“ก็ไปสิ” ฉันหยิบกระเป๋าสะพายบนโต๊ะแล้วเดินนำเขา แต่อยู่ ๆ มือขาว ๆ ข้างหลัง ก็ดึงกระเป๋าจากมือฉันไป
“ถือให้นะ จะได้เดินตัวปลิว” ฉันยืนนิ่ง และมองตรงไปที่ประตู ฉันจะทำยังไงดี ใจฉันเต้นตึกตักไปหมดแล้ว
พอฉันยืนนิ่ง ไคล์เขาก็เดินมาข้าง ๆ ดันประตูให้ กลิ่นหอม ๆ จากตัวเขา แทบทำสติฉันหลุดกระเจิง และตอนนี้มันก็เตลิดไปไกลกว่าเดิมอีก เมื่อเขาเอื้อมมือมา...
โอบไหล่ฉัน!
“เปิดให้แล้ว ป่ะ” และฉันก็ถูกเขาโอบไหล่เดินออกมาจากห้องทำงาน เราเดินผ่านสายตาพนักงานหลายคน เดินผ่านเสียงแซวเสียงซุบซิบ จนตอนนี้ฉันทำอะไรไม่ถูกเลย
นอกจากทำตัวเฉย ๆ และมโนว่าเขาเป็นแฟนตัวเอง
วันนี้เราไปรถไคล์กัน ขึ้นมาปุ๊บก็ได้กลิ่นตัวเขาหอม ๆ ฟุ้งไปทั่วรถ
“อยากกินอะไรป้า ไปที่เงียบ ๆ นะ จะได้คุยงานด้วย” ฉันทำหันไปทางอื่่น
ไปที่เงียบ ๆ ไปห้องฉันไหมล่ะ
ว่าแต่..ทำไมเขาจอดรถตากแดดเปรี้ยง ๆ แบบนี้วะ ร้อนฉิบ!
ฉันพยายามปัดมือพัดลมใส่หน้า เพราะเหงื่อเริ่มไหลไปตามซอกคอ ก่อนที่จะขยับไปปรับแอร์เนียน ๆ แต่ทว่าจังหวะนั้น! ไคล์เขาก็เอื้อมมือมาปรับแอร์พอดี!
มือเราชนกัน มือเราชนกัน! แต่ทุกอย่างมันเร็วมากฉันกับเขาเราชักมือกลับทันที ก่อนที่จะนั่งเงียบ และรอให้แอร์มันเย็นเอง
เชี่ย...
“หายร้อนรึยังป้า” ฉันดึงเข็มขัดรัดแล้วพยักหน้าเบา ๆ
“อะ อืม”
“งั้น... ไปกินส้มตำกันไหม เผ็ด ๆ ร้อน ๆ เพราะเวลาที่ป้าเหงื่อไหล ป้าเซ็กซี่ดีนะ”
ฉันตกใจหันขวับไปมองไคล์ แต่เขากลับยิ้มให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฉันรู้สึกแบบ... มันเขี้ยวเขาว่ะ อยากลากไปกินให้รู้แล้วรู้รอด แต่ความอยากแบบนั้นมันเป็นแค่ความคิดเล่น ๆ เหมือนเราเห็นไอดอลเกาหลีแล้วมโนว่าเป็นผัวตัวเองนั่นแหละ
แต่ถ้าสมมุติ ว่ามีวันนั้นจริง ๆ ฉันก็ไม่รู้จะทำตัวยังไง ไม่รู้จะปากเก่งเหมือนที่ตัวเองคิดไว้ไหม เพราะแค่มือชนกัน และอยู่ใกล้ ๆ เขา แค่นี้ฉันก็ใจสั่นแทบจะไม่มีแรงทำอะไรแล้ว
“สะ ส้มตำเหรอ?”
“อืม... เหงื่อแห้งแล้ว” ไคล์ชี้มาที่ฉัน แล้วยิ้มจนตาหยี ฉันจึงรีบหันกลับมานั่งปกติ และพยายามหาอะไรทำ ระหว่างที่ไคล์ขับรถออกจากบริษัท ฉันก็หยิบกระเป๋าสะพายที่ไคล์วางไว้ข้าง ๆ มาหาโทรศัพท์ตัวเอง
แต่พอคลำหาซิปจะเปิดกระเป๋า ฉันก็รู้สึกแปลก ๆ
ทำไม... มีพวงกุญแจควายตัวเล็ก ๆ ห้อยอยู่วะ! ฉันมองควายที่ห้อยกับกระเป๋าด้วยความสงสัย ฉันไม่เคยใช้พวงกุญแจหรือตุ๊กตาอะไรแบบนี้ จะหมูหมา จะกระต่าย ควาย หรือตัวเงินตัวทอง ฉันไม่เคยมีสักอัน!
หรือว่าไคล์จะใส่ให้ ตอนที่แย่งกระเป๋าฉันไปถือ?
“ชอบไหม” เขาถาม ทั้งที่ตายังมองถนน
“ของนายอีกแล้วเหรอ”
“ไม่ใช่ ถ้าของผม ใหญ่กว่านี้อีก” ฉันหันไปฟาดแขนเขาทันที อิบ้า กูกำลังฟินเลย
“หยอดมุขขนาดนี้ยังไม่ยิ้มอีก ทำไมยิ้มยากจัง” ฉันหันไปมองนอกหน้าต่าง ตอนนี้ฉันมีความสุขมาก! มีความสุขจนรอยยิ้มบาง ๆ ที่มุมปาก มันค่อย ๆ เผยออกมา
ไม่นานเราก็มาถึงร้านส้มตำกัน ส้มตำไฮโซย่านทองหล่อที่คนน้อยมาก! ไม่น้อยได้ไง! ส้มตำจานละสองร้อย มะละกอคงนำเข้าจากดาวอังคาร
“สั่งเลยป้า ผมเลี้ยง” ไคล์ยื่นเมนูให้ฉัน
“วันนี้มาคุยงาน ฉันเลี้ยงเอง”
“แต่ผมไม่ใช่ลูกค้าป้านะ ผมเป็นอย่างอื่น ฉะนั้นผมจะเลี้ยงป้าเอง” ฉันทำเป็นเปิดเมนู เพื่อปิดหน้าตัวเองไว้ แอร์ที่นี่มันร้อน หรือกูหน้าแดงวะ!
“ฉันกินเยอะ นายไหวเหรอ?”
“ไหว... ผมรวย” เออ ไอ้คนรวย ที่จริง... ฉันกินไม่เยอะหรอก กินข้าวกับผู้ชายสองต่อสอง ใครเขากินเยอะวะ กินคำเล็ก ๆ ก็พอ
แต่ทว่า... มันใช้ไม่ได้กับไคล์!
“ป้า น่องไก่อร่อยนะ” ขาจับน่องไก่ยื่นมาป้อนฉัน มึงฟังไม่ผิดเว้ย! เขาจับจริง ๆ สำหรับฉัน ผู้ชายคนนี้ทำอะไรก็ไม่น่าเกลียด แต่กูจะน่าเกลียดไหมล่ะ ถ้าอ้าปากกัดน่องอ้วน ๆ ของอิไก่นี่
“กินสิ เดี๋ยวเย็นนะป้า” ฉันค่อย ๆ อ้าปากกัดไก่ที่ไคล์ป้อน จนระดับสายที่ฉันมอง มันตรงเป๊ะกับหน้าเขาพอดี
ทำไมวันนี้ ร้านเขาหมักไก่หวานจังวะ ปกติที่มากินกับแม่ มันเค็มนี่หว่า
ฉันกัดไปแค่คำเดียว ก็ก้มหน้าก้มตากินส้มตำต่อ จนไคล์เขาเอาน่องไก่ที่เหลือไปจัดการเอง เฮ้ย... ฉันกัดด้วยปากเลยนะ น้ำลายอะไรก็โดน นี่มันจูบกันทางอ้อมแล้ว
แม่! หนูเสียจูบแรก! เสียให้ไคล์!
“ป้า...”
“ป้า”
“ห้ะ อะไร?” เขาเช็ดมือแล้วชี้มาที่แก้มฉัน
“ร้อนเหรอ? หน้าแดง” อีหน้าไม่รักดี ช่วยรู้จักอดทน กลับไปแดงที่ห้องได้ไหม
“ร้อน ว่าแต่... เว็บป้าสวยมีปัญหาอะไร?”
“อ๋อ... แม่อยากเพิ่มช่องทางการจ่ายเงิน Alipay ของจีนไปด้วย ป้าทำได้ไหม”
ยิ้มอีกแล้ว ฝันดีแน่กูคืนนี้
“อืม ทำได้ มีอะไรอีก?” เขาคิดแป๊บนึง ก่อนจะส่ายหน้าเบา ๆ ตอบฉัน
“ไม่มี” แค่เนี้ย! บอกที่บริษัทไม่ถึงสามนาทีก็จบมั้ง แต่นี่ลากกูมากินส้มตำถึงทองหล่อ ถึงกูจะได้กำไรก็เถอะ กูงงนะ
“กลับคอนโดเลยไหม จะได้ไปพร้อมกัน?”
“ไม่ เจ๊ปลายฟ้าไปภูเก็ต ต้องไปร้านดอกไม้ก่อน” เขายกนาฬิกาข้อมือดูแล้วพยักหน้า จนฉันนึกได้ ว่าต้นไม้บอกฉันเมื่อวาน ว่าไคล์หัวกระแทกประตู ดู ๆ แล้วก็ไม่มีแผลเย็บ แต่เจ็บไหมนะ?
อยากถาม... แต่จะถามยังไงดี ฉันจึงหยิบส้อมเขี่ยข้าวในจานเล่น พยายามไม่สบตาเขา
“เอ่อ ต้นไม้บอกว่าเครื่องตกหลุมอากาศ”
“อืม ตกหลุมอากาศแล้วไง ผมไม่ตกหลุมรักแอร์หรอก”
เชี่ย! ใครไหวไปก่อน ขึ้นเครื่องไปกับไคล์เลย เพราะพรุ่งนี้ฉันจะไปพบจิตแพทย์!
ไคล์กำลังทำฉันเป็นใบโพล่า! ไม่ก็เป็นโรคประสาท ตอนนี้สมองฉันคิดอีกอย่าง แต่การกระทำมันขัดแย้งกัน ฉันเขินมาก! เขินแต่ยิ้มไม่ออก มันเหมือนมีอะไรหนัก ๆ ถ่วงปากไว้
แต่ฉันสัมผัสได้นะ ว่าหน้าฉันแดง เขาคิดอะไรอยู่วะ! ทำไมอยู่ ๆ ก็บอกฉัน ว่าจะไม่ตกหลุมรักแอร์ โอ้ย... สาขามโนศาสตร์ทำงานอีกแล้ว!
“อืม ก็ดี... เอดส์ยังไม่มียารักษา”
“ใส่ถุงยาง” ความฟินของกูมันไม่จีรังจริง ๆ แม่ง!
กินส้มตำเสร็จ ฉันก็แวะไปร้านดอกไม้เจ๊ปลายฟ้าแป๊บนึง แน่นอนไคล์เขาติดสอยห้อยตามไปด้วยทุกที่ เขาไม่มีบินเขาคงว่างมาก ว่างจนไม่รู้จะทำอะไร เขาอยู่กับฉันจนถึงเย็น และกลับคอนโดพร้อมกันประดุจผัว
“ขอบใจที่มาส่งถึงหน้าห้อง” ฉันรับกระเป๋าจากเขามา แล้วแตะคีย์การ์ดเปิดประตูห้อง
“ตีสองคืนนี้บินอเมริกา ป้าอวยพรผมหน่อย”
“อเมริกา?”
“อืม อเมริกา และผมไม่อยู่สามวัน”ฉันหันกลับไปมองเขาทันที จนเราเผลอสบตากัน
“งั้น ขับเครื่องบินดี ๆ ไม่ตกหลุมอากาศ ไม่...”
“ไม่ตกหลุมรักแอร์” ฉันกำคีย์การ์ดในมือแน่น จนรู้สึกเจ็บ เพราะไคล์พูดจบ เขาก็ยื่นหน้ามาใกล้ ๆ ฉัน และแค่พริบตาเดียวเท่านั้น มือขาว ๆ เขาก็รั้งท้ายทอย
ดึงฉันเข้าไปทันที!
จุ๊บ...
มันไม่ใช่จูบทางอ้อม จะ จูบจริง!