“เจ้ามีวิธีใดที่จะรักษาบุตรชายของข้าได้ก็จงเร่งจัดการ หากสามารถรักษาให้เขาหายได้ข้าจะมอบรางวัลให้เป็นเงินห้าพันตำลึงทอง” แม้นายท่านสกุลหยูจะเห็นว่าท่าทางของหญิงสาวที่มีแผลเป็นอัปลักษณ์ตรงหน้าจะดูไม่คล้ายหมอหรือซินแสคนใดๆ เลยแม้แต่น้อย แต่เขาก็ยังคงมีความหวัง ว่าอาจจะมีหมอเทวดาหรือเทพเซียนองค์ใดเมตตาลงช่วยรักษาบุตรชายเพียงคนเดียวของตนได้ หาไม่แล้วเห็นทีว่าสกุลหลูคงจะต้องหมดสิ้นแล้วจริงๆ
ด้วยเขาเองก็พึ่งจะมามีบุตรชายตอนแก่เพราะฮูหยินของเขาก็เป็นคนที่มีบุตรยาก อีกทั้งตนก็ยังเป็นคนรักเดียวใจเดียวจึงไม่คิดที่จะมีเมียเล็กเมียน้อยเลยแม้แต่คนเดียว และกว่าจะได้มีบุตรชายกับเขาสักคนก็ต้องกราบไหว้วิงวอนต่อฟ้าดินกันนานนับสิบปี จึงได้มีบุตรคนนี้ไว้ชื่นชม แต่เมื่อได้บุตรชายมาครอบครองดังใจหวัง ฮูหยินที่อยู่ร่วมกันมานานหลายสิบปีก็มาจากไป ทำให้เขาต้องเลี้ยงดูบุตรชายตัวน้อยเพียงลำพัง หวังเพียงได้ฝากผีฝากไข้เมื่อแก่ชราแต่ไม่นึกว่าพอเติบโตเป็นหนุ่มขึ้นมาช่วยดูแลกิจการการค้าของเขาได้ไม่กี่ปีอยู่ๆ ก็มากลายเป็นเช่นนี้
“อาเหอ!” เมื่อหันไปเห็นบุตรชายของตนที่นอนแน่นิ่งมานานเกือบเดือนแล้ว มีปฏิกิริยาต่อหญิงสาวผู้มาใหม่อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนผู้เป็นบิดาก็พลันใจชื้นขึ้นมาบ้าง แม้จะไม่มั่นใจว่าหญิงสาวอ่อนเยาว์ที่ท่าทางไม่เหมือนหมอเลยแม้แต่น้อยคนนี้จะช่วยเหลือบุตรของตนได้มากน้อยเพียงใด แต่ผู้ที่เฝ้าภาวนาอยู่ในทุกวันก็รู้สึกเหมือนมีพระมาโปรดบุตรของตนแล้ว
“อย่าแตะต้องกายของเขาเจ้าค่ะ!” หญิงสาวรีบร้องห้ามเมื่อเห็นว่านายท่านหลูทำท่าจะเข้าไปพยุงร่างผอมนั้น
“ทำไมหรือแม่นาง บุตรชายของข้าเป็นอะไรหรือ ท่านพอจะรักษาเขาได้หรือไม่” เพียงปฏิกิริยาในทางบวกของผู้เป็นบุตรเพียงเล็กน้อย ก็พอที่จะทำให้คำเรียกขานหญิงอ่อนวัยตรงหน้าเปลี่ยนแปลงได้แล้ว ยามนี้สายตาของนายท่านหลูเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง
“ขอให้ข้าตรวจดูให้ละเอียดก่อนนะเจ้าคะ แต่ว่าตอนนี้นายท่านห้ามแตะถูกร่างกายของเขาเด็ดขาดนะเจ้าคะ” ด้วยตัวของนายท่านหลูนั้นเป็นคนใจบุญสุนทานยิ่งนัก จึงมักจะทำบุญทำทานอยู่เป็นประจำ เขาจึงมีแสงแห่งบารมีที่กล้าแข็ง ซึ่งเป็นอาหารชั้นดีสำหรับวิญญานร้ายที่มักจะดูดกินบารมีของมนุษย์เพื่อเป็นพลังให้แก่ตนเอง และคาดว่าด้วยเหตุนี้เองที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้วิญญานพวกนั้นมีพลังกล้าแข็งขึ้น
ฉับพลันนางก็เกิดสงสัยในบางประการจึงกวาดสายตามองหา จนกระทั่งสังเกตเห็นว่า เทพอารักขาประจำตัวของนายท่านหลูที่อยู่ในร่างสีทองอ่อนๆ นั้น กำลังกกกอดอย่างพยายามปกป้องจิตวิญญาณที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดของผู้เป็นบุตรชายเอาไว้ ให้ยังคงอยู่ติดกับร่างกายของเขาอย่างไม่ยอมปล่อย แม้ว่าตนเองจะถูกเงาดำของผีร้ายนั้นรุมล้อมดูดพลังจนกายสีทองซีกหนึ่งเริ่มมีสีดำเกาะอยู่เป็นหย่อมๆ แล้ว และด้วยความพยายามนี้ส่งผลให้ชายหนุ่มจึงยังคงหลงเหลือจิตวิญญานอยู่ บ่งบอกถึงความรักอันบริสุทธิ์ของบิดาที่คงจะเพียรเฝ้าสวดภาวนาอยู่ทุกลมหายใจ ทำให้จนแม้แต่เทพอารักขาประจำตนที่รับรู้ถึงความห่วงใยห่วงหาทนดฟุไม่ได้ จนต้องเสียสละตนเข้าไปพยายามช่วยเหลือ
แม้ว่าจะทำสิ่งใดไม่ได้มากไปกว่าการกกกอดป้องกันด้วยสองมือนั้นก็เถิด จึงก่อให้เกิดเป็นช่องทางช่วยเหลือที่คาดไม่ถึงที่ทำให้นางนึกได้ถึงวิธีที่จะใช้บารมีของความเป็นผู้ให้กำเนิดชำระล้างสิ่งชั่วร้ายที่เกาะกายสังขารของผู้เป็นบุตรขึ้นมาในทันที หญิงสาวจึงก้าวเท้าเข้าไปใกล้ร่างที่นอนอยู่บนเตียงมากยิ่งขึ้น โดยมีเหล่าวิญญานร้ายพากันดาหน้ามายืนขวางไม่ให้นางก้าวเข้าไปถึงตัวของร่างที่ตนใช้เป็นที่อยู่อาศัยได้ง่ายๆ เมื่อเห็นเช่นนั้นนางจึงหลับตาลงและเริ่มตั้งสมาธิกล่าวอาราธนาบารมีของพระพุทธองค์ที่นางนับถือบูชาในชาติก่อนเป็นที่ตั้ง ให้แผ่บารมีคุ้มครองตัวนางและช่วยชะล้างความชั่วร้ายจากมนต์ดำที่ครอบงำสถานที่นี้เอาไว้ ก่อนจะเดินฝ่ากลุ่มวิญญานชั่วร้ายเข้าไปหาร่างที่นอนอยู่อย่างไม่หวั่นไหวต่อท่าทีคุกคามของพวกมันแม้แต่น้อย
“อ๊าาา! กรี๊ดดดด!!” เสียงหวีดร้องที่ดังแสบแก้วหูพร้อมกับลมที่พัดกระหน่ำเข้ามาทางหน้าต่างที่ถูกเปิดแง้มเอาไว้ ทำให้ผ้าม่านสีทึบนั้นปลิวว่อนก่อนที่ลมนั้นจะหยุดลง เป็นเวลาเดียวกันที่หญิงสาวก้าวเข้าไปถึงตัวของคุณชายสกุลหลู เมื่อเข้าถึงตัวระยะใกล้ชิดทำให้ได้เห็นว่าใบหน้าของชายหนุ่มผู้นี้นั้นหล่อเหลาคมคายสะดุดตาอย่างไม่อาจมองข้าม แต่ไม่มากพอที่จะทำให้ฝางเสี่ยวลิ่วที่มีวิญญานของสาวจากที่อันไกลโพ้นที่มักจะพบเห็นคนหน้าตาดีในยุคปัจจุบันอยู่เสมอๆ ตื่นตะลึงได้ นางจึงทำเพียงแค่หันกลับมาเอ่ยขอน้ำดื่มหนึ่งแก้วจากนายท่านหลู เมื่อได้มาแล้วจึงพนมมือขึ้นพร้อมทั้งบริกรรมพระคาถาล้างอาถรรพณ์ที่ตนเคยศึกษามาและเป่าลงไปในน้ำนั้นสามครั้ง
“นายท่านหลู เอาน้ำในถ้วยนี้ป้อนให้คุณชายดื่มเถิดเจ้าค่ะ ในระหว่างป้อนให้ท่านกล่าวว่า’ ขอบารมีของบิดาผู้ให้กำเนิดคุ้มครองและชะล้างสิ่งชั่วร้ายจากกายบุตร’ นะเจ้าคะ”
“ได้ๆ” นายท่านหลูที่ชราลงไปมากเพราะเหตุการณ์ในครั้งนี้ รีบกระวีกระวาดเข้าไปป้อนน้ำให้บุตรชายทีละช้อนๆ อย่างยินดี ปากที่สั่นอย่างยินดีก็พร่ำกล่าวคำที่หญิงสาวบอกอย่างไม่ขาดแม้เพียงสักคำเดียว สายลมรอบกายที่เริ่มพัดเข้ามาอย่างเอื่อยๆในสายตาของคนทั่วไป แต่ในสายตาของฝางเสี่ยวลิ่วกลับเห็นละอองสีทองของเทพอารักขาของผู้เป็นบิดาค่อยๆ ฟื้นคืนพลังบารมีขึ้นมาจนเต็มเปี่ยม จนกระทั่งหันเดินกลับเข้าสู่กายสังขารที่ตนอารักขาอยู่ พลันคำกล่าวที่ออกจากปากของผู้เป็นบิดาก็มีละอองมงคลสีทองรินรดลงไปบนร่างกายของหลูเยี่ยเหอ จนครอบคลุมเสียจนทั่วกายของชายหนุ่ม และเริ่มชะล้างกลิ่นไอสีดำจากวิญญาณชั่วร้ายที่คอยกัดกินกายสังขารของเขาจนเกือบหมดสิ้น
“ทีนี้เราต้องทำยังไงต่อหรือท่านหมอ” สรรพนามที่เปลี่ยนไปด้วยใจที่เริ่มเคารพเชื่อถือของนายท่านหลู เรียกรอยยิ้มขบขันน้อยๆ จากหญิงสาว
“ตอนนี้เราต้องให้คุณชายได้นอนพักสักหน่อยก่อนเจ้าค่ะ จากนั้นอีกสักสองวันแล้วจึงค่อยให้เขาดื่ม’ น้ำวิเศษ’ แล้วอาการก็จะดีขึ้นตามลำดับเจ้าค่ะ”
“น้ำวิเศษ! ท่านมีน้ำวิเศษหรือขอรับท่านหมอ ถ้าเช่นนั้นช่วยแบ่งให้ข้าสักเล็กน้อยจะได้หรือไม่ หรือท่านจะคิดเงินทองเท่าไหร่ก็บอกมาเถิดขอรับ” ขึ้นชื่อว่า’ สิ่งวิเศษ’ มีใครบ้างที่จะไม่อยากได้ ชายชราจึงเร่งเอ่ยออกมาอย่างตื่นเต้น ในใจคาดหวังว่ามันอาจจะทำให้ตนได้มีชีวิตอยู่ยืนยาวจนได้เห็นลูกหลานเต็มบ้านก็นับว่าเป็นบุญมากแล้ว