ทำไม...ทำไมเขามาอยู่ที่นี่...
เช้าวันต่อมา พอรู้สึกตัวขึ้นหลังจากผล็อยหลับไปพร้อมน้ำตา มุกรินทร์ก็พบว่าเธอไม่ได้นอนอยู่คนเดียว แต่มีร่างใหญ่ของสิงหเรศนอนอยู่ข้างกายแถมมือใหญ่และขายาวๆของเขาก็พาดอยู่บนร่างของเธอจนเธอแทบไม่กล้าแม้กระทั่งหายใจแรงเพราะกลัวเขาจะตื่นมาอาละวาดอีก
“อร...ทำไม...ทำไมต้องเป็นมัน...”
อะไร...ตื่นเหรอ? หรือละเมอ?...
ขณะกำลังหาทางลุกจากเตียง อยู่ดีๆสิงหเรศก็พึมพำออกมาจนมุกรินทร์รีบนอนแน่นิ่งทันทีก่อนจะพบว่าเขาเพียงแค่ละเมอเท่านั้น หญิงสาวจึงค่อยๆเบี่ยงตัวลุกหนีออกมาแล้วรีบเดินออกไปนอกห้องทันที
“เฮ้อ...แล้วอีตาบ้านั่นไปนอนในห้องเราได้ยังไง หรือว่าเมาจนสมองเพี้ยน...”
พอออกมานอกห้องได้แล้วมุกรินทร์อดที่จะสงสัยไม่ได้ ก่อนจะเดินตรงเข้าไปในครัวเพื่อจะไปทำอาหารเช้าแต่กลับต้องตกใจกับสภาพบ้านที่เมื่อวานเธอพึ่งทำความสะอาดไปแท้ๆ แต่ตอนนี้มันกลับเละเทะมากกว่าเมื่อวานเสียอีก
“หนูมุก! นี่มันเกิดอะไรขึ้น!”
เป็นเสียงของป้าศรีที่พึ่งเข้ามาทำงานในตอนเช้าเอ่ยถามเสียงตกใจก่อนจะรีบเดินเข้ามาหามุกรินทร์พร้อมกับมองสำรสจรอบๆกายว่าหญิงสาวมีบาดแผลตรงไหนรึเปล่าเพราะคิดว่าต้องมีโจรขึ้นบ้านอย่างแน่นอน
“เอ่อ มุกไม่เป็นอะไรค่ะ แล้วก็...ไม่ใช่โจรขึ้นบ้านด้วย...เป็นฝีมือของคุณสิงห์น่ะค่ะ...”
“ห๊ะ! มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงขนาดพังบ้านอย่างนี้ล่ะ”
“เขาโกรธมุก...เลยเป็นอย่างที่เห็นนี่ล่ะค่ะ”
ป้าศรีถึงกับยกมือขึ้นทาบอก เธอรู้ว่าสิงหเรศเป็นคนอารมณ์ร้อน แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่บ้านจะพังพินาศขนาดนี้
“หนูมุกไม่เจ็บตรงไหนใช่ไหม”
“ค่ะ เขาไม่ได้ทำร้ายมุก”
“เฮ้อ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับคุณสิงห์เนี่ย”
“................”
มุกรินทร์ไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้น เมื่อเรื่องทั้งหมดมันอาจเกิดขึ้นเพราะเขาไม่ชอบเธอก็เป็นได้ จากนั้นทั้งสองก็ช่วยกันเก็บกวาดจนกลับมาสะอาดเหมือนเดิมโดยที่ป้าศรีก็ไม่ได้ถามอะไรออกมาอีก
“โอ๊ย! ฮึ่ม...”
ทางด้านคนต้นปัญหาที่พึ่งรู้สึกตัวขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดหนึบไปทั้งหัวค่อยๆปรือตามอง ก่อนจะพบว่าไม่ใช่ห้องของตนเอง
“บ้าเอ้ย!”
พอความทรงจำของเมื่อคืนเริ่มกลับมาสิงหเรศก็อดสบถขึ้นไม่ได้ เมื่อจำได้แล้วว่าเขาเดินเข้ามานอนกับเธอในห้องนี้หลังจากระบายอารมณ์กับข้าวของด้านนอกและดื่มอย่างหนัก ก่อนจะมองหามุกรินทร์ที่ไม่ได้นอนอยู่กับเขาแล้ว
“หรือว่าหนีไปแล้ว...”
พอคิดได้แบบนั้นชายหนุ่มก็สะบัดผ้าห่มออกจากร่างแล้ววิ่งออกไปด้านนอก ก่อนจะพบว่าร่องรอยที่เขาทำเอาไว้หายเกลี้ยงจนสะอาดตา ตาคมกวาดมองไปรอบๆเพื่อหามุกรินทร์แต่ก็ดูเงียบเหมือนมีแค่เขาที่อยู่ในบ้านหลังนี้ พลันหัวใจของสิงหเรศก็เต้นแรงจนแทบกระเด็นออกมานอกอก สองขาก้าวตรงไปที่ประตูบ้านพร้อมกับถีบจนมันเปิดอ้าออกกระแทกผนังเสียงดังกึกก้องอย่างสุดแสนโกรธ
“!!!!”
“ผู้หญิงแพศยะ...อ่าว...มานั่งทำอะไรนอกบ้าน”
ปากหยักที่กำลังจะด่ากราดถึงกับรีบเปลี่ยนคำพูดเมื่อหันไปเจอร่างบางของมุกรินทร์นั่งอยู่หน้าบ้านด้วยสีหน้าตื่นตกใจ สองมือเล็กกำที่พรวนดินเอาไว้แน่นอย่างเริ่มหวาดกลัว
“ฉะ...ฉัน ฉันมารดน้ำดอกไม้”
เสียงสั่นกลัวบอกขึ้นพร้อมกับรีบหลบตาเขา ทำเอาคนที่มองอยู่ถึงกับไม่พอใจที่เธอกลัวตนเองขนาดนั้น
“เสียงอะไรกันหนูมุก!”
เป็นป้าศรีที่วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาแล้วถามขึ้นอย่างตกใจ ก่อนจะยกมือขึ้นปิดปากเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่เปลือยเปล่าของสิงหเรศยืนตระหง่านอยู่หน้าประตู
“ฉันหิว!ไปทำกับข้าว!”
“อยะ..อยู่บนโต๊ะอาหาร...”
พอได้ยินที่เธอบอกสิงหเรศรีบเดินหันหลังกลับเข้าบ้านไปทันที ก่อนจะเจออาหารเช้าอย่างที่เธอบอก เขาเปิดออกดูพบว่ามันเป็นแค่ข้าวเปล่ากับไข่เจียวเลยเดินกลับมาหามุกรินทร์อีกรอบ
“ฉันไม่กินไข่ ไปทำอย่างอื่น”
เขาบอกขึ้นก่อนจะเดินกลับเข้าบ้านตรงเข้าห้องนอนไปทันที ทำเอาคนที่ยังนั่งอยู่ที่เดิมได้แต่ลุกเดินตามเข้ามา ก่อนจะเดินไปเปิดดูในตู้เย็นซึ่งก็ทำเอามุกรินทร์ถึงกับถอนหายใจเมื่อทั้งตู้ก็มีเพียงแค่ไข่ไก่นี่แหละ
“ป้าลืมซื้ออาหารเข้ามาเก็บน่ะค่ะ ว่าจะขอออกไปตอนบ่าย ไม่นึกว่าคุณสิงห์จะโวยวายขนาดนี้”
“ไม่ใช่ความผิดของป้าศรีหรอกค่ะ เดี๋ยวมุกไปบอกเขาก่อนนะคะ”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“คุณสิงห์...ในตู้เย็นมีแค่ไข่ ได้ยินไหม...คุณสิงห์”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ผลั๊วะ!
“จะเคาะอะไรนักหนา คนอาบน้ำอยู่!”
“!?”
มุกรินทร์ถึงกับผงะถอยเมื่อประตูห้องของเขาเปิดออกมาอย่างรวดเร็วจนเกือบกระแทกหน้าของเธอพร้อมกับการปรากฏตัวด้วยร่างเปลือยเปล่าของเขาที่ทั้งหัวเต็มไปด้วยฟองของยาสระผม
“มีอะไร!”
“เอ่อ คือ เอ่อคือว่าในตู้เย็นมีแค่ไข่...”
“ห๊ะ! เออๆๆ เดี๋ยวฉันพาออกไปซื้อ รอก่อน”
พูดจบสิงหเรศก็เดินกลับเข้าไปในห้องน้ำทันที ทำเอามุกรินทร์รีบเดินหลบออกมาเช่นกันเมื่อตอนนี้หน้าตาของเธอแดงลามไปจนถึงใบหูแล้ว เมื่อดันเห็นร่างเปลือยของเขาอย่างชัดเจน และไม่นานสิงหเรศก็เดินออกมาจากห้องนอนด้วยชุดที่พร้อมจะออกไปข้างนอก
“อ่าว ไปเปลี่ยนชุดสิ!”
พอเดินมาเจอเข้ากับมุกรินทร์ชายหนุ่มก็บอกขึ้นอย่างไม่ค่อยพอใจ เมื่อเขาให้เวลาเธอเกือบครึ่งชั่วโมงก่อนที่เขาจะอาบน้ำเสร็จแท้ๆแต่กลับพบว่าเธอยังอยู่ในชุดเดิม
“เอ่อ...ไปชุดนี้ไม่ได้เหรอคะ”
หญิงสาวบอกขึ้นพร้อมกับก้มลงมองชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์สามส่วนเก่าๆที่ใส่อยู่อย่างนึกอาย เมื่อชุดที่มารดาเก็บยัดใส่มาให้นั้นแทบใส่ไม่ได้เลยสักตัว เพราะมันเป็นชุดเก่าที่เธอเก็บเอาไว้ตั้งแต่ยังเล็กๆเลยมีแค่ไม่กี่ตัวที่พอใส่ได้ซึ่งมันก็เก่าเกินทนอย่างที่เขาเห็นนั่นแหละ
“ไม่ได้! ไปเปลี่ยน!”
“แต่ฉัน...ไม่มีเสื้อผ้าใส่...มีแค่ตัวนี้ที่พอดูได้...”
มุกรินทร์บอกออกมาอย่างรู้สึกอายพร้อมกับก้มหน้าหลบ สองมือกำเข้าหากันแน่นจนคนที่มองอยู่แทบพูดไม่ออก เขาไม่เคยสนใจเธอเลยตั้งแต่พามาอยู่ที่นี่ ไม่เคยรู้เลยว่าเธอไม่มีแม้กระทั่งเสื้อผ้าจะใส่
“เห็นออกไปกับไอ้เสือทุกวัน ไม่ให้มันซื้อให้ล่ะ”
เสียงกระแนะกระแหนถามขึ้น
“ฉันแค่ไปซื้อผ้าอนามัย...ฉันไม่มีเงิน...”
ยิ่งฟังเขาก็ยิ่งรู้สึกสมเพช จนสุดท้ายเขาก็ยอมให้เธอใส่ชุดนั้นออกมา ก่อนจะพาขับรถออกจากไร่ไปยังตัวเมือง ที่เมื่อวานเสือสมิงค์ก็พึ่งพาเธอมาซื้อของใช้นิดหน่อย
“ลงมาสิ”
สิงหเรศพาเธอมาจอดอยู่หน้าห้างสรรพสินค้าขนาดไม่ใหญ่แต่ก็ถือว่าใหญ่ที่สุดในเมืองนี้ แล้วบอกให้เธอลงจากรถ มุกรินทร์ก็เดินตามลงมาอย่างว่าง่าย
“ต้องการอะไรบ้างก็เลือกเอา เดี๋ยวฉันจ่ายเอง ยังไงซะชีวิตของเธอก็เป็นของฉัน เข้าใจไหม”
“ค่ะ...”
หญิงสาวพยักหน้าตอบรับก่อนจะเดินตามเขาเข้าไป และพอเดินเข้ามาจนถึงร้านขายของต่างๆ มุกรินทร์ก็แทบไม่ยอมเลือกซื้ออะไรเลยสักอย่าง เพราะด้วยราคาที่ค่อนข้างแพงและเกรงว่าจะเป็นการรบกวนเขาเกินไปเธอเลยแทบไม่เอาอะไรเลยจนคนพามาเริ่มหงุดหงิด
“นี่เดินจะครึ่งชั่วโมงแล้ว เลือกสักอย่างสิ! ไหนว่าไม่มีเสื้อผ้า นี่ๆๆๆๆ เลือกเอาสิ เธอจะเดินจนห้างปิดเลยรึไงห๊ะ!”
สิงหเรศระเบิดอารมณ์ออกมาพร้อมกับชี้ไปที่ราวเสื้อผ้าที่เรียงรายให้เลือกเต็มไปหมด แต่มุกรินทร์กลับเอาแต่เดินตามเขาต้อยๆไม่เลือกสักตัว
“เอ่อ ในนี้มันแพง...ไปซื้อในตลาดก็...”
“เฮ้อ โอเค ฉันเสียเวลากับเธอมามากแล้ว เดินตามฉันแล้วไปเอารถเข็นตรงนั้นมา”
มุกรินทร์รีบวิ่งไปเข็นรถเข็นมาตามที่เขาสั่ง ก่อนที่จะอ้าปากค้างเมื่อสิงหเรศเล่นกวดเอาเสื้อผ้าทั้งของใช้ต่างๆลงใส่รถเข็นจนเต็ม อะไรที่เขาเห็นว่าเป็นของใช้ผู้หญิงชายหนุ่มกวาดลงจนหมด จนต้องสั่งให้มุกรินทร์ไปเอารถเข็นมาอีกคัน
“เอ่อ...เดี๋ยวฉันเลือกเองดีกว่านะคะ...มันเยอะไป...”
เขาไม่สนใจยังคงกวาดทุกอย่างลงรถเข็นและเพียงเวลาแค่ครึ่งชั่วโมงเขาก็พาเธอออกมาจากห้างสรรพสินค้าพร้อมกับรถเข็นสองคันและถุงใส่ของอีกห้าหกถุงที่ต้องถือมา
“ขาดอะไรอีกไหม”
“ไม่...เอ่อ ไม่แล้วค่ะ...”
หญิงสาวรีบบอกขึ้น เพราะถ้ายังบอกว่าขาดมีหวังไม่มีที่นั่งในรถเป็นแน่
“งั้นไปตลาดสด ซื้ออาหาร”
เขาบอกขึ้นพร้อมกับพาเธอตรงไปที่ตลาดสดซึ่งไม่ไกลจากห้างสรรพสินค้าเท่าไหร่ และก็ไม่ต่างกัน เขาหยิบแทบทุกอย่างซื้อมาแทบทุกสิ่งโดยไม่สนใจเสียงคัดค้านอันแผ่วเบาจากมุกรินทร์เลยสักนิด จนกระทั่งพอใจก็พาเธอกลับมาที่รถ
“หวังว่าเธอจะไม่ต้องแอบออกมาด้วยข้ออ้างไม่มีของใช้อีกนะ”
พอขึ้นมาบนรถเขาก็พูดดักทางเธอทันที จนมุกรินทร์ถึงกับร้องอ๋อในใจเมื่อที่เขากวาดทุกอย่างอย่างนี้ก็เพราะจะไม่ให้เธอออกมากับเสือสมิงค์อีกนั่นเอง และไม่นานรถก็จอดลงอีกครั้งจนมุกรินทร์ที่นึกว่าเขาจะซื้ออะไรให้เธออีกรีบบอกขึ้นทันที
“เอ่อ ฉันไม่อยากได้อะไรอีกแล้ว...”
“ฉันหิว แล้วนี่ก็ร้านอาหาร จะไม่ลงก็ได้นะ ตามใจ”
สิงหเรศขับรถมาจอดหน้าร้านอาหารแห่งหนึ่งก่อนจะเดินลงรถอย่างไม่คิดสนใจอีกคนที่มาด้วยจนมุกรินทร์ที่นั่งชั่งใจว่าจะตามเขาลงไปหรือนั่งรออยู่ในรถดี และสุดท้ายก็เดินตามลงมาเมื่อกลัวว่าเขาจะไม่พอใจเธออีก
“อยากกินอะไรก็สั่ง ถ้าจะนั่งรอเฉยๆกลับไปนั่งรอที่รถโน่น”
“เอ่อ...ค่ะ”
พอเดินมานั่งเขาก็รีบเอ่ยขึ้นเมื่อรู้ดีว่าราคาอาหารของที่นี่ค่อนข้างสูง ถ้าเธอเห็นมันคงไม่ยอมสั่งเขาเลยขู่ออกมาก่อนจะเหล่มองและก็เป็นอย่างที่เขาคิด เมื่อเธอแทบวางเมนูลงทันทีที่เห็นราคาอาหาร
“เอา สามอย่างนี้เลย และขอน้ำผลไม้ปั่นสองที่ครับ”
“ค่ะ รอสักครู่นะคะ”
พนักงานเสิร์ฟตอบรับก่อนจะเดินออกไป
“ฉันสั่งมาแล้ว ชักช้าไม่ทันใจ”
“เอ่อ ค่ะ...”
เขาหันไปบอกมุกรินทร์เพื่อไม่ให้เธอเอาแต่นั่งเลือกอาหาร และไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟ ชายหนุ่มไม่รีรอเมื่อหิวมากมายส่วนอีกคนก็เก้ๆกังๆเมื่อมันมีสารพัดช้อนให้เธอเลือก เกิดมานี่ก็เป็นครั้งแรกที่เธอได้กินอาหารหรูๆแบบนี้ ส่วนสิงหเรศพอได้รองท้องบ้างแล้วจึงค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาสนใจคนตรงข้าม ก่อนจะเข้าใจในทันที
“ใช้นี่ แล้วนี่ก็ช้อนซุป ส่วนนี้ช้อนของหวาน”
“............”
มุกรินทร์ทำตามที่เขาบอกก่อนจะเริ่มกินบ้าง และก็เริ่มดีขึ้นเมื่อเธอสังเกตและทำตามเขาแทบทุกอย่างจนคนที่รู้แอบทำช้าๆให้เธอสังเกตได้
“สิงห์! ใช่สิงห์จริงๆด้วย!”
ในขณะที่ทานอาหารใกล้เสร็จแล้วนั้น อยู่ๆเสียงหวานก็ดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของ ศศิ ลูกสาวนายอำเภอหนึ่งในคู่นอนของสิงหเรศ
“เมื่อคืนศิไปหาคุณที่คาสิโนทำไมไม่เจอคะ ศิคิดถึงคุณแทบแย่เลยรู้ไหม”
ศศิเดินเข้ามาซบลงที่แขนล่ำโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้างอย่างออดอ้อน ทำเอาอีกคนที่ร่วมโต๊ะด้วยรีบวางช้อนเพื่อจะขอตัวออกไป เพราะคิดว่าเขาอาจอยากคุยกับเธอเป็นการส่วนตัว
“จะไปไหน นั่งลง”
“เอ่อ...”
“อะไรคะ แล้วแม่นี่เป็นใครคะสิงห์”
ศศิหันมามองมุกรินทร์ตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างดูถูก ก่อนจะหันกลับไปซบลงที่เดิมพร้อมกับถามขึ้น
“คนรับใช้”
เขาบอกออกมาอย่างไม่ต้องคิด
“ถึงว่า...แล้วทำไมต้องให้นั่งร่วมโต๊ะล่ะคะ แค่คนใช้”
“ผมแวะกินแปปเดียวเดี๋ยวก็จะกลับแล้ว มีงานต้องทำ ว่าแต่ คุณมากับใครล่ะ”
“อ้อ ศิมากับ เอ่อ เพื่อนน่ะค่ะ ไปเข้าห้องน้ำเดี๋ยวคงตามมา”
ทั้งสองยังคุยกันต่อโดยไม่สนใจอีกคนเลยสักนิดเมื่อตอนนี้มุกรินทร์แทบอยากหายตัวไปจากตรงนี้เสียให้รู้แล้วรู้รอด เมื่อน้ำตาเอ่อล้นแทบไหลออกมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งกับชีวิตอันแสนไร้ค่าไร้ราคาของตนเอง
“เดี๋ยวฉันขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ”
สุดท้ายเธอก็บอกขึ้นแล้วรีบเดินออกมาโดยไม่สนใจสายตาที่มองตามมาเลยสักนิด เมื่อสิงหเรศรู้และเห็นทุกปฏิกิริยาของเธอแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะเอ่ยขอตัวแล้วให้พนักงานมาเก็บเงินเพราะรู้ดีว่ามุกรินทร์คงไม่เดินกลับเข้ามาอีกแล้วเธอคงไปรอเขาอยู่ที่รถ ส่วนศศิก็ไม่ได้ขัดขวางเขาเอาไว้เพราะถ้าขืนยื้อให้เขาอยู่มีหวังรถไฟได้ชนกันเป็นแน่เพราะเธอก็มาทานข้าวกับคู่ควงคนใหม่ของเธอเหมือนกัน
จากนั้นสิงหเรศก็พามุกรินทร์กลับมาที่บ้านท้ายไร่โดยไม่ได้พูดอะไรกันออกมาอีกเลยสักคำ พอมาส่งเธอแล้วเขาก็ขับรถออกจากบ้านไปทิ้งให้มุกรินทร์เอาของไปเก็บคนเดียวและกว่าจะเสร็จก็เหนื่อยโขเลยทีเดียวเมื่อป้าศรีกลับบ้านพักไปเรียบร้อยแล้ว
“อีตาบ้านั่นคงออกไปหาแม่สาวนมโตคนนั้นสินะ...เฮ้ย! คิดอะไรเนี่ยมุก แกบ้าไปแล้วรึเปล่าห๊ะ!”
พอทำทุกอย่างเรียบร้อยอยู่ดีๆมุกรินทร์ก็ดันคิดไปถึงสิงหเรศจนต้องรีบสะบัดความคิดนั้นทิ้งเมื่อเธอดันรู้สึกไม่ชอบใจกับสิ่งที่ตนเองคิดเลยสักนิด