“คนเลว หัวสมองเน่าๆ คิดอยู่แต่เรื่องเดียว ไม่มีเรื่องดีๆ อยู่ในหัวสมองบ้างเลยหรือยังไง”
ฐิติรดาตวาดลั่น โผเข้าหาร่างกำยำของคนตัวใหญ่ด้วยความโมโหจัด มือเล็กทั้งสองพยายามทุบตีไปตามลำตัวของอีกฝ่ายเท่าที่จะสามารถประทุษร้ายได้
เจ้าชายคามิลหัวเราะร่วน จับมือเล็กทั้งสองยึดไว้ด้วยฝ่าพระหัตถ์ข้างเดียว ส่วนอีกข้างก็โอบไปรอบเอวบางคอดกิ่วดึงร่างอรชรมาปะทะอกกว้าง กดโอษฐ์ร้อนผะผ่าวลงไปบดขยี้เร่าร้อนแผดเผา ตักตวงความหวานอย่างเอาแต่พระทัย ราวกับต้องการแกล้งคนในอ้อมแขน
“ยอมรับอย่างไม่อายเลยนะน้ำอิง ว่าเวลาอยู่กับเจ้า เราคิดอยู่แค่เรื่องเดียวเท่านั้น” ราชนิกุลนักรักตรัสตอบยั่วยวนหลังจากผละพระโอษฐ์ออกแล้ว
“ลามก ไปคิดกับผู้หญิงคนอื่นเลย คนที่เต็มใจทอดกายให้แกเชยชมอย่างเต็มใจ มันหมดไปจากโลกใบนี้แล้วหรือยังไงฮ้า!
“ก็บอกแล้วว่าผู้หญิงแบบนั้นมีเยอะแยะเกลื่อนเมือง แถมบางคนเรายังได้เชยชมฟรีๆ โดยไม่ต้องเสียเงินทองอีกต่างหาก แต่เรายังไม่เคยลิ้มลองผู้หญิงที่มีมูลค่าค่าตัวถึงยี่สิบล้านบาท และเราก็อยากรู้ชะมัดว่าผู้หญิงอย่างเจ้าจะสนองตัณหาดิบเถื่อนของผู้ชายได้เด็ดสะระตี่หรือเปล่า”
“กรี๊ดด ไอ้บ้า ฉันไม่ใช่โสเภณีนะ” ฐิติรดาโกรธเหลือกำลัง ที่ผู้ชายคนนี้มักจะดูถูกเยาะหยันว่าเธอเป็นผู้หญิงอย่างว่า
“ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงนั่นแหละยาหยี...”
เจ้าชายคามิลตรัสลากเสียงยาวอย่างยั่วยวน พร้อมกันนั้นก็ดึงร่างบางอรชรให้ผุดลุกขึ้น โดยไม่ลืมตรัสถากถางฐิติรดาต่อ
“ถ้าไม่ใช่โสเภณีแล้วเจ้าเป็นอะไรล่ะน้ำอิง ผู้หญิงดีๆ ที่ไหนจะยอมขายตัวเองด้วยเงินถึงยี่สิบล้าน แถมยังยอมแต่งงานกับคนแก่คราวพ่อเสียด้วย เอ๋...ถ้าไม่ใช่โสเภณี เจ้าก็ต้องเป็นพวกทากที่คอยดูดเงินจากคนรวยใช่ไหมน้ำอิง”
“คำก็โสเภณี สองคำก็ทากดูดเลือด หัดมองคนอื่นในทางที่ดีบ้างสินายคามิล”
ฐิติรดาเค้นเสียงลอดไรฟัน อยากบอกอีกฝ่ายเหลือเกินว่าเงินยี่สิบล้านบาทที่ว่า เธอไม่มีโอกาสได้แตะต้องแม้แต่สลึงเดียว
เจ้าชายคามิลยักไหล่ยียวนกวนโทสะ ก่อนจะตรัสตอบด้วยถ้อยวาจา ที่ไม่ได้ฟังระรื่นหูไปจากเดิมสักเท่าไรนัก
“จะให้เรามองซ้าย มองขวา เอี้ยวตัวมองข้างหน้าหรือข้างหลัง เราก็ยังมีความรู้สึกไม่ต่างจากเดิมว่าเจ้าเป็นพวกหิวเงิน และที่ยอมแต่งงานกับชีคอัลซาร์ก็เพราะเห็นว่าท่านเป็นเจ้าผู้ปกครองประเทศ มีเงินถุงเงินถังให้เจ้าผลาญเล่นกี่สิบชาติก็ไม่มีหมด”
“แหม! รู้สึกว่านายคามิลจะรู้เรื่องของท่านชีคอัลซาร์ดีเหลือเกินนะคะ องครักษ์ประเทศนี้นอกจากจะทำหน้าที่อารักขาความปลอดภัยให้กับเจ้านายแล้ว ยังมีอีกหน้าที่คือจุ้นเรื่องของเจ้านายไปทุกหยาดหยดเลยนะคะ”
ฐิติรดาเหน็บแนมเสียงเย็น รู้สึกสะใจมาก เมื่อเห็นชายหนุ่มรูปงามมีสีหน้าถอดสีเผือดไปชั่วขณะ แต่สิ่งที่มาพร้อมๆ กับอาการสะใจคืออาการสงสัยอยู่ครามครันว่าทำไมชายคนนี้ช่างรู้เรื่องของชีคอัลซาร์ดีเหลือเกิน แถมยังแสดงท่าทีเป็นเดือดเป็นร้อนเหลือเกิน เมื่อรู้ว่าเธอจะมาเป็นเจ้าสาวของชีคอัลซาร์
เจ้าชายคามิลพยายามปรับสีพระพักตร์ให้เป็นปกติ ไม่ให้ฐิติรดาจับพิรุธได้ พระองค์ไม่อยากเผยให้หญิงสาวผู้นี้รู้ว่าพระองค์เป็นใคร ไม่อยากให้เธอรู้ว่าพระองค์ก็มีทรัพย์สมบัติมากมายไม่ต่างจากชีคอัลซาร์ เพราะพระองค์เกรงว่าฐิติรดาจะโผเข้ามาเกาะดูดเงินไปจากพระองค์อีกคน
“เราเป็นองครักษ์ที่ใกล้ชิดกับชีคอัลซาร์ เพราะฉะนั้นเราก็ย่อมรู้เรื่องของพระองค์ทุกอย่าง และเราก็จำเป็นต้องรักษาผลประโยชน์ให้กับพระองค์ กันไม่ให้ผู้หญิงหิวเงินอย่างเจ้า ใช้มารยาร้อยเล่มเกวียนหลอกล่อให้พระองค์หลงมัวเมาจนไม่ลืมหูลืมตาอย่างที่กำลังเป็นอยู่ จนถึงขั้นยอมแต่งงานกับเจ้า ทั้งๆ ที่พระองค์ไม่เคยคิดเรื่องแต่งงานใหม่นับตั้งแต่พระชายาคนก่อนจากพระองค์ไป”
“นี่คุณคามิล ฉันบอกให้เอาบุญนะ ว่าฉันไม่ได้อยากแต่งงานกับชีคอัลซาร์เลย และฉันก็ไม่ได้อยากได้เงินหรือทรัพย์สมบัติของท่านชีค และหากแม้เลือกได้ฉันอยากกลับไปแต่งงานกับคุณติณภพ คนที่มีเงินทองแค่พอกินพอใช้ ไม่ได้ร่ำรวยเหมือนชีคอัลซาร์ แต่เขาก็รักฉันมากและพร้อมจะทำให้ฉันมีความสุขในตลอดเวลา”
ฐิติรดาระบายความในใจออกมา โดยไม่รู้เลยว่าการพูดถึงชายอื่นให้คนที่กำลังหลงเสน่ห์ในตัวเธอ แถมยังเป็นบุรุษหนุ่มที่พกความหึงหวงไว้เต็มพระหฤทัย ให้ได้ยินเช่นนี้ เท่ากับเป็นการเพิ่มดีกรีความโกรธขึงระคนหึงหวงให้คุกรุ่นมากกว่าเดิมอีกหลายสิบเท่า
และความหึงหวงก็แสดงออกผ่านสีพระพักตร์และดวงเนตร ที่โชนแสงแห่งไฟโทสะให้เห็นพร้อมๆ กับเปลวไฟแห่งความปรารถนาที่ลุกโชนแทบจะพร้อมๆ กัน
“อย่าบังอาจมาพูดถึงผู้ชายอื่นต่อหน้าเราอีก เข้าใจไหมน้ำอิง”
พระหัตถ์ใหญ่จับขย้ำไปบนบ่าเล็ก ก่อนจะเขย่าจนร่างบางอรชรหัวสั่นคลอน พระองค์ถูกความหึงหวงจู่โจมอย่างเต็มที่ เพราะทรงคิดว่าในยามนี้ฐิติรดาได้กลายเป็นผู้หญิงของพระองค์แล้ว
ฐิติรดารู้สึกเวียนหัวไปหมด เมื่อถูกจับเขย่าอย่าไม่ปราณีปราศรัย และนอกจากจะเวียนหัว ปวดหัวไปหมดแล้ว หญิงสาวยังงุนงงกับปฏิกิริยาของชายผู้นี้ ซึ่งแสดงท่าทีโกรธขึงรุนแรงกว่าตอนที่รู้ว่าเธอจะแต่งงานกับชีคอัลซาร์ซะอีก
“คุณคามิล! หยุดเขย่าตัวฉันได้แล้ว ฉันเวียนหัวได้ยินไหม”
เมื่อฐิติรดาตะคอกสั่ง เจ้าชายคามิลก็ตะเบ่งเสียงตะโกนสั่งดังลั่นไม่แพ้กัน
“จะหยุดก็ต่อเมื่อเจ้าเลิกคิดถึง และเลิกพูดถึงผู้ชายที่ชื่อติณภพ!”
“แล้วมันเรื่องอะไรของคุณด้วยเล่า ฉันจะคิดถึง จะพูดถึงใครมันก็เรื่องของฉัน”
ฐิติรดาเค้นเสียงถาม คิดว่าผู้ชายคนนี้ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ที่จู่ๆ ก็มาห้ามไม่ให้เธอคบคนโน้นคนนี้ ทั้งๆ ที่เขาไม่มีสิทธิ์มาก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเธอด้วยซ้ำไป