กูแทบจะปาโทรศัพท์ทิ้ง หน้านี่ชาไปครึ่งซีก ส่งผิด! ส่งผิด! ถ้าไม่ส่งให้ฉันมันตั้งใจจะส่งให้ใคร อย่าบอกนะ ว่าอินังสายหมอยนั่น
แม่งเอ้ย! ฉันปลดล็อคโทรศัพท์เปิดไลน์อ่านทันที ไลน์บอกว่าคิดถึง แล้วอีกห้านาทีบอกว่าส่งผิด มึงบ้าไหม!
LINE | KAI
[KAI: ส่งผิด]
[BAIMAI: ??(เอาบาทากูไป)]
[KAI: ดุจังป้า ฉีดยารึยัง? ^^]
ทำไมตอบเร็วนักล่ะ !!! อ่านปุ๊บปับอย่างกับเขาแนบโทรศัพท์ไว้ข้างหัว
[BAIMAI: นายนั่นแหละ ฉีดยาต้านเอดส์รึยัง? -_-]
[KAI: ไม่ รอเอาไปติดป้าก่อน ^^]
อิไคล์! ฉันกำหมัดแน่น อยากกรี๊ดมาก และตอนนี้ความโมโหก็ทำมือฉันสั่น จนพิมพ์ตอบเขาไม่ได้ ฉันจึงรีบขับรถกลับคอนโดไปสงบสติอารมณ์
แต่รู้อะไรไหม ฉันดันอยู่คอนโดเดียวกันกับไคล์! ตอนนั้นฉันบ้าไคล์มาก บ้าขนาดขอซื้อคอนโดแยกจากเจ๊ปลายฟ้า มาอยู่ใกล้ ๆ เขา
โอ้ย! กูอยากจะเทขายห้องละสองบาทตอนนี้เลย
ฉันเดินตึงตังไปกดลิฟต์ ระหว่างรอก็มองซ้ายมองขวาอย่างหวาดระแวง เพราะไคล์เขารู้ว่าฉันอยู่ที่นี่ แต่ฉันยังไม่ชวนเขาเข้าห้องนะ ฉันยังไม่ว่างแว๊กซ์ขนหน้าแข้ง
พอ ๆ ช่างมันเถอะ กวนตีนแบบนี้ฉันไม่อยากนึกถึง รอใจเย็นลงแป๊บนึง แต่จะใจเย็นได้ไงวะ เข้ามาให้ห้องก็... ควาย ควาย ควาย ตอกย้ำกูชัด ๆ
เตะแม่ง! โอ้ย! ไม่เอา! หงุดหงิดฉิบ หงุดหงิดจนไม่รู้จะลงกับอะไร ฉันจึงมองไปที่ระเบียงอย่างหัวเสีย ก่อนจะรีบเปิดประตูกระจกเดินออกไป
ยืนกำมือสองข้าง เชิดหน้าขึ้น...
“อิไคล์ อิดอก...” เหลือเชื่อ... ฉันรู้สึกโล่งมาก ห้องข้าง ๆ จะด่าพ่อด่าแม่ก็เรื่องของมัน แต่ที่ฉันแหกปากเมื่อกี้มันได้ผลจริง ๆ ตอนนี้ฉันยืนมองรถมองถนนนิ่ง ๆ ไม่รู้ว่าตัวเองจะรู้สึกยังไงต่อดี อยากเลิกชอบ แต่ก็ทำไม่ได้
ฉันจึงเดินไปรินไวน์มานั่งจิบเงียบ ๆ จนค่ำ รถบนท้องถนนเริ่มเปิดไฟเป็นดวง ๆ และติดแจบนทางด่วน เออ... คนไทยแม่งทนเก่งว่ะ รถติดจะตายยังขับรถส่วนตัวไปทำงานกัน แต่ก็นะ มันสบายกว่ารถสาธารณะนี่หว่า
ก็เหมือนฉันที่ชอบไคล์ ชอบมานาน ฉันมีความสุขที่ได้ชอบเขา ถึงแม้มันจะเป็นแบบเดิมซ้ำ ๆ อย่างน้อยชีวิตก็มีสีสันกับความมโนของตัวเอง เฮ้อ... มันไม่เกี่ยวกับรถติดหรอก แต่กูไม่รู้จะเปรียบอะไรดี ให้ตัวเองเป็นคนโง่ที่มีสมองคิดกับเขา
เซ็ง... สมแล้วที่ไคล์ให้ควายกูมาหลายตัว
ฉันดื่มไวน์เมาได้ที่ก็อาบน้ำนอน พรุ่งนี้มีประชุมแรกและประชุมเช้า เฮ้อ... ควายไคล์ ฉันขอกำลังใจหน่อยสิ
ฉันดึงตุ๊กตาควายบนเตียงมากอดแนบอก ตั้งแต่เขาให้ฉันมา ถึงมันจะเน่าแค่ไหนฉันก็ไม่กล้าซัก เพราะฉันชินกับกลิ่นควายพวกนี้แล้ว มันคล้ายกับกลิ่นไคล์
ตื่นเช้ามาฉันก็รีบลุกขึ้นไปอาบน้ำ ชีวิตน่าเบื่อมาก ฉันไม่ชอบงานที่พ่อให้ทำ เรียนมาก็เหนื่อยแล้ว แม่งต้องมาทำงานงก ๆ อีก ฉันอยากไปเที่ยวสักสิบปี มีผัวเป็นกัปตันพร้อมตั๋วฟรีทุกเดือน
จริง ๆ ไม่ได้หวังอะไรเรื่องตั๋วหรอก แค่อยากมีผัวเป็นกัปตัน
เห็นไหม! ฉันควรไปพบจิตแพทย์ เมื่อวานโดนไคล์กวนบาทามาแท้ ๆ อีกวันมากูก็พร่ำถึงเขาแล้ว
เรื่องจิตแพทย์เอาไว้ทีหลัง เพราะตอนนี้ถึงบริษัท ฉันก็ตรงดิ่งเข้าห้องประชุมทันที ก่อนที่จะเห็นทุกคนเตรียมพร้อมกันหมดแล้ว ทั้งฝ่ายไอที การเงิน PR บลา ๆ ฉันเองก็จำไม่หมดหรอก ประชุมครั้งแรกนี่หว่า
“สวัสดีค่ะคุณใบไม้ มาทันเวลาพอดีเลยนะคะ” ฉันเป็นผู้บริหารที่เด็กไปสินะ พนักงานอาวุโสถึงได้ถามคำถาม เชิงประชดประชันใส่
“ดีกว่าสาย คุณมีปัญหาอะไรกับฉันไหม?” เงียบ เลขาพี่เจที่เดินตามหลัง เธอวางแฟ้มรายละเอียดการประชุมให้ฉันทันที ก่อนที่ฉันจะเลื่อนเก้าอี้นั่งมองหน้าทุกคน
“แผนกไหนพร้อม?” แผนกไอทียกมือขึ้น ส่วนคนอื่นนั่งอ่านเอกสารตัวเอง แม่งเหมือนไม่เตรียมพร้อมกันเลย
“ไอทีครับ”
“งั้น... แผนกไอทีทีหลัง เชิญการเงิน”
“คะ? กะ การเงินเหรอคะ?”
“ใช่ ต้องให้ฉันเชิญคุณอีกกี่ครั้ง?” ป้าอาวุโสบ่นอุบอิบเบา ๆ จนเจ๊ฝ่ายการเงินเธอลุกขึ้น เดินกอดแฟ้มไปที่โปรเจคเตอร์
พ่อรับคนเข้าทำงานประสาอะไรวะ เฉื่อยฉิบหาย
ดูดิ แต่ละคนท่าทางไม่ได้เรื่องสักคน จะเข้าไปชุมแล้วแท้ ๆ ยังไม่พร้อม เอกสารกูว่าพิมพ์เมื่อเช้าแน่นอน เดินผ่านทีกลิ่นหมึกยังใหม่อยู่เลย
“สวัสดีค่ะ สักครู่นะคะ” เธอเปิดแฟ้มพรึบพับอย่างลุกลี้ลุกลน อะไรวะ! นี่มันพรีเซนโครงงานของเด็กประถมเหรอ!
“คุณเป็นผู้จัดการแผนกได้ยังไง?” ฉันถามและอ่านชื่อในแฟ้มไปด้วย ‘รษา’
“คะ? คุณบอสเลื่อนตำแหน่งให้ เมื่อสองเดือนที่แล้วค่ะ ขอโทษนะคะที่ยัง...” ฉันยกมือขึ้น สั่งให้เงียบ
“ฉันขอดูรายงานการเงินและการบัญชีประจำเดือน เดือนสาม เดือนสี่ เดือนห้า ก่อนหน้าที่คุณจะเลื่อนตำแหน่งขึ้นมา”
“คะ คือฉันไม่ได้สรุปมาน่ะค่ะ เป็นของผู้จัดการคนเก่า มีแค่เดือนที่แล้วค่ะ นึกว่าหัวข้อประชุมคือยอดทั้งหมดของเดือนที่แล้ว”
“คุณเพิ่งเป็นผู้จัดการฝ่ายการเงิน แต่ไม่มีข้อมูลยอดสรุปของผู้จัดการคนเก่าเข้าประชุมด้วย คุณทำงานได้ยังไง?”
“คือ...”
“หน้าที่คุณคืออะไร? รับผิดชอบอะไร? หน้าที่คุณแค่โชว์ตารางขึ้นโปรเจคเตอร์และอ่านงั้นเหรอ?”
“คุณใบไม้คะ รษายังใหม่ค่ะ” พนักงานคนอื่นเริ่มออกปากช่วยเธอ แต่พอฉันหันไปมองก็เงียบกริบ
“คุณไม่เหมาะสมกับตำแหน่งนี้ ไปทำตัวเองให้พร้อม แล้วฉันจะพิจารณาอีกที”
“จะลดตำแหน่งพนักงาน คุณใบไม้ต้องปรึกษาคุณบอสก่อนนะคะ” ป้าอาวุโสรีบพูดขึ้นมา
“ปรึกษาทำไม? จะเรียกคะแนนให้พ่อฉันสงสารงั้นเหรอ ฝ่ายไอทีเชิญ ฉันไม่อยากเสียเวลา”
ฝ่ายไอทีลุกขึ้นเสียบแฟลชไดร์ฟทันที แผนกนี้เป็นแผนกที่มีแต่ผู้ชาย ไม่จุกจิกและไม่มีทีท่าทำปากมุบมิบใส่ฉัน
“นี่คือเว็บหลัก หน้าบ้านของบริษัทxx ตามด้วยระบบก*********นที่มีความปลอดภัยสูงสุด ทางเราจะส่งมอบอาทิตย์หน้าครับ”
ฉันมองตามเมาส์และพยักหน้าเบา ๆ
“ส่งมอบอาทิตย์หน้า ระบบแอดมินเรียบร้อยรึยัง?”
“เรียบร้อยครับ ตอนนี้กำลังให้ฝ่ายความปลอดภัยลองตรวจสอบ”
“ไม่ต้อง เดี๋ยวฉันลองแฮ็กเอง ไว้เจอช่องโหว่ฉันจะเขียนรายงานไป มีรายละเอียดงานที่จะส่งอีกไหม?”
“มีครับ... ของบริษัทนำเข้า”
“อืม พูดมา”
ฉันนั่งฟังแต่ละแผนก สรุปรายงานเดือนที่ผ่านมา ทั้งรู้สึกดีและไม่ดี รู้สึกดีคือผู้จัดการบางคน กระตือรือร้นที่จะตอบคำถาม และนำเสนองานตัวเอง แต่ไม่รู้สึกดีคือ ป้าแก่ ๆ ที่อยู่มารุ่นพ่อแม่ แกชอบขัดฉัน คิดว่าฉันเป็นเด็กที่ต้องฟังผู้ใหญ่
ออกจากห้องประชุม ฉันก็เดินไปเข้าห้องน้ำ แต่ระหว่างที่ฉันก้นแตะชักโครกเล่นโทรศัพท์ เสียงหมามันก็เห่าขึ้นมาใกล้ ๆ
“ประชุมเมื่อกี้เป็นอะไรที่เชี่ยมาก” เสียงรษาที่พยายามกระซิบบอกใครสักคน ฉันได้ยินชัดมาก
“เออ อยู่ ๆเด็กเมื่อวานซืนก็มาลดตำแหน่งกู ไม่เห็นใจดีเหมือนเจ้านายเก่าเลยว่ะ เออ เหมือนเด็กเก็บกด ยิ้มก็ไม่ยิ้ม โคตรเกลียดคนบ้าอำนาจ”
บ้าเอ้ย! ฉันถอนหายใจเสียงดังแล้วกดชักโครกทันที ก่อนที่จะเดินออกไปยืนพิงอ่างล้างหน้า กอดอกรอ
“แค่นี้นะ ไปเป็นขี้ข้าเหมือนเดิมละ” ขี้ข้า... เหอะ!
ฉันกระตุกริมฝีปากเบา ๆ อย่างสมเพช จนผู้หญิงคนนั้นที่ฉันคิดว่าเป็นผู้จัดการฝ่ายการเงิน เธอเปิดประตูห้องน้ำออกมา
เธอเงยหน้ามองฉันตกใจมาก และพยายามก้มหน้าก้มตาเดินไปล้างมือ ไกล ๆ
“อีขี้ข้า”
“คะ? พูดกับดิฉันเหรอคะ”
“ใช่...” ฉันหันไปมองรษา ที่ทำหน้าตกใจเบิกตากว้าง เธอพยายามกำมือที่เปียกๆสองข้างไว้ เพื่อสงบสติอารมณ์ อะไรของมึง กูต่างหากที่ต้องสงบสติอารมณ์!
“ทำไมคุณใบไม้เรียกรษาแบบนั้นล่ะคะ”
“เธอพูดเองนี่ ว่าเธอเป็น ขี้ข้า” เท่านั้นแหละ รษาเธอรีบเดินมาหาฉันทันที แต่ฉันถอยไปยืนอีกฝั่งและมองเธอหัวจรดเท้า
“คุณใบไม้คะ คือ... รษาไม่ได้ตั้งใจค่ะ รษาแค่รู้สึกแย่ที่ถูกลดตำแหน่ง เลยพูดไปไม่คิด”
“ฉันไม่ว่า ถ้าเธอจะด่าว่าฉันยังไง แต่จำใส่หัวด้วย ว่าที่เหยียบอยู่...มันบริษัทฉัน”
พนักงานคนอื่นที่จะเข้าห้องน้ำ ถึงกลับรีบเบรกกะทันหัน พวกเขายืนมองฉันกับรษา จนเธอพยายามหันหน้าไปทางอื่นอาย ๆ
“คือ...”
“สงสัยฉันต้องเข้าห้องน้ำพนักงานบ่อย ๆ จะได้กำจัดพวกมารหัวขนทิ้ง ๆ ให้หมด ไง... ที่ยืน ๆ ฟัง มีใครอยู่แผนก HR ไหม”
พนักงานคนนึงยกมือขึ้นอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
“ดิฉันค่ะ”
“ฝากจัดการให้ฉันด้วย เอาขี้ข้าคนนนี้ออกไป” รษายืนอ้าปากค้าง และหายใจฟึดฟัดกระทืบเท้าใส่ แต่ฉันไม่สนใจ เดินออกไปผ่านพนักงานที่แหวกทางให้ กลับห้องตัวเอง
เรื่องนี้ฉันไม่อยากคุยกับใคร เพราะฉันไม่ได้รู้สึกดีที่ได้ไล่ใครออก แต่ถ้าเขาไม่รักบริษัท ไม่รักที่จะทำงานที่นี่ ก็ออกไปเถอะ อยู่ไปก็เท่านั้น
พอฉันมาถึงหน้าห้องทำงาน พี่เจเลขาก็ยืนขึ้นทันที ก่อนที่เธอจะทำหน้าตกใจ และชี้นิ้วที่ประตูห้องฉัน
“อะไรคะพี่เจ?” พี่เจเลขาเธอยิ้ม แล้วก้มหน้าลง เหมือนจะเขินหรือกลัวฉันก็ไม่แน่ใจ สงสัยพ่อมาโวยฉันแน่เลย
ฉันจึงรีบดันประตูเปิดเข้าไป จนฉันเห็นเก้าอี้ทำงานตัวเองหันหลัง และหมุนไปหมุนมาอยู่ที่โต๊ะทำงาน
“ข่าวไวนะคะ ถามจริง ๆ เถอะ พ่อรับคนทำงานด้วยอะไร ผลงาน ความขยัน หรือนม?”
“นม” ห้ะ! ไม่ใช่เสียงพ่อ แต่เป็นเสียง...
อิไคล์!
จริง ๆ ด้วย เขาหมุนเก้าอี้กลับมามองฉัน พร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ แล้วมีสิทธิ์อะไรมานั่งที่โต๊ะทำงานฉัน! อยากเป็นผัวฉันนักเหรอ?
แม่ง... ได้เป็นจริง ๆ แล้วจะหนาว!
“มาทำไม”
“อยากมา” ฉันเดินไปหาเขาที่โต๊ะทำงาน แล้วกอดอกจ้องเขาแทน
“มา ทำ ไม!” เมื่อฉันถามย้ำ เขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ก้าวมาชิดตัวฉันทันที
ตอนนี้หน้าเราห่างกันไม่ถึงคืบ ฉันได้กลิ่นตัวหอม ๆ เขา และรู้สึกถึงลมหายใจอุ่น ๆ ของเขา
“อยาก... มา”
“ไคล์ ออกไปห่าง ๆ”
“ทุกวันนี้ก็ห่างจะตายอยู่แล้ว ไม่อยากห่างเลย” เขาจับผมฉันขึ้นไปดมแล้วยิ้มจนตาหยี โอ้ย! แกจะมาไม้ไหนอีก! ดมผมขนาดนี้ กอดกูเลยสิ คืนนี้จะได้ไม่ต้องอาบน้ำ
“อย่ามาล้อเล่นไคล์ มาทำอะไร”
“เรื่องเว็บ แบรนด์เสื้อผ้าแม่” เออ กว่าจะพูดได้ มโนไปถึงดาวอังคารแล้วกู
“นั่งสิ...”
“ไม่ดีกว่า ป้ากินอะไรรึยัง? เที่ยงแล้ว ไปกินข้าวและคุยกันข้างนอกไหม” เขาล้วงกระเป๋ากางเกงถามฉัน มึง... ริมฝีปากสวย ๆ เขาไม่หุบยิ้มเลย
ตอนนี้กูไม่หิวข้าวแล้ว กูหิวเด็ก