“จะเอายังไงคะ ปิ่นเป็นของพี่เสือแล้ว พี่เสือต้องรับผิดชอบนะคะ”
“....................”
“พี่เสือ! นี่กะจะนั่งเงียบยันเย็นเลยเหรอคะ พูดอะไรออกมาหน่อยสิ”
ทางด้านเสือสมิงค์กับปิ่นปักษ์ ตอนนี้กำลังนั่งคุยกันอยู่ในห้องโดยที่ชายหนุ่มแทบไม่ยอมพูดอะไรออกมาเลยสักคำนอกจากนั่งนิ่งเอามือปิดหน้าอย่างคิดอะไรไม่ออก เพราะความเมาและย***านั่นแท้ๆทำให้เขาทำเรื่องผิดพลาดขึ้นมาอีกจนได้
“ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้...เธอเป็นคนเอาย***าๆนั่นมาให้พี่กิน! ทำไมห๊ะปิ่น!”
เสือสมิงค์หันมาเล่นงานปิ่นปักษ์พร้อมกับจับร่างเล็กเขย่าไปมาอย่างหมดความอดทนจนร่างบางปลิวไปตามแรงของเขา
“พี่เสือ ปิ่นเจ็บนะคะ ปล่อย โอ๊ย แรงไปแล้วนะคะพี่เสือ”
ปิ่นปักษ์บอกขึ้นพร้อมกับพยายามแกะมือเขาออกเมื่อเขาบีบแรงจนเธอเจ็บร้าวไปหมดทั้งแขน ส่วนเสือสมิงค์ที่ลืมตัวนั้นค่อยๆปล่อยเธอให้เป็นอิสระ
“พี่ขอโทษ...แต่เรื่องเมื่อคืนพี่รับผิดชอบเราไม่ได้จริงๆ”
พูดจบเสือสมิงค์ก็เดินหนีออกไปทันทีทิ้งให้ปิ่นปักษ์ได้แต่นั่งอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน ก่อนจะหันไปมองตามหลังของคนที่พึ่งเดินจากไปด้วยหัวใจที่เจ็บร้าว เธอยอมขนาดนี้แล้วแท้ๆยังแทบไม่เฉียดเข้าไปใกล้หัวใจของเขาเลยสักนิด
“ปิ่นไม่ยอม ได้ยินไหมคะว่าปิ่นไม่ยอม!”
ปิ่นปักษ์ตะโกนตามหลังของเขาไป เมื่อเธอลงทุนทำถึงขนาดนี้แล้วจะให้ถอยเธอคงทำไม่ได้ ในเมื่อเรื่องระหว่างเธอกับเขามันได้ข้ามเส้นที่เรียกว่าพี่น้องมาได้แล้ว เธอจะสานต่อให้สำเร็จให้ได้ ปิ่นปักษ์ได้แต่คิดสาบานกับตัวเองก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าที่อยู่ด้านนอกแล้วขับรถออกจากบ้านหลังนี้ไปทันที
“เฮ้อ กว่าจะเสร็จ...แล้วพวกนี้ล่ะ คนละไซส์จะทำยังไงดี”
กลับมาทางด้านมุกรินทร์ที่พึ่งเก็บของและคัดของที่เธอใช้ได้และใช้ไม่ได้ออกจากกันพร้อมกับมองไปยังของใช้ที่เธอใช้ไม่ได้อย่างแสนเสียดาย เมื่อของแต่ละอย่างมีแต่ราคาสูงๆทั้งนั้นจะทิ้งก็เสียดายเลยตัดสินใจเก็บใส่ถุงกระดาษแล้วหอบเดินออกจากบ้านไป
“พี่จ๊ะ พี่มีลูกสาวไหม เอ่อ พอดีฉันมีของใช้ที่ไม่ได้ใช้เผื่อจะมีคนใช้ได้น่ะจ่ะ”
มุกรินทร์เดินมาจนถึงกลุ่มพวกคนงานที่กำลังนั่งพักผ่อนพร้อมกับจับกลุ่มกินของว่างกันอยู่ ทุกคนต่างมองมาที่เธออย่างนึกแปลกใจ เมื่อรู้กันอยู่แล้วว่ามีคนมาอยู่ใหม่ที่บ้านท้ายไร่แต่พึ่งเคยเจอตัวก็วันนี้เลยอดที่จะแปลกใจไม่ได้
“มีครับ...ว่าแต่มันคืออะไรน่ะ”
“อ้อ ก็เป็นพวกเสื้อผ้ากับของใช้จ้ะ ลองดูก็ได้เผื่อลูกสาวพวกพี่ใส่ได้”
มุกรินทร์รีบเดินเอาถุงกระดาษที่ถืออยู่มาวางให้พวกคนงานได้เลือกโดยไม่รู้เลยว่าในกลุ่มพวกคนงานกำลังมีคนจับจ้องมองเธอด้วยสายตาหื่นกระหาย เพราะคิดว่าหญิงสาวเป็นคนใช้คนใหม่ของเจ้านาย คงไม่ผิดถ้าจะคิดสานสัมพันธ์เมื่อคนตรงหน้าขาวสวยขนาดนั้น
“แล้วเจ้าของล่ะจ๊ะ ขอด้วยได้รึเปล่า พอดียังไม่มีเมีย เลยไม่มีลูกด้วย”
พอสิ้นคำพูด เสียงโห่แซวก็ดังขึ้นไม่ขาดสาย จนมุกรินทร์ที่พึ่งสังเกตรีบลุกขึ้นยืนทันที
“เอ่อ งั้นเอาไปแบ่งให้เด็กๆเลยนะจ๊ะ เดี๋ยวฉันขอตัว...”
“โธ่ เดี๋ยวสิ ขอเบอร์หน่อยได้ไหม หรือว่าให้ไปหาที่บ้านท้ายไร่ก็ได้นะ เผื่อเวลาเหงาๆ...”
“เหงาพ่อมึงสิ! ถ้าเหงานักไปนอนคุยกับยมบาลไหมห๊ะ!”
ยังพูดแซวไม่ทันจบร่างใหญ่ก็กระเด็นลอยไปนอนแอ้งแม้งบนพื้นดิน เมื่อสิงหเรศที่กลับมาแล้วไม่เจอมุกรินทร์เลยเดินออกมาตามหา และพบว่าเธอกำลังคุยอยู่กับพวกคนงานเขาเลยแอบเดินเข้ามาดูเงียบๆเพราะอยากรู้ว่าเธอต้องการจะทำอะไรกันแน่ ก่อนจะได้ยินที่พวกคนงานพูดกับเธอเขาถึงกับทนไม่ไหว วิ่งเข้ามาแล้วกระโดดถีบไปกลางอกของคนงานที่เดินเข้ามาหามุกรินทร์ทันทีจนพวกคนงานที่นั่งกันอยู่ตกใจรีบลุกขึ้นมองก่อนจะพบว่าเป็นสิงหเรศทำเอาอ้าปากค้างกันเป็นแถบๆ
“นะ...นายสิงห์!”
“นี่ผู้หญิงของกู! พวกมึงคนไหนกล้ามองกูจะควักลูกตาออกมาให้หมากินซะ!”
“ขะ...ขอโทษครับนาย พะ...พวกเราไม่รู้ว่าเธอคือผู้หญิงของนาย”
เสียงคนงานที่โดนกระโดดถีบละล่ำละลักพูดออกมาพร้อมกับยกมือไหว้อย่างหวาดกลัว เมื่อใครๆต่างก็รู้ดีว่าอะไรที่เป็นของสิงหเรศนั้นห้ามแตะต้องอย่างเด็ดขาดขนาดบ้านท้ายไร่ยังแทบไม่มีใครกล้าเดินเข้าไปใกล้เพราะสิงหเรศเคยสั่งเอาไว้
“ส่วนเธอคิดจะอ่อยคนงานรึไงถึงเดินเข้ามาในกลุ่มผู้ชายแบบนี้ห๊ะ! กลับบ้าน!”
พอเล่นงานพวกคนงานเสร็จสิงหเรศก็อดหันไปตะคอกใส่ตัวต้นเหตุไม่ได้ ทำเอามุกรินทร์ที่ยืนอึ้งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถึงกับสะดุ้งตกใจรีบเดินหนีออกไปทันที
“ส่วนพวกมึง ครั้งนี้กูจะไม่เอาเรื่อง แต่ถ้ามีอีกครั้งกูไม่ปล่อยเอาไว้แน่!”
“คะ...ครับๆ พวกเราจะไม่ทำอีกแล้วครับนายสิงห์”
พอพูดจบสิงหเรศก็เดินตามหลังมุกรินทร์ไปทันทีปล่อยให้พวกคนงานได้แต่มองอย่างโล่งใจ เพราะคิดว่าจะโดนไล่ออกกันเสียแล้ว
“หยุด!”
“..........”
เสียงสั่งของสิงหเรศดังขึ้นเมื่อเดินตามมาจนเกือบทันมุกรินทร์แล้ว ก่อนเขาจะเร่งฝีเท้าจนสามารถดึงแขนเล็กแล้วกระชากเข้ามาหาตัวได้สำเร็จ
“ฉันบอกให้เธอหยุดไม่ได้ยินรึไงห๊ะ!”
“ฉะ...ฉันไม่ได้ตั้งใจ อย่าทำอะไรฉันเลยนะ”
เสียงสั่นของมุกรินทร์รีบบอกขึ้นอย่างหวาดกลัว ทำเอาคนที่มองอยู่ถึงกับคลายแรงบีบลงเมื่อเห็นท่าทางของเธอ
“ทำไมต้องทำท่าทางกลัวฉันขนาดนั้น ทีหลังก็จำไว้ อย่าออกมาเดินเพ่นพ่านอีก ในไร่นี้ผู้ชายเยอะหรือว่าเธออยากเป็นเมียของพวกมันอีกคนล่ะ”
“ไม่...ฉันแค่...เอาของมาให้เด็กผู้หญิง...ไม่คิดว่า...”
“ทีหลังก็ระวังหน่อย ทางที่ดีอย่าก้าวออกจากบ้านเกินร้อยเมตร”
“ค่ะ...เข้าใจแล้ว...”
พอเธอตอบรับ สิงหเรศก็ปล่อยแขนแล้วเดินนำเธอกลับมาที่บ้าน ส่วนมุกรินทร์ที่คิดว่าคงโดนทำโทษหนักแน่ๆได้แต่มองแผ่นหลังใหญ่อย่างแปลกใจ เขาไม่ได้ดุด่าหรือทำร้ายเธอเลยสักนิดนอกจากตักเตือน
“ทำข้าวให้กินหน่อย”
“คะ? เอ่อ ค่ะ”
เขาหันกลับมาสั่งก่อนจะเดินหายเข้าบ้านไป ส่วนมุกรินทร์ก็รีบเข้าครัวทันที เขาบอกว่าไม่กินไข่ เธอเลยจัดเตรียมอาหารง่ายๆเอาไว้สองสามอย่างก่อนจะเดินไปเคาะประตูห้องของเขา
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“อาหารเสร็จแล้วค่ะ”
เธอตะโกนบอก แต่ก็ไร้การตอบรับ มุกรินทร์เลยตัดสินใจลองเคาะอีกครั้งเพราะกลัวว่าถ้าเกิดเขาไม่ได้ยินจะพาลโกรธหาว่าเธอไม่เรียกเขาอีก
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“คุณสิงห์...อาหารเสร็จแล้วนะ”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“คุณสิงห์! ได้ยินไหมอาหารเสร็จแล้ว...หรือว่าไม่อยู่ในห้อง...”
พอคิดได้แบบนั้นมุกรินทร์เลยลองเปิดห้องของเขาเข้าไป ก่อนจะพบว่าร่างใหญ่นอนแผ่หลาอยู่บนเตียงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำเอาคนที่เดินเข้ามาอดลังเลไม่ได้กลัวว่าปลุกเขาขึ้นมาแล้วเขาอาจจะโกรธ และถ้าไม่ปลุกเขาก็อาจจะโกรธเธออีกเหมือนกัน
“คุณสิงห์...คุณ...อาหารเสร็จแล้วนะ...คุณสิงห์...”
มุกรินทร์พยายามเรียกให้เขารู้สึกตัวแต่สิงหเรศกลับแทบไม่ไหวติง เธอเลยเดินเข้าไปใกล้แล้วเรียกเขาอีกครั้ง พลันร่างใหญ่ก็ลืมตาขึ้นพร้อมกับเอื้อมมือมาจับแขนกระชากให้เธอลงไปนอนทับอยู่บนตัวเขา
“ว๊าย! เอ่อ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะกวน แต่จะมาเรียก อื้อออออ”
ปากเล็กละล่ำละลักบอกขึ้นพร้อมกับพยายามดิ้นลงจากตัวเขา แต่สิงหเรศไม่ได้ปล่อยให้เธอได้ทำอย่างที่เธอต้องการเมื่อชายหนุ่มยกหน้าขึ้นมากดจูบลงไปบนปากบางที่พูดไม่หยุดตั้งแต่อยู่หน้าห้องให้เขาได้รำคาญ อุตส่าคิดว่าจะงีบหลับสักหน่อยแท้ๆ
“หยุดดิ้น”
เขากระซิบสั่งออกมาอย่างขัดใจก่อนที่มุกรินทร์จะหยุดนิ่งไปทันที จากนั้นชายหนุ่มก็กดจูบลงไปบนปากเล็กอีกครั้ง ทำเอามุกรินทร์ถึงกับรีบกลั้นหายใจทำตัวแข็งทื่อ ไม่นานเธอก็ค่อยๆโอนอ่อนผ่อนตามเมื่อเขาไม่ได้จาบจ้วงและหยาบกระด้างเหมือนเมื่อคืนนั้นเลยสักนิด จูบของเขาครั้งนี้เต็มไปด้วยความอ่อนโยนและเรียกร้องจนหญิงสาวค่อยๆตอบสนองกลับไปช้าๆและไม่นานเธอก็หลุดเข้าไปสู่วังวนที่สิงหเรศต้องการ ตาคมปรือขึ้นมองหน้ามุกรินทร์ก่อนจะหลับลงอีกครั้งพร้อมกับแรงกอดรัดร่างเล็กแน่นขึ้นเรื่อยๆ
จากนั้นสิงหเรศก็ไม่รีรอมือใหญ่กระวนกระวายถอดชุดที่เธอใส่อยู่ออกพร้อมกับเริ่มปัดป่ายลูบคลำหนักหน่วงไปตามกายสาว ปากร้อนเริ่มไม่อยู่นิ่งดอมดมไปตามหน้าสวยก่อนจะทนไม่ไหวพลิกร่างเล็กที่เคลิ้มไปไกลแล้วให้นอนราบลงบนเตียงแทนที่เขา
“อื้มมมมมม”
เสียงครวญครางแห่งความพึงพอใจดังขึ้นไม่ขาดสาย เมื่อปากร้อนค่อยๆไต่ลงมาตามกายสาวเนียนขาว ก่อนจะมาหยุดเล่นอยู่ตรงสองปทุมถันอวบใหญ่
“อ๊ะ เจ็บ อื้ออออ”
“จ๊วบๆๆๆ อื้ม จุ๊บบบ”
สิงหเรศไม่ได้สนใจเสียงร้องของเธอ เมื่อตอนนี้กำลังหลงมัวเมาอยู่กับก้อนกลมกลึงทั้งสอง ปากร้อนเฝ้าดูดดึงพร้อมทั้งใช้มือบีบคลึงอย่างกระสันก่อนจะเลื่อนลงมาหากลางกายสาว
“อ๊ะ! คะ...คุณ อ๊า จะ...เจ็บ อื้ออ อ๊ะ เจ็บ...”
พอนิ้วยาวสอดใส่เข้าไปควานหาน้ำหวานใส เสียงร้องของมุกรินทร์ก็ดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับพยายามบิดร่างหนีเมื่อความแข็งขึงของมันกำลังแหวกลึกเข้าไปในช่องแคบของเธอ สิงหเรศค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามองหน้าเธออีกครั้งอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่เขากำลังเป็นอยู่ ตอนนี้ความโกรธ เกลียด หรือไม่พอใจในตัวของมุกรินทร์เหมือนกับครั้งแรกที่เขาได้เจอนั้นแทบไม่มี หรือว่าเขาก็หลงเสน่ห์เธอเข้าให้อีกคน พอคิดได้แบบนั้นชายหนุ่มกลับเริ่มกัดกรามแน่น สายตาที่ดูอ่อนโยนเมื่อกี้พลันแข็งกระด้างขึ้นมาทันที
“เธอเป็นของฉัน จำเอาไว้!”
“อ๊ะ! เจ็บ อื้อ ฉันเจ็บ อ๊ะ! อ๊ะ จะ...เจ็บ!”
สิงหเรศบอกขึ้นเสียงดังพร้อมกับเริ่มจาบจ้วงรุนแรงจนมุกรินทร์ต้องบิดตัวงอเข้าหากันแน่นด้วยความเจ็บปวด หญิงสาวเผลอกดจิกเล็บลงไปบนแขนล่ำของเขาจนสิงหเรศรู้สึกเจ็บ สติจึงค่อยๆกลับมาอีกครั้งพร้อมกับแรงสอดใส่ของนิ้วใหญ่ค่อยๆผ่อนแรงลง
“เธอเป็นของฉัน เข้าใจไหม...”
เขากระซิบบอกขึ้นเสียงแผ่วเบาแต่มุกรินทร์ได้ยินเต็มสองหูเมื่อทั้งห้องมีเพียงเสียงหอบกระเส่าของเธอที่ดังอยู่ และก็ต้องสะดุ้งสุดตัวอีกครั้งเมื่อความใหญ่โตเข้ามาแทนที่นิ้วยาวของเขาอย่างไม่ทันให้เธอได้ตั้งตัว
“อ๊าาาาาา”
จากนั้นสิงหเรศก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก นอกจากเสียงครางในลำคอที่บ่งบอกว่าเขากำลังเสียวซ่านและสุขสมมากมายขนาดไหนซึ่งก็ไม่ต่างจากมุกรินทร์ เมื่อครั้งนี้ช่างแตกต่างจากครั้งก่อนราวฟ้ากับนรก เมื่อตอนนี้เธอกำลังล่องลอยอยู่บนปุยเมฆอย่างสุขสันต์ก่อนจะโดนเขาฉุดดึงลงมาครั้งแล้วครั้งเล่าแล้วก็ปล่อยให้เธอได้ล่องลอยวนไปมาอยู่อย่างนั้นโดยพากันลืมไปสนิทเลยว่ามีอาหารรออยู่ด้านนอก