามทางเดินไปยังอีกฝั่งของบ้าน ทางเดินผ่านลานน้ำพุซึ่งมีรูปปั้นมาทาดอร์กำลังสู้กับวัวกระทิง ตั้งเด่นอยู่กลางวงเวียนของสวนสวย ไม่ว่าจะเดินมาจากจุดใดของบ้าน ต้องผ่านวงเวียนแห่งนี้ เจ้าของบ้านจึงเลือกใช้ที่นี่เรียกประชุมสมาชิกอยู่เสมอ ปีกซ้ายที่จัดเป็นที่รับรองแขกมีห้องพักของลูกชายเจ้าของบ้านอยู่ด้วย ลีเดียจึงคิดจะย้ายคนเจ็บของเธอไว้ที่ปีกขวา ซึ่งเป็นอาณาเขตส่วนตัวของเธอด้วยเกรงพี่ชายจะรู้เรื่อง ลีเดียเข้าใจว่าราฟาเอลยังคงสลบไสลหลังผ่านงานเลี้ยงฉลองเมื่อคืนก่อน และคงไม่ลุกออกมาจากห้องง่ายๆแน่ เธอจึงใจเย็นพอที่จะเดินเรียดเท้าไปยังห้องพักรับรองด้านในสุดที่จัดไว้ นายแผนเปิดประตูห้องให้คุณหนูของเขา และยืนรออยู่หน้าประตูห้องอย่างรู้หน้าที่ หากคุณราฟผ่านมาแถวนี้เขาจะได้ดักหน้าไว้ก่อน “ฟื้นแล้วเหรอจ้ะ” ลีเดียทักทายคนที่นั่งทำหน้านิ่วอยู่บนเตียง สิงหกัลยามองหญิงสาวร่างเพรียวบางที่เดินเข้ามานั่งข้างเตียง ดวงตากลมโตจ้องมองใบหน้ากระจ่างใสนั้นอย่างพิจารณา รู้สึกคุ้นตาเหมือนเคยเห็นใบหน้านี้จากที่ไหนสักแห่ง หากอาการปวดศีรษะทำให้เจ้าตัวนึกไม่ออก มือบางลูบคลำหน้าผากของตนเอง ก่อนจะสูดปากด้วยความเจ็บ “โอย... หัวช้าน ! ” เธออุทานเป็นภาษาไทยออกมา ทำให้คนฟังตาลุกวาบด้วยความแปลกใจ “คุณเป็นคนไทยเหรอคะ” ลีเดียถามอีกฝ่ายเป็นภาษาเดียวกัน สิงหกัลยาพยักหน้ารับ “ค่ะ ฉันเป็นลูกครึ่งไทยอิตาเลี่ยน คุณเป็นคนไทยเหมือนกันหรือคะ” เธอย้อนถาม “ค่ะ ฉันเป็นคนไทย แต่พ่อบุญธรรมของฉันเป็นชาวสเปนค่ะ ฉันเลยมาอยู่ที่นี่” ลีเดียส่งยิ้มให้คนเจ็บ รู้สึกชอบหญิงสาวแปลกหน้าคนนี้ขึ้นมา ท่าทางของอีกฝ่ายเหมือนคนไม่มีพิษภัยอะไร สังเกตจากแววตาที่มองเธอ มันใสแป๋วเหมือนลูกแมวตัวน้อย น่ารักน่าเอ็นดู “ฉันขอโทษด้วย ที่คนของฉันเกือบขับรถชนคุณ” “ฉันวิ่งไม่ดูตาม้าตาเรือเอง ถ้าเป็นอะไรขึ้นมาต้องโทษตัวเองสถานเดียว” สิงหกัลยา ยิ้มแห้งๆ “คือฉันวิ่งหนีคนร้ายน่ะคะ มันจะตามมาฆ่าปิดปากฉัน” หญิงสาวเล่าอย่างไม่ปิดบัง ตามนิสัยชอบเปิดเผยของตัวเอง ไม่เคยมีอะไรที่สิงหกัลยาเก็บเป็นความลับได้สักอย่าง นี่เองทำให้นภวินท์ไม่วางใจจึงไม่ยอมนอนเป็นเพื่อนเจ้าหล่อน “จริงหรือคะ” เรื่องที่ได้ยิน ทำให้คนฟังตกใจ “แล้วคุณไปทำอะไร ทำไมถึงมีคนจะมาทำร้ายล่ะคะ” “ก็ฉันไปเห็นเขาฆ่ากันค่ะ เมื่อวานนี้เองฉันไปดูเขาสู้วัว แล้วเอ่อ... ฉันบังเอิญไปเห็นเหตุการณ์เข้า ดีที่วิ่งหนีทัน ไม่นึกว่ามันจะตามมาดักเล่นงานฉันอีก “ สิงหกัลยาเล่าด้วย น้ำเสียงสั่นๆ “แล้วคุณไปแจ้งตำรวจหรือยังคะ” ศีรษะที่มีผ้าพันแผลแปะไว้ ส่ายไปมา “ไม่ได้แจ้งความหรอกค่ะ ฉันไม่อยากเป็นพยาน อีกไม่กี่วันหลังจากฉันทำงานเสร็จ ฉันจะกลับบ้านแล้ว ไม่อยากให้เรื่องนี้ทำให้ยุ่งยากค่ะ” เหตุผลของคนเล่า ทำให้คนฟังถอนหายใจ “แบบนี้ก็แย่สิคะ ถ้ามันรู้ว่าคุณอยู่ที่ไหน แล้วตามไปทำร้ายอีกจะทำยังไง” ลีเดียนึกห่วง “ตอนแรกฉันกับเฮีย เอ่อ...พี่ชายน่ะคะ เราตั้งใจจะเดินทางไปพัมโพลนา เพื่อเก็บภาพงานเทศกาลวิ่งวัว หลังจากนั้นเราก็จะกลับบ้านกัน” สิงหกัลยาเพิ่งนึกได้เมื่อพูดมาถึงตอนนี้ เธอไม่ได้โทรบอกนภวินท์เลยว่าเธออยู่ที่ไหน “ขอโทษนะคะ ฉันขอโทรหาพี่ชายได้ไหมคะ ตอนนี้เขาคงกำลังตามหาฉันอยู่” “ได้สิคะ สักครู่นะคะ” เจ้าของบ้าน ลุกขึ้นเดินไปขอโทรศัพท์ที่บอดี้การ์ดมายื่นส่งให้ สิงหกัลยารับโทรศัพท์มากดโทรหานภวินท์ “เฮียวินท์ หนูเองนะ หนูปลอดภัยดี ไม่ต้องเป็นห่วง” หญิงสาวหันมายิ้มให้เจ้าของบ้านนิดหนึ่ง ก่อนจะคุยต่อ “ไอ้ฆาตกรมันจะฆ่าหนู หนูเลยวิ่งหนีมันจนเกือบถูกรถชนตาย หนูไม่เป็นอะไรแล้วแค่หัวแตกนิดเดียวเอง” “แกอยู่ที่ไหนยายลิง ฉันจะไปรับแก” ปลายสายถามที่อยู่ “หนูอยู่ที่ เดี๋ยวนะถามเจ้าของบ้านก่อน” สิงหกัลยาหันไปมองหน้าลีเดีย “คุณคะ ที่นี่อยู่ที่ไหนคะ เดี๋ยวพี่ชายฉันเขาจะมารับ” “คฤหาสน์ของตระกูลราโดรเปรเรส” เสียงหวานใส นั้นดังแทรกเข้าไปในสายโทรศัพท์ “อ้อ... หนูอยู่ที่คฤหาสน์ ของตระกูลราโดรเปรเรสจ้า เฮียมาถูกหรือเปล่า” สิงหกัลยา บอกรุ่นพี่ของเธอเสียงแจ้ว คนปลายสายนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ ก่อนจะตอบว่า “แกอยู่ที่นั่นก่อนนะยายลิง ฉันต้องไปพัมโพลนา หลังจากเสร็จงานฉันจะกลับมารับแก”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม