เขามีหลากหลายบุคลิกเช่นกันในตัวตน
และการใช้ภาษาของเขาก็ดูคล่องแคล่วและชัดเจน เหมือนคนที่ได้รับการศึกษาเนื่องจากว่าเขาใช้ภาษาไทย หรือภาษากลางได้ชัดเจน เพราะถ้าเป็นคนพื้นเมืองที่ไร้การศึกษาจริง บางคนจะไม่ชัดถ้อยชัดคำแบบนี้ และแปร่งปร่าตะกุกตะกักจนหล่อนสามารถจับสังเกตและเดาได้ แต่นี่ไม่ใช่ รวิวาลย์เลยกลายเป็นคนประหม่าเสียเอง
“ใช่ค่ะเพราะฉันจะต้องรีบทำธุระของฉันให้เสร็จ ก่อน ที่จะกลับเข้ากรุงเทพฯ ด้วยค่ะ”
รวิวาลย์ตอบเขา เป็นเรื่องที่หล่อนหมายใจ เพราะต้องการประชดใครบางคน ที่ไม่เห็นค่าของหล่อน และเขากำลังจะแต่งงานใหม่
“เหรออ้าวงั้นที่ผมมาเห็นคุณหยุดยืนอยู่ริมถนน แล้วก็มานั่งมองชมวิวดอกจานอยู่บนรถ เหมือนคุณทำท่าจะหลงใหลชื่นชอบมันเหมือนกับว่าไม่เคยพบเจอมาก่อนแบบนี้ จะให้ผมคิดยังไงล่ะ ถ้าไม่ใช่”
เมื่อเขาถามเช่นนี้ ทำให้หล่อนตอบ
“ค่ะก็เพราะฉันไม่เคยพบเจอดอกไม้แบบนี้ มาก่อนเลยจริงนี่เขาเรียกว่าดอกอะไรคะฉันเห็นแต่สีส้มอมเพลิงของมันช่างดูแปลกตาดี กลีบมันสวย แต่ไม่มีกลิ่นหอมเลย”
“ดอกจานไงครับคุณหรือที่ภาษากลางเขาเรียกกันว่าทองกวาวมันไม่มีกลิ่นหอมหรอกมีแต่ความสวยทีนี้ คุณคงจะรู้สึกคุ้นหูหรือเคยได้ยินคำนี้มาก่อนแล้ว”
“อ๋อ นี่หรือคะ ดอกจานหรือว่าดอกทองกวาวที่ใครๆพูดกัน” หญิงสาวเลยพึมพำอีกครั้ง เมื่อรู้จักชื่อดอกไม้ชนิดนี้
และจนกระทั่งอีกสองวันต่อมาที่หมู่บ้านพลับพลา หญิงสาวร่างบอบบางผู้ตัดสินใจมาที่นี่ก็เนื่องจากว่ามีธุระที่ต้องการขอความช่วยเหลือจากคนที่เคยรู้จักและก็เป็นคนที่เคยเลี้ยงดูรวิวาลย์ตั้งแต่สมัยเด็กบัดนี้พงศ์ซึ่งเขามีครอบครัวไปนานแล้วเรื่องนี้ใช่ว่ารวิวาลย์จะไม่รู้หากเพราะเธอรู้ดีเสียอีกถึงได้คิดดั้นด้นมาถึงนี่ เพื่อทำเรื่องบางอย่าง
พิสูจน์อะไรบางอย่างในใจของพ่อ ไม่เชื่อแม้แต่คำสั่งพ่อที่มันไม่ได้ศักดิ์สิทธิ์เสมอไปสำหรับรวิวาลย์เพราะว่าหล่อนมองเห็นช่องทางที่คิดว่าพ่อทำแบบนี้มันไม่ถูกต้องสำหรับหล่อน เธอเชื่อและคิดในฐานะของคนเป็นลูกที่บิดานั้นเริ่มจะมีผู้หญิงคนใหม่เข้ามาในชีวิตเรียกได้ว่าจะมาเป็นแม่เลี้ยงคนใหม่ ที่รวิวาลย์จะไม่ยอมรับในฐานะนั้น
ดังนั้นหล่อนจึงดื้อแพ่งสุดฤทธิ์และทำอะไรแผลงนอกกรอบแบบนี้สร้างความสับสนสนอลหม่านยุ่งยากใจ ให้บิดาครุ่นคิดติดตามหา
ถ้าท่านรับรู้เรื่องนี้เข้า ต้องเต้นผางๆ
เพราะการที่รวิวาลย์ กล้าตัดสินใจเช่นนี้ ทั้งๆที่เป็นลูกสาวคนเดียว เอาล่ะ หล่อนจะต้องทำหน้าแบบเชิดใส่พ่อ เพราะตั้งใจเอาไว้ว่า สิ่งใดที่พ่อห้ามปรามนักหนา เธอก็จะทำ จะทำมันทุกอย่างขัดใจและทำ ไปตามอารมณ์ความพึงพอใจของตนเองโดยไม่คิดล่วงหน้าว่าผลเหล่านั้นจะมีสิ่งใดตามมาอีก บวกหรือลบก็ขอให้เธอได้ทำสิ่งนี้ นั่นก็เพื่อประชดบิดาเท่านั้น เพราะบิดากำลังจะมีผู้หญิงอื่น
รวิวาลย์ลงมายืนอยู่ตรงนั้นอีกครั้งแต่หญิงสาวมีอารมณ์เหมือนคนอย่างเหวี่ยงแม้แต่หน้าตาก็บูดบึ้งตึง คล้ายกับโกรธใครมาสักสิบชาติก็ไม่ปานแต่เหตุท่ีเป็นเช่น นั้น มันเป็นเพราะเธอนัดหมายกับเขา หากวันนี้ก็เช่นกัน ที่เขายังไม่โผล่มาตามสัญญา ทั้งๆที่เธอตั้งใจจะให้เขาเป็นไกด์นำทางเสียด้วย ยืนรอจนแทบจะขาขวิดเมื่อยแทบจะเป็นลมด้วยอากาศที่อ้าวอบปานลาวาภูเขาไหทีกำลังปะทะก็ไม่ปานเพราะมันร้อนเสียยิ่งกว่าตับแตกเสียอีก คอยดูเถอะมาถึงหล่อนจะต่อว่าให้เข็ด
รวิวาลย์นั้นความอดทนของหล่อนถือว่ามีน้อยไม่เหมือนใครพาลจะขาดผึงเอาง่ายๆเพราะอย่างที่ทราบ เธอเป็นคุณหนูมาก่อนที่ใครๆในบ้านต้องคอยเอาใจทุกอย่าง แต่เวลานี้เธอกลับใช้ชีวิตแบบต่างสุดขั้วมาอยู่ต่างจังหวัดที่ต้องพึ่งพาตัวเองแต่หล่อนก็ต้องทำเพราะตัวคนเดียวทั้งๆที่ไม่รู้ว่าทำไมต้องมาที่นี่แต่เพราะอยากจะมาเพื่อมาพบ และอยากเห็นสำหรับเธอนั้นเรื่องแค่นี้ไม่ใช่เรื่องเสียหายสักนิด ไม่เหมือนบิดาที่คอยห่วงใยสารพัด แต่เธอไม่สนการกระทำของท่าน เพราะพ่อกำลังทำให้หล่อนเจ็บช้ำใจ และในเวลานี้หล่อนก็เป็นฝ่ายงอนหนุ่มหล่อเจ้าของบ้านแบบนี้เขาไม่รักษาสัญญาสักนิดหล่อนรวิวาลย์ยังบ่นกะปอดกะแปดไม่ยอมหยุด
หากเพียงชั่วครู่นั้นร่างสูงโปร่งที่เดินมายิ้มเผล่ให้อย่างคนอารมณ์ดีสวมด้วยเครื่องแต่งกายที่สุภาพคล้ายๆกับยังไม่รู้อารมณ์ของคนที่นั่งคอยซึ่งกำลังเดือดปะทุไม่ต่างไปจากน้ำต้มในกาที่เดือดพลั่กทะยานขึ้นถึงร้อยองศา
“นี่ ทำไม คุณเพิ่งมา”
ว่าจะไม่อยากพูดกับเขาแม้แต่สักคำเพราะความโกรธแต่กลับอดไม่ได้เพราะอะไรหรือไม่ใช่เพราะเห็นรอยยิ้มของเขา แต่เป็นเพราะหล่อน นึกอะไรไม่ออกต่างหาก
ด้วยน้ำเสียงทักที่ขุ่นบึ้งและตึงเคร่งบนใบหน้าหวานแทบจะไม่มีรอยยิ้มให้เห็นด้วยซ้ำไม่สวยเหมือนหน้าตาที่ตบแต่งมาอาการที่ฝังและปลูกเป็นแบบนี้อยู่เป็นนิจคิดว่าน่าจะฝังอยู่ในนิสัยของหล่อนที่เป็นความเคยชิน กับการที่ถูกห้อมล้อม เอาอกเอาใจ แล้วก็ยังตามใจ
แต่เขาคนนี้กลับไม่ได้ทำในสิ่งที่หล่อนชื่นชอบ และต้องการอยากจะได้เหมือนคนอื่นเคยทำให้แบบไม่มีอะไรมาขัดใจ และจากการเคยเอาแต่ใจตัวเองจึงทำให้รวิวาลย์มองดูแล้ว หล่อนแปลกใจตัวเอง มองดูรอบด้าน ชักหดหู่ใจเคว้งคว้างไม่น้อยที่ไม่มีใครมาเอาใจใส่ต่อหล่อน
เหมือนเช่นเวลาที่ผ่านมาที่หล่อนนอกจากหลงมาอยู่สถานที่โดดเดี่ยวเช่นนี้แล้วมันแสนห่างไกลจากบ้านเกิดเมืองนอนได้สนทนาปสาทะกับชายหนุ่มแปลกหน้าที่หล่อน ยังไม่ยอมรับเขาเป็นเพื่อน
“ทำไมคุณถึงคิดว่าผมเพิ่งมาล่ะ ไม่ถูกนะคุณความจริง ผมมาตั้งนานแล้วนะคุณ แต่เข้าไปสำรวจในไร่ คุณไม่เห็นเองต่างหาก” เขากลับตอบแบบนี้ แบบเถียงใส่หล่อน
มันเลยยิ่งเพิ่มดีกรีความขุ่นบึ้งในใจของหล่อนให้มากขึ้นกว่าเดิมอีกแทนที่จะได้ยินเสียงเพราะอ่อนนุ่มสุภาพแต่นี่เขากลับถามหล่อนด้วยเสียงเคร่งหาความสุภาพแทบไม่ได้ และหนำซ้ำยังจะโต้เถียงอีก