เมษเองก็รับรู้ถึงความพึงพอใจของคนงาน และเขาเองก็ไม่ต้องทนกระเดือกอาหารรสชาติไม่เอาไหนอีกต่อไป
ป้าเจิดเองก็ดูมีความสุขที่ได้เป็นลูกมือของกันยา เพราะตอนที่ตัวเองเป็นแม่ครัวนั้น ต้องคิดเมนูจนหัวแทบแตก พอกันยาเข้ามาจัดการนางก็ไม่ต้องปวดหัวอีกต่อไป
กันยาเป็นคนคิดเมนูเองทุกวัน คิดล่วงหน้าไปเป็นอาทิตย์ บริหารจัดการเงินสำหรับซื้อวัตถุดิบเองอย่างลงตัว แถมยังเหลือเงินอีกด้วย ซึ่งเรียกว่าบริหารเงินเก่ง ในขณะที่นางเองซื้อของขาดๆ เกินๆ มาตลอด
เมษเองก็สังเกตภรรยาเงียบๆ เธอทำบัญชีรายรับรายจ่ายให้เขาตรวจดูทุกวัน มีเงินส่วนที่เหลือก็จะเก็บเอาไว้ เมษไม่ได้รับคืนเมื่อภรรยานำมาให้ เธอจึงหยอดกระปุกออมสินหมูตัวใหญ่เอาไว้
เมษพูดไปแบบนั้นเอง จริงๆ แล้ว จะให้เธอเก็บส่วนเกินนั้นเอาไว้ใช้จ่ายสิ่งของที่อยากได้ แต่กันยาไม่ใช่คนใช้จ่ายฟุ่มเฟือยอยากได้โน่นอยากได้นี่ เธอจึงไม่เคยคิดจะนำเงินส่วนนั้นมาใช้จ่ายเลย
ในขณะที่เมษไม่ได้อยากนึกเปรียบเทียบเธอกับพี่สาวอย่างกิรณา แต่ก็อดคิดไม่ได้เพราะคบกันอยู่นานนับปี กิรณาใช้จ่ายฟุ่มเฟือย หัวสูง และไม่ชอบการอยู่ไร่ เขาเคยพาเธอมาที่นี่ และครั้งต่อๆ ไปเธอก็จะปฏิเสธโดยการอ้างโน่นอ้างนี่เพื่อหลีกเลี่ยงการมาที่ไร่
“พี่เมษคะ วันนี้กันยาจะขอพี่เมษไปตลาดไปซื้อวัตถุดิบมาไว้ทำกับข้าวพรุ่งนี้หน่อยน่ะค่ะ” กันยาเอ่ยขอสามี การใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันกับเขาเป็นไปในทางที่ดีและราบรื่นขึ้น
เมษก็คือเมษไม่ค่อยพูดหรือพูดบ้างก็น้อยคำ แต่เขาเป็นคนตรงไปตรงมา ฟังแล้วเข้าใจง่าย เธอคิดว่าเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของเขาเพราะเธอเองก็ไม่ได้ต้องการผู้ชายเจ้าชู้พูดจาหวานหูมีแต่คำโหกอย่างที่พี่สาวของเธอชอบนักหนา
กิรณาเคยวิจารณ์เมษให้เธอฟังว่าเป็นคนไร้เสน่ห์ เฉยเมย และเอาใจไม่เก่ง แตกต่างจากผู้ชายที่เคยคบ แต่ที่พี่สาวของเธออยากคบหากับเมษเพราะเขาแปลกจากผู้ชายคนอื่นๆ และพี่สาวของเธอก็อยากเอาชนะเมษโดยการเป็นแฟนกับเขาให้ได้ เนื่องจากเจอกันครั้งแรกเขาเฉยเมยแตกต่างจากคนอื่น
กันยาคิดว่าความรักไม่ใช่การเอาชนะ ในเมื่อการคบหากันมีจุดประสงค์บางอย่าง มันเลยจบไม่สวยแบบนี้ และเธอก็หวังว่าพี่สาวคงมีความสุขกับหนทางที่ตัวเองเลือกในตอนนี้
“ไปสิ” เขาตอบรับ จับมือของเธอเดินไปที่รถ
“พี่เมษจะไปไหนคะ”
“ไหนบอกว่าจะไปซื้อของที่ตลาด”
“แล้วพี่เมษจะไปด้วยเหรอคะ”
“ฉันไม่ไปแล้วใครจะไป”
“กันยาคิดว่าจะไปกับลุงเสริมน่ะค่ะ ไม่ได้จะรบกวนพี่เมษ” เขาไม่ได้พูดอะไรต่อแต่ดึงเธอไปยังรถ อยู่ด้วยกันมาระยะหนึ่งแล้ว เธอจึงรู้ว่าเขาต้องการอะไร กันยาไม่ได้ถามอะไรอีก รีบขึ้นไปนั่งบนรถเคียงคู่กับสามี
“คะ?” เธอมองหน้าเขาอย่างเป็นคำถามเมื่อเห็นเขามองเธอไม่วาง เมษไม่พูดอะไรแต่ขยับเข้ามาใกล้ มองสบตาเธอ กันยาหลับตาปี๋ เม้มปากเข้าหากัน หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ
“นึกว่าฉันจะจูบหรือไง” ประโยคของเขาทำให้เธอลืมตาขึ้นและพบว่าเขารัดเข็มขัดนิรภัยให้เธอเรียบร้อยแล้ว
เธอก็ไม่ได้คิดว่าเขาจะจูบเสียหน่อย กันยาหน้าแดง เหลือบมองสามีที่ตั้งอกตั้งใจขับรถออกจากไร่แล้วเผลอยิ้ม
เขาเลื่อนมือมาเปิดเพลงฟัง แต่เพลงที่เปิดมันเป็นเพลงบอกรัก เธอยิ่งหน้าแดง เหลือบมองคนหน้านิ่งแล้วยิ้มเขิน ทำหน้านิ่งๆ แบบนี้แต่การกระทำอีกอย่างทำให้เธอรู้สึกหัวใจเต้นแรงและอบอุ่นเหลือประมาณ
เขาเปิดประตูรถให้เธอหลังจากถึงตลาด เมษมีน้ำใจกับเธอมากขึ้น จนกันยารู้สึกว่าเขาเป็นสามีของเธอจริงๆ และเธอไม่ใช่ลูกหนี้ของเขาเหมือนที่เขาเคยประกาศกร้าวเอาไว้แต่แรก
เธอมักจดรายการอาหารเอาไว้มากมาย เลยมีรายการที่จะต้องซื้อตุนเอาไว้ตลอดอาทิตย์ ส่วนใหญ่แล้วอาหารสดจะแช่แข็งไว้ ส่วนผักผลไม้จะเก็บจากในไร่ในสวน มีวัตถุดิบอื่นๆ พวกเครื่องปรุงและเครื่องครัว เธอจะซื้อไว้เป็นอาทิตย์เหมือนอาหารสดที่นำไปแช่แข็ง
“รอเดี๋ยว ไปเข้าห้องน้ำก่อน” เขาเอ่ยบอกภรรยา
กันยายืนรอเขาอย่างสงบนิ่งอยู่ข้างรถ ด้วยว่าเมษนั้นไม่ชอบพูดจาซ้ำซาก เขาชอบตามติดเธอไปซื้อของ ช่วยถือโน่นถือนี่ด้วย
“กันยา” เสียงของวีระพี่รหัสสุดหล่อของเธอดังขึ้น
“พี่วี” กันยาอุทานที่เห็นเขา วีระเป็นพี่รหัสที่แสนใจดีและชอบแกล้งชอบอำคนอื่น เขาเข้ามากอดรัดเธอแนบอกก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้เธอหน้าแดง
“ไม่ได้เจอกันตั้งนาน นมโตขึ้นเป็นกองเลยนะ”
“พี่วี ปล่อยกันยาก่อนค่ะ” เธอรีบบอกเขา เพราะเขาอุ้มเธอตัวลอยขึ้นจากพื้น
ในขณะที่กันยาพยายามบอกให้เขาปล่อย ร่างของ วีระก็โดนกระชากออกไปเต็มแรง พร้อมด้วยหมัดหนักๆ ที่กระแทกเข้ากับปลายคางจนเขาล้มกระแทกพื้น เลือดกบปาก เสียงกรีดร้องดังขึ้น ในขณะที่กันยาเองก็ยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ
ในขณะที่เมษโกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขาตรงเข้าหา ทำท่าจะกระแทกหมัดหนักๆ ใส่อีกครั้ง กันยารีบเข้าไปห้ามปรามเอาไว้เสียก่อน
“พี่เมษ อย่านะคะ” กันยาเข้าขวางเอาไว้
“กอดกับผู้ชายกลางตลาด ไม่อายผู้คนหรือยังไงกันยา หรือว่าเธอไม่มียางอาย” เมษตวาดลั่นทำให้กันยาสะดุ้งสุดตัว วีระรีบลุกขึ้น เขาเช็ดเลือดที่ปาก ถึงกับมึนที่โดนต่อยแบบไม่ทันตั้งตัว
“ใจเย็นๆ ก่อนนะคุณ คุณเป็นใครนี่ จู่ๆ มาต่อยผมแบบนี้” วีระเอ่ยถาม
“เป็นผัวของผู้หญิงที่คุณกอดไง” ประโยคดุดันแข็งกร้าวของเมษทำให้วีระกะพริบตาปริบๆ เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่ากันยาแต่งงานแล้ว
“กันยาแต่งงานแล้วเหรอครับ” เขาหันมาถามน้องรหัสด้วยความแปลกใจ ตอนสมัยเรียน กันยาเป็นเด็กดี เรียนเก่ง และค่อนข้างจะเรียบร้อย ไม่สุงสิงกับผู้ชายคนไหน เรียนเสร็จก็กลับบ้านโดยมีรถที่บ้านมารับ ไม่เที่ยวเตร่ ไม่เคยทำตัวเหลวไหล พอกลายเป็นรุ่นพี่ก็ใจดีกับรุ่นน้องและน้องรหัสเป็นอันมาก จึงเป็นที่รักของทุกคนและเป็นขวัญใจของคณะอีกด้วยเพราะเป็นคนมีน้ำใจ เวลามีงานอะไรกันยาจะเป็นคนคอยประสานงานช่วยเหลือคนอื่นได้เป็นอย่างดี ยิ่งเวลาออกค่ายอาสาหรืออะไรก็จะช่วยจัดการเรื่องอาหารการกิน
“ใช่ค่ะ” กันยาเอ่ยถาม ก่อนที่มือน้อยจะโดนกระชากไปที่รถ
“กลับบ้านได้แล้ว”
“แต่พี่เมษคะ กันยายังไม่ได้ซื้อของเลยนะคะ”
“เธอจดรายละเอียดมา ฉันจะให้คนงานมาซื้อให้ แล้วเธอก็ไม่ต้องมาอีก” เมษยอมรับว่าเขาโมโหหึง หึงเอามากๆ เขาขับรถกลับบ้านราวพายุ ในขณะที่วีระมองตามรถกระบะคันโตไปจนสุดตา เขาไม่ได้ตั้งใจทำให้ทั้งสองผิดใจกัน และไม่คิดว่าสามีของกันยาจะขี้หึงขนาดนี้
“โอ๊ย!” กันยาร้องเสียงหลงเมื่อโดนเหวี่ยงเข้าไปในห้องนอนกว้าง สามีของเธอหน้าตาบึ้งตึงอย่างที่สุด
“พี่เมษ ว้าย! ปล่อยนะคะ” เธอร้องประท้วงเมื่อเขาทาบทับเข้ามาหาเธอทั้งตัว
“ทำอะไรงามหน้านักนะ เหมือนพี่สาวเธอไม่มีผิด”
“กันยาไม่ได้ตั้งใจนะคะ จู่ๆ พี่วีก็เข้ามากอด”
“แล้วเธอก็ยอมให้มันกอด”
“เขามากอดกันยาเอง”
“แสดงว่าตอนอยู่มหาวิทยาลัยเธอให้ผู้ชายกอดบ่อยอย่างนั้นเหรอ ผู้ชายหน้าไหนเห็นเข้าถึงกอดเธอได้ แม้แต่ในตลาดแบบนั้น” เขาเอ่ยถามอย่างด้วยน้ำเสียงดุดัน
“พี่วีเป็นพี่รหัส เราสนิทกัน”
“สนิทกันขนาดไหน” เขากระชากเธอเข้าห้องน้ำก่อนจะใช้น้ำจากฝักบัวราดไปตามเนื้อตัวของเธอ
“ล้างออกไปซะสัมผัสของผู้ชายพวกนั้น แล้วอย่าให้ฉันเห็นว่าเธอไปกอดกับใครอีก” เขาถูเนื้อตัวของเธอแรงๆ
“พี่เมษ กันยาเจ็บนะคะ ว้าย!” เสียงฉีกทึ้งเสื้อผ้าทำให้เธอสะดุ้งสุดตัว
“เสื้อผ้าพวกนี้ก็ห้ามใส่อีก เป็นรอยสัมผัสของผู้ชายคนอื่น ต่อจากนี้ไปไม่ต้องออกจากไร่อีก กับข้าวกับปลาก็ให้คนงานไปซื้อ เธออยากได้อะไรก็จดไปแล้วกัน”