ใช่ครับจำได้ เราเคยพบเจอกันแล้วผมนายแทนธัตรคนเดิมยังไงล่ะ

1357 คำ
เป็นห้องอาหารหรู นั่นก็เพราะว่าเธอต้องการทานที่นี่ให้เสร็จสรรพเธอไม่อยากไปรบกวนทางบ้านของน้าพงศ์ให้ยุ่งยาก ไม่อยากให้เป็นภาระ ภายในครึ่งชั่วโมงต่อมาบนถนนสายเดิมที่สายตา ของหล่อนนั้นเหลือบปะทะไปเห็นและผ่าน เอาดงดอกไม้สีเพลิงฉานดกพราวเต็มต้นกิ่งก้านพราวไปหมด สุดลูกหูลูกตา แต่ทว่าไร้ใบ สีส้มอมเพลิงอย่างที่ได้เห็นในตอนแรกก็เพราะว่ามันได้สร้างความประทับใจให้แก่หล่อนอย่างมาก ที่ได้ชื่นชมภาพสวยงาม ที่เป็นสิ่งวิเศษในท้องทุ่งกว้าง ที่ดูแห้งแล้งในยามนี้ หลายอย่างนั้นถือว่าเป็นมนต์เสน่ห์ของธรรมชาติ ตามชนบทบ้านทุ่งที่ หากเป็นสถานที่ ที่รวิวาลย์ นั้นไม่เคยสัมผัสทางสายตามาก่อน เพราะหล่อนอยู่แต่ในเมืองกรุง ดังนั้นหล่อนจึงจำได้กับชื่อดอกไม้ดอกนี้ตอนที่ พลั้งปากถามเขาคนนั้นและเขาเองคือคนที่หล่อนได้พบเจอกันในครั้งแรก เขาชื่อแทนธัตร และวันนี้นั้นเขาคนนั้นจะมาที่นี่ อีกไหม? แล้วในเวลาต่อมาชื่อเขาคนนั้นก็ผุดวาบเข้ามาใน โนนึกของคุณหนู”ผู้เอาแต่ใจตัวเองอย่างรวิวาลย์อีกครั้ง อย่างน้อยการที่ได้พบกับเขาในครั้งแรกหรือครั้งที่สอง มันก็ ไม่ได้สร้าง ความเดียดฉันท์ให้แก่หล่อนเลย แต่เป็น ไปด้วยไมตรีจิตมากมายต่างหากและเป็นความรู้สึกที่ดีต่อกัน “แล้วจะเป็น ไปได้ไหม? หนอ ที่หล่อนนั้นจะได้พบเขาอีกครั้งในวันนี้” รวิวาลย์นั้นพูดบ่นถามใจของตัวเอง เช่นนี้ หากไม่นานนักเมื่อรถคันหรูของหล่อนแล่นผ่าน ไปยังจุดเดิมสถานที่เดิมในละแวกเดียวกัน เพราะหล่อนจำได้ จึงอยากหยุดอยู่ที่นี่ เพื่อเฝ้ากวาดตามอง เป็นบริเวณด้านหลังที่มีฉากธรรมชาติดอกไม้สีส้มอมเพลิงและเป็นที่เก่า ดังนั้นหล่อนจึงคิดหยุดรถ เพื่อที่จะได้ชื่นชมภาพเบื้องหน้าและวิวสวยงามเป็นธรรมชาติท้องฟ้าและหมู่นกกาที่โผบินไปมาตามคาคบไม้และอีกอย่าง ที่ทำให้รวิวาลย์ทั้งเอะใจและกับความรู้สึกที่เริ่มบอกว่าแปลกตากับสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ตรงหน้าเธอได้บอก แก่ตัวเองว่า นี่ มีคฤหาสน์ หรู มาสร้างปลูกอยู่กลางทุ่งกลางนา ได้อย่างไร? และเป็นของใคร ใครเป็นเจ้าของกันล่ะ ที่หล่อนหมายถึงคนเป็นเจ้าของและฐานะคงจะไม่ใช่ย่อยหรอกเพราะบ้านทั้งหลังที่หล่อนมองดูแล้วคะเนด้วยสายตามันงดงามด้วยเชิงสถาปัตยกรรมของการตกแต่งที่ทันสมัยรวมทั้งวิธีการออกแบบเมื่อเสร็จสรรพออกมา มาเป็นภาพ จึงได้งดงามเช่นนี้ และรวิวาลย์ก็ลองคาดคะเนว่าราคาของมันนั้น น่าจะไม่ต่ำกว่าสามสิบล้านและมีผู้คนฐานะดีอย่างนี้อยู่กลางทุ่งกลางนาที่ไกลปืนเที่ยงด้วยหรือ ซึ่งจะว่าไป หล่อน จะดูถูกคนชนบทด้วยสายตาดูแคลนแบบเดิมที่มักคิดว่า กระจอกคงจะไม่ได้เสียแล้วล่ะ “แล้ว นั่น มันบ้าน ของใครกันล่ะ” คำถามนี้ลอยแวบเข้ามาในห้วงคิดที่หล่อนอีกครั้ง เพราะคืนวานนี้ก็มีใครคนหนึ่งเขามายืนอยู่ใกล้หล่อนใน บริเวณนี้จำได้ว่าเขาประกาศตัวบอกออกมาว่าเขาชื่อ แทนธัตร “แทนธัตร”จนหล่อนนั้นต้องพึมพำออกมาคิดว่า จำได้แม่นมั่นในสมอง และในขณะที่หล่อนยังคงนั่งครุ่นคิดอยู่ในรถ นั่นเอง หากแต่สายตายังคงมองจ้องไปที่พวงระย้าย้อย สีส้มอมเพลิงของดอกไม้อย่างที่ทราบว่ามันสวยแปลกๆ ไม่มีกลิ่นหอม และนี่คือของจริง ดอกไม้จริงๆที่หล่อนเพิ่งมาได้พบอีก เป็นครั้งที่สอง ก็ในวันนี้หากหล่อนได้พบเขา หล่อนก็อยากถามว่าดอกที่เห็นนี้คือดอกอะไร และตามชื่อที่ภาษาชาวบ้านเรียกว่าอะไร เพราะหล่อนเองก็ไม่เคยรู้มาก่อน ก็พอดีกับร่างสูงโปร่งที่เขาได้ก้าวปราดมาพอดี ซึ่งมันเป็นหน้าที่ประจำของเขา ที่จะต้องลุกเข้าไร่ตั้งแต่เช้า เพื่อตรวจตราสำรวจดูพืชพันธ์ แทนธัตรเลยต้องตื่นแต่เช้า โดยอัตโนมัติ และตรงเบื้องหน้าที่เขาเห็น รถยนต์ที่คุ้นเคย สายตาเช่นนี้ เขาจำได้ แทบไม่ต้องคาดเดาเลยว่าเป็นของใคร ก็เพราะเมื่อวานนี้ไงเหมือนกับเขาได้พบเห็นทักทายพูดคุยกับเจ้าของรถใบหน้าหวานและได้พูดคุยเสีย เต็มอิ่มในเรื่องที่อยากจะรู้ถึงแม้จะได้รับรู้จากประวัติคร่าวๆ ของหล่อนที่เป็นคนเล่าให้เขาฟังเองรวมทั้งผ่านการเล่าโดยปากของพงศ์เป็นการพูดบอกเล่าเพียงผิวเผิน แค่แนะนำคร่าวๆและเพียงแค่ทักทายกันแบบธรรมดา หากแทนธัตรก็สนใจใคร่รู้และอยากที่จะทราบถึงประวัติ แท้จริงของหล่อนทั้งหมด มากกว่านั้นสำหรับแม่สาวกรุงผู้ทำตัวแปลกๆที่หล่อนดั้นด้นมาถึงถิ่นชนบทที่ห่างไกลจากความเจริญ ในสายตาของคนเมืองกรุง และระยะทางจากไร่ของเขาเดินมาทางมาที่นี่ถึงตัวหล่อนแค่150เมตรเท่านั้นเขาสามารถก้าวฝีเท้าเดินเล่นเข้ามา และในเวลานี้ก็หยุดยืนอยู่ที่รถคันหรูไม่นานนักจากนั้น เขาก็ใช้มือเคาะเบาๆที่กระจก หากทำให้รวิวาลย์ที่ไม่รู้เนื้อรู้ตัวมาก่อนว่าเขาจะมาทางด้านหลังหล่อนเกือบกลายเป็นคนที่ขวัญอ่อนและก็สะดุ้งขึ้นมาเล็กน้อยนั่นก็เพราะว่าสายตาของหล่อนกำลังชื่นชมภาพอย่างเพลินใจกับดอกดวงที่สวยจนนึกตะลึงและยังดกพราวตามกิ่งก้านนั่น “เอ้อ คุณ ครับ นั่น นั่งมองอะไรอีก ทำเหมือนไม่เคยเห็น และผมก็เห็นคุณหยุดจอดรถตรงนี้ตั้งนานแล้ว” เลยทำให้หล่อนกดเลื่อนกระจกลงไปเมื่อรับรู้ว่าเป็นเขาหล่อนก็คลายใจลง หากถ้าไม่ใช่เขาแล้วคนที่รู้จัก และช่วยเหลือหล่อนด้วยความมีน้ำใจ ก็ไม่มีทางหรอกนะที่รวิวาลย์จะลดกระจกเพื่อพูดคุยกับเขาต่อหรอก ครั้นเขาพูด ทักออกมาเช่นนี้ “ใช่ค่ะมองดูดอกไม้เมื่อวานฉันก็มาที่นี่และเป็นที่ที่ฉันได้พบเจอกับคุณและคุณเป็นคนแนะนำให้รู้จักว่าหมู่บ้านพลับพลาอยู่ข้างหน้าโน่น” เป็นคำทักของหล่อนด้วยเสียงใสหากแต่ก็เต็มไปด้วยแววของการถือตัวและหมิ่นหยันอยู่บ้าง และแทนธัตรเป็นฝ่ายยืดตัวตรงนิ่งอยู่ที่เดิม “อ๋อใช่ครับจำได้ เราเคยพบเจอกันแล้วผมนายแทนธัตรคนเดิมยังไงล่ะที่คุณได้รู้จักไปเมื่อวานนี้ยังไงผมพาคุณไปหาบ้านญาติ คือนายพงศ์ และวันนี้ผมก็ต้อง ยอมรับว่าคุณทำตามที่ปากพูดซึ่งบางทีนะไอ้ผมอาจคิดว่าสาวชาวกรุงอย่างคุณจะขี้เกียจและนอนตื่นสายกว่าคนบ้านนอกอย่างผมเสียอีก” การที่เขามาพูดแบบนี้ใส่หล่อนรวิวาลย์ก็ถือว่า เป็นหมิ่นหยันไม่ให้เกียรติหล่อนและรวิวาลย์คอแข็งขึ้น รวมทั้งหน้าตาออกจะบึ้งบูดใส่เขาในเวลานี้มองดูแล้ว หน้าตาของเขาก็ดูดี คมคาย หากภายใต้ใบหน้าที่ดู สุภาพ และอ่อนโยนของเขา นั่นกลับแถมมาด้วยริมฝีปากที่จัดเข้มออกมาด้วย นั่นคำพูดที่เขาเอ่ยกระทบใส่หล่อนมันเหมือนการตอบโต้เลยเป็นคำตอบที่รวิวาลย์บอกตัวเองได้ว่า เขาไม่ใช่ ผู้ชายที่ดูหยิมๆหรือหงิมๆ แม้บางครั้งจะทื่อๆขรึมๆอย่างที่หล่อนเห็นจากเมื่อวานนี้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม