นี่คุณหยุดนะหุบปากคุณเลย เป็นผู้ชายยังจะเถียงผู้หญิงอีก

1272 คำ
“นี่คุณหยุดนะหุบปากคุณเลย เป็นผู้ชายยังจะเถียงผู้หญิงอีก” คำเถียงแว้ดออกมาและพร่ำใส่ของหล่อนอีกหน อีกทั้งยังค้อนตาประหลับประเหลือกใส่ เลยทำให้เขาสะอึก แล้วสำรวจตัวเองว่ามีตรงไหนที่เขานั้นเผลอพูดผิดไป เอ มันก็ไม่มีสักนิดเลยแหม ยัยนี่ชักจะอารมณ์ผิดเพี้ยนเกินเลยไปแล้ว “อ้าวนี่กินอะไรผิดสำแดงเข้าไปล่ะคุณถึงได้มาอาละวาด ฟาดงวงฟาดงาใส่อย่างนี้” และนั่นเหมือนระเบิดลูกใหญ่โยนตูมใส่ตัวหล่อนตรงหน้า ทำให้รวิวาลย์สาวผู้ดีจากเมืองกรุง เธอนั้นจึงกรี๊ดลั่นทันทีที่เขาว่าหล่อนตามด้วยคำบ่นด่าชุดใหญ่เป็นกระบุงโกย จนแทบนับกระบุงไม่ทัน “ว้าย นี่ นี่ ฉันไม่ใช่ช้างนะยะที่จะได้มาชูงวงฟาดงา ตาถั่ว อีตาบ้า ก็ฉันออกสวย รวยสง่าพูดผิดพูดช่วยพูดใหม่ด้วยนะ” และหล่อนก็เอ่ยปากตอบโต้โดยไม่เงยมองหน้าเขาด้วยซ้ำ หากแต่แล้วนั้นฝ่ายคนร่างสูงมากกว่าที่เขา เหมือนมีทีมีท่าทีอ่อนอกอ่อนใจยิ่งนักกับหญิงสาวที่นิสัยเสียที่เอาแต่ใจตัวเองจนเกินเหตุเกินควรเคยชิน เขาเลยอยากดัดนิสัยใหม่ แต่ที่สุดเขาก็จำต้องเป็นฝ่ายที่นิ่งสงบ ฝ่ายรวิวาลย์อีกครั้งที่หล่อนพยายามนับหนึ่งถึงสิบตามด้วยเพื่อจะลดอารมณ์ร้อนไม่ให้อารมณ์แตกปรี๊ดตามเข้าด้วยคุมสติไม่งั้นหล่อนจะร้ายกาจรุนแรงมากกว่านี้ แทนธัตรเองนั้นปกติเขาเองก็หาใช่จะยอมลงให้ใครอย่างง่ายๆเลยโดยเฉพาะคนที่พูดจาแบบไม่รู้เรื่อง และแถมท้ายยังงี่เง่าอีก เขาคิดอย่างนั้น ส่วนรวิวาลย์ก็ยังไม่ได้สำเหนียกหรือครุ่นคิดอะไรมากกว่านั้นเพราะทำตามอารมณ์ของตัวเองแม้แต่จะผิด หล่อนก็คิดว่าหล่อนผิดแม้สักนิดจากนั้นหญิงสาวยังคงเฉยเมยจนบรรยากาศของทั้งคู่ในยามนี้ดูตึงเครียดเช่นเดียวกับท้องฟ้าที่อึมครึมไม่สว่างไสวในหัวใจเสียเลยรวมทั้งไม่สบายอารมณ์ด้วยเลย “อ้าว แล้วตกลงนี่ คุณจะให้ผมเป็นไกด์นำเที่ยวชมอีกหรือเปล่า” หากเมื่อเขาเอ่ยถามคำนี้ขึ้นมาก่อนแสดงว่าเขาเป็นฝ่ายยอมผู้หญิงไปการนิ่งเงียบไปนานมันไม่เกิดประโยชน์ใด เพราะเขารู้แล้ว มันอึดอัดอย่างมาก เช่นเดียวกับหล่อนเลยทำให้รวิวาลย์รีบตอบ “ก็เป็นสิคุณต้องช่วยฉันและคุณจะไปไหนไม่ได้ หากไม่มีคำสั่งจากฉันเพราะคุณจะต้องอยู่กับฉันตลอดเวลา” นั่นกลายเป็นออกคำสั่งไปแล้วช่างเขาสิ รวิวาลย์ไม่สนใจเขาหรอก หล่อนจะทำอย่างนี้ เพื่อให้เขาตามใจ ที่รวิวาลย์ตอบออกไหล่อนเหมือนยึดเอาเขาเป็นเจ้าข้าวเจ้าของของตัวเองด้วยกระนั้น จนว่าชายหนุ่มร่างสูงก็อดยิ้มไม่ได้กับคำพูดนี้ที่แสนโดนใจเขาอย่างจังเบอร์เลยทีเดียวชอบนะไม่ได้โกรธหล่อน อีกอย่างแม้อยากจะขบขันหล่อนเสียนักทีเดียว กับการที่เอาแต่ใจหากแต่ต้องทำอารมณ์นิ่งเพราะแทนธัตรกลัวแม่คุณนั่นจะไม่พอใจอีกและก็คงระเบิดลูกหนักที่จะตามลงมาอีกชุดหนึ่งเพราะหล่อนปากร้ายขนาดนั้นแล้วคราวนี้คิดว่าตัวเขาเองก็คงรับกันไม่ไหวเหมือนกันกับความเรื่องมากจุกจิกกวนใจของหล่อน “อันดับแรกนะ แล้วนี่นายจะพาฉันไปไหนก่อน” หากรวิวาลย์ถามออกมาเพื่อ่ให้รู้เรื่องราวเลยทีเดียวว่าเขาจะเริ่มต้นพาเธอไปไหนก่อนเมื่อเขาอาสาเป็นไกด์นำทางก่อนที่แทนธัตรนั้นเขาทำท่าครุ่นคิดไปเพียงสักครู่ และไม่นานนักจึงเอ่ย “เอ้อ พาไปที่บ้านผมก่อน” “อ้าวก็แล้วทำไมนายจะต้องพาฉันไปที่บ้านของนายก่อนด้วยล่ะและฉันไม่อยากไป” ดูเหมือนรวิวาลย์ตอบออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ และในขณะเดียวกันใจของเธอก็รู้สึกแกว่งและยอมรับว่ามันไม่มีความมั่นใจในตัวเขาเลย จะไว้ใจเขาได้แค่ไหน ฉวยเขาเกิดทำมิดีมิร้าย หากแต่ในที่สุดกลับต้องยอมรับกับเขาอย่างไม่มีสาเหตเหมือนกันุ และไม่รู้เป็นเพราะอะไรเช่นกันหล่อนใช้เซ้นต์ของตัวเองพิจารณาเขากระมังหรือเพราะว่าแทนธัตรเขายื่นตัวเข้ามาช่วยเหลือหล่อนนั่นเอง และอีกประการหนึ่งคือรวิวาลย์แทบไม่รู้จักใครด้วยซ้ำเลยดังนั้นที่นี่เขาจึงเป็นที่พึ่งของหล่อนซึ่งแม้จะเป็นคนแปลกหน้าสำหรับคนที่นี่ก็ตาม “ฮึ คนอย่างนายนี่ ไม่รู้ฉันจะสามารถไว้ใจและเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน ” รวิวาลย์บ่นอุบกะปอดกะแปดออกมาตามอารมณ์ของหล่อนอีก แต่แทนธัตรก็ยังนิ่งฟัง เขาเข้าใจหล่อน แต่อยากจะฟังแบบ เหมือนสายลมที่พัดผ่านคำพูดไปเท่านั้น คือไม่มีความหมาย ที่เขาจะใส่ใจ อีกอย่างผู้หญิงคนนี้หล่อนเอ่ยคำพูดขึ้นมาโดยที่ไม่รู้เนื้อรู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าคำที่เอ่ยนั้นกัดกร่อนเหมือนคมมีดกรีดคนฟังแค่ไหน หล่อนเหมือนคนขวานผ่าซาก ปากไม่มีล้อห้ามเบรก และแทนธัตรก็นึกวิจารณ์ในตัวหล่อนอย่างเงียบๆ ทีท่าไม่สวบอารมณ์เช่นกันแต่ก็น่าแปลกใจที่เขานั้นกลับอดกลั้น และข่มอารมณ์ไว้ในใจได้ และเป็นไปอย่างไม่รู้ว่า ทำไมเล่า เขาจะต้องมาอดทนนักกับผู้หญิงคนนี้ ที่นิสัยไม่ค่อยดีสักอย่างมีอะไรหล่อนก็เอะอะโวยวายใส่บังคับเพื่อที่คนอื่นจะตามใจหากครั้นไม่พอใจ ก็ด่าเปิงบ่นออกมาซ้ำอีกเขาคิดว่าหล่อนนั้นช่างห่างไกลความเป็นกุลสตรีนัก แหมสำหรับหล่อนคิดผิดหรือคิดถูกกันนี่ ก็ตั้งใจจะอยู่แค่วันสองวันด้วยซ้ำแต่วันนี้ก็ถือว่าปาเข้าไปเกือบห้าวันเต็มๆแล้วที่รวิวาลย์ยังคงทนอยู่ในบ้านนอกที่เธอเคยคิดเสมอมาว่ากระจอกนักและไร้แสงสีศิวิไลซ์เช่นเมืองกรุง แต่แรกรวิวาลย์ ไม่คิดว่าจะทนอยู่กับบรรยากาศและสภาพแบบนี้ได้นานโขเช่นนี้ หากแต่ก็เป็นเรื่องเหลือเชื่อจริงที่คุณหนูผู้เคยพร้อมพรั่งสะดวกมากมายแบบไฮโซ หล่อนกลับอดทนอยู่ได้ และแม้จะเป็นการทนอยู่อย่างทูซี้หรือจำทนยอมจำนนก็ตาม เพราะมันเป็นความจำเป็นอย่างมากที่สุด และทุกครั้งรวิวาลย์มักจะตอบคำถามนี้ให้ตัวเอง ว่านี่เป็นเพราะหล่อนชักหลงใหลในเสน่ห์ของดอกจาน หรือดอกทองกวาวที่บานช่วงหน้าร้อนสะพรั่งเช่นในเวลานี้ไง เป็นคำตอบที่หล่อนให้กับความรู้สึก และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่แทนธัตรนั้นกล้าพาเธอไปเยือนที่บ้านของเขาที่แทบจะเรียกได้ว่าเป็นคฤหาสน์หลังโอ่อ่าด้วยซ้ำและเธอไม่อยากจะเชื่อนักว่านี่เป็นบ้านของคนในชนบท มันดูหรูผิดหูผิดตาเลยล่ะ และมันน่าจะเป็นมหาเศรษฐีในเมืองกรุงผู้มั่งคั่งมกกว่าชนบทถิ่นกันดาร
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม