เขาสลัดความคิดเรื่องของเธอทิ้งไป และคิดว่าป่านนี้เธอคงจะทำอาหารอยู่ในครัวหรือทำอะไรอยู่ในบ้านที่ไหนสักแห่ง
เมษอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่แล้วเดินลงมาด้านล่าง เจอเข้ากับป้าแจ่มจันทร์ที่เดินออกมาจากห้องครัว
“กันยาล่ะครับป้า” อดที่จะถามถึงอีกคนไม่ได้ เพราะเธอไม่ได้ออกมาต้อนรับยกน้ำท่ามาให้เขาดื่มอย่างที่ภรรยาที่ดีควรจะทำ
“ยังไม่กลับมาเลยนะคะ นี่ฝนก็ตกหนักเสียด้วย ป้าเลยเข้าครัวทำกับข้าวไปก่อนค่ะ เดี๋ยวจะได้เวลาตั้งโต๊ะแล้ว ป้าขอโทษค่ะ ฝนตกหนักไม่ได้ยินเสียงรถเลยค่ะ” ป้าแจ่มจันทร์เอ่ยขอโทษขอโพยเป็นการตบท้าย ตอนแรกนางคิดว่ากันยาออกไปกับเจ้านายหนุ่มเสียอีก
ท่านสาละวนอยู่กับการให้สาวใช้หั่นผักเตรียมอาหาร จึงไม่ได้ออกมาต้อนรับผู้เป็นนาย
“เหรอครับ” เมษขมวดคิ้วเข้าหากัน เพราะไม่แน่ใจว่ากันยาไปไหน แล้วเขาก็ต้องกะพริบตาปริบๆ เธอคงไม่บ้าตัดอ้อยอยู่อีกหรอกนะ
เมษรีบวิ่งออกมาจากบ้านแบบไม่คิดชีวิต และคนที่เขากำลังคิดว่าไม่น่าจะตัดอ้อยอยู่อีก กำลังยืนตัดอ้อยอยู่ท่ามกลางสายฝน
กันยามองอ้อยอีกมากมายตรงหน้าแล้วละล้าละลัง ถ้ากลับไปตอนนี้ต้องโดนเมษดุด่าแน่ๆ เธอกลัวเขาโกรธและทำอะไรรุนแรงอีก หญิงสาวยืนตัวสั่น อากาศที่ร้อนระอุในช่วงกลางวันหายไป แต่กลับมีสายฝนเย็นๆ มาแทนที่ ฝนตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา ทำเอาเธอหนาวเหน็บจับขั้วหัวใจ
หญิงสาวเงยหน้ามองสายฝนที่ตกกระหน่ำลงมาเหมือนกลั่นแกล้ง สติของเธอดับวูบลงไปในทันที
เมษเอ่ยถามคนงานบางคนที่ยังยืนหลบฝนอยู่ตรงเพิงพักที่โรงครัว บางคนก็กลับบ้านพักไปแล้ว
“เห็นกันยาไหม” เขาเอ่ยถาม ทุกคนส่ายหน้าไปมา
“ไม่เห็นเลยค่ะนาย ตอนกลางวันก็ไม่ได้มากินข้าวที่โรงครัวด้วยค่ะ” ประโยคนั้นของคนงานทำให้เมษร้อนใจเป็นอันมาก
“ออกตามหาเร็วๆ”
เมษสั่งทำให้ทุกคนวิ่งออกตามหากันยาท่ามกลางสายฝน เมษวิ่งมาตรงจุดที่เขาทิ้งเธอเอาไว้ แล้วเขาก็เห็นว่าร่างของเธอนอนสลบอยู่ตรงนั้น มีคนงานคนหนึ่งเห็นเข้าก่อน รีบเข้าไป ทำท่าจะอุ้มแต่โดนเมษผลักจนกระเด็น
“บ้าเอ๊ย! ยายผู้หญิงโง่งี่เง่า” เขาสบถอย่างหัวเสีย ก่อนที่จะช้อนอุ้มร่างหมดสติและซีดเซียวขึ้นจากพื้นหญ้า ทุกคนมองเมษที่อุ้มกันยากลับบ้านเป็นตาเดียวกัน พลางกันไปซุบซิบกันใหญ่เพราะไม่เข้าใจว่าทำไมกันยาถึงมาตัดอ้อยและเป็นลมอยู่ตรงนี้
“ป้าครับ ตามหมอให้หน่อยครับ” เมษตะโกนเรียกป้าแจ่มจันทร์ ในขณะตบแก้มของเธอไปมา
“ตายแล้ว! นายหญิงเป็นอะไรคะนั่น”
“โทร. ไปตามหมอมาหน่อยครับ โทร. หาไอ้เจตน์ก็ได้” เจตน์คือเพื่อนรักของเมษที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก
“ค่ะๆ” ป้าแจ่มจันทร์รีบโทรศัพท์ไปหาเจตน์เพื่อให้มาดูอาการของกันยา ในขณะที่เมษรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ภรรยา เขาไม่คิดว่าเธอจะโง่ได้ขนาดนี้ เขาแค่พูดไปด้วยความโมโห คนฉลาดที่ไหนจะทำงานไม่ยอมกินข้าว ฝนตกก็ไม่ยอมกลับ เพื่อจะตัดอ้อยตรงนั้นให้หมดตามที่เขาสั่ง
ซึ่งมันไม่มีวันหมดแน่ในวันนี้ เพราะมันเยอะมาก และเธอเป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งเท่านั้น
เมษเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ภรรยา เขาเช็ดผมเช็ดตัวให้เธอจนแห้ง มีเพียงสิ่งเดียวที่บ่งบอกว่าเธอยังไม่ตายก็คือเธอยังหายใจอยู่
เจตน์ฝ่าสายฝนมาตรวจอาการของภรรยาเพื่อน เพราะรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก หากเพื่อนมีปัญหาอะไรเขาก็จะมาในทันทีอย่างไม่รีรอ
“เป็นยังไงบ้างเจตต์”
“เป็นไข้หนัก น่าจะเพราะตากฝน ตัวร้อนมากด้วย คงต้องเช็ดตัวบ่อยๆ ฉันฉีดยาให้แล้ว เดี๋ยวจะให้น้ำเกลือ” เพราะคนป่วยไม่ยอมฟื้นมากินข้าวกินยาเลยต้องให้น้ำเกลือ
“อืม...”
“ทำไมถึงตากฝนหนักแบบนี้ล่ะ” เจตน์เอ่ยถามเพื่อนรักหลังจากที่เดินออกมาจากห้องนอนเรียบร้อยแล้ว
“ไม่มีอะไรหรอก”
“ไม่มีก็ดีแล้ว แต่ถ้ามีอะไรไม่สบายใจก็บอกฉันได้นะ” เขารู้ดีว่าเพื่อนนั้นเจออะไรมาบ้าง แต่กันยาไม่ใช่กิรณา ทั้งสองคือคนละคนกันถึงจะเป็นพี่น้องกันก็ตามที
“ขอบใจนายมากเจตน์ที่อุตส่าห์มา”
“มีอะไรก็โทร. ไปได้เลย เดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาดูอาการให้อีกรอบนะ”
“ขอบใจมากๆ” เมษยืนส่งเพื่อนขึ้นรถ พอรถของเจตน์ขับออกไปแล้ว เขาก็รีบก้าวขึ้นบันไดไปยังห้องนอนในทันที
“เดี๋ยวป้าจะเช็ดตัวให้นายหญิงนะคะ”
“ไม่ต้องหรอกครับป้า เดี๋ยวผมจัดการเอง” เมษพูดเสียงขรึม
“ค่ะนาย” ป้าแจ่มจันทร์รับคำ แต่ก็แปลกใจกับท่าทีของเจตน์ ด้วยว่าเจตน์นั้นไม่เคยดูแลผู้หญิงคนไหนแบบนี้มาก่อน แต่คิดว่าอาจเพราะกันยาเป็นภรรยาของตนเอง
“ป้าไม่เช็ดตัวให้นายหญิงเหรอจ๊ะ” ส้มโอเอ่ยถาม
“นายบอกว่าจะเช็ดให้เอง”
“หือ... นายนี่เหรอจ๊ะจะเช็ดตัวให้เอง”
“ใช่” ป้าแจ่มจันทร์รับคำสั้นๆ
“แปลกจังค่ะ นายไม่เคยดูแลใครแบบนี้มาก่อน”
“คงดูแลในฐานะภรรยาแหละ”
“ป้าคิดแบบนั้นจริงๆ เหรอจ๊ะ จริงๆ ให้ป้าเช็ดตัวจะง่ายกว่าไหม อย่าลืมสิจ๊ะป้าว่านายน่ะไม่ได้อยากแต่งงานกับคนน้องนะจ๊ะ แต่อยากแต่งกับคนพี่”
“ก็จริงของเอ็ง”
“แต่หนูชอบนายหญิงกันยานะ น่ารัก ยิ้มหวาน ใจดี พูดเพราะไม่ถือตัว แถมยังขยันอีกด้วย ช่วยทำโน่นทำนี่ไม่เกี่ยงงานเลย แต่ยายพี่สาวน่ะ หนูไม่ชอบเลย เจอกันวันนั้นจิกใช้หนูทั้งวัน บ่นว่าในไร่อากาศร้อน มีแต่ต้นไม้ใบหญ้า ไม่เจริญหูเจริญตาเอาเสียเลย หนีตามผัวไปก็ดีแล้ว ถ้านายแต่งงานกับคุณกิรณานะ คงได้ปวดกบาล” ส้มโอวิจารณ์แล้วถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นเมษยืนอยู่หน้าประตูห้องครัว
“นะ... นายต้องการอะไรคะ” ส้มโอเอ่ยถามแล้วก้มหน้างุดๆ เมื่อเห็นดวงตาดุวาบของผู้เป็นนาย ไม่ได้ตั้งใจจะนินทาว่าร้ายจริงๆ
“ป้าครับต้มข้าวต้มให้ด้วยนะครับ เผื่อกันยาฟื้นขึ้นมาจะหิว” เขาสั่งเสียงเฉียบปนดุก่อนจะเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
“โอ๊ย! ป้าจ๋า ฉันหัวใจแทบวาย” ส้มโอยกมือขึ้นทาบอก
“เอ็งก็เงียบปากได้แล้ว วิจารณ์เจ้านายเยอะๆ เดี๋ยวก็โดนไล่ออกหรอก” ป้าแจ่มจันทร์เองก็ตกใจที่หันไปเห็นเมษยืนอยู่ที่ประตูห้องครัว จึงรีบแยกย้ายไปทำตามคำสั่งในทันที ส้มโอก็ปิดปากเงียบไม่พูดเรื่องเจ้านายอีก
เมษเดินกลับมาที่ห้องนอนอีกครั้ง เขามองหญิงสาวรูปร่างบอบบางที่นอนใบหน้าซีดเซียวอยู่บนเตียงนอนกว้าง สายน้ำเกลือที่ระโยงระยางอยู่ข้างเตียงทำให้เขาถอนหายใจอย่างหนักหน่วง เขาไม่คิดเลยจริงๆ ว่าเธอจะทำงานอยู่ตรงนั้นไม่ยอมไปไหน
“ยายจ๋า อื้อ... หิวข้าวจัง ร้อนจังเลยค่ะยาย” เธอละเมอถึงยายของเธอ เมษไม่ค่อยรับรู้เรื่องราวของเธอสักเท่าใดนัก พอจะรู้บ้างว่าเธอนั้นไปอยู่กับยายตั้งแต่เล็ก และเพิ่งกลับมาอยู่กับบิดามารดาตอนโต ส่วนรายละเอียดอย่างอื่นเธอไม่รู้
เมษคิดว่าที่เธอทำอาหารเก่งอาจเพราะทำอาหารกับยายของเธอก็เป็นได้ เขานั่งลงข้างเตียงเช็ดตัวให้เธออีกครั้ง ก่อนที่เขาจะผละห่างเธอก็คว้าข้อมือของเขาเอาไว้
“ยายจ๋า หนาวจังเลยค่ะ พี่เมษ จะ... ใจร้ายมาก ใจร้ายจริงๆ หนู...” เธอพูดได้แค่นั้นก่อนจะนิ่วหน้ากอดมือของเขาเอาไว้คล้ายกับทรมานกับอาการเจ็บป่วยของตัวเอง
เมษไม่ได้ดึงมือหนี ให้เธอกอดซุกใบหน้ากับมือหนาของเขาเอาไว้แบบนั้น เธอคงคิดว่าเขาเป็นคุณยายของเธอ
เมษมองเธอนิ่ง ทำให้นึกถึงตอนที่ได้ยินแม่บ้านกับสาวใช้คุยกันเมื่อครู่ เขาพอจะรู้ว่ากิรณาไม่ชอบที่ไร่ แต่ไม่คิดว่าลับหลังเขา หล่อนจะทำกิริยาไม่ดีกับคนอื่นแบบนี้
เขาไม่เคยดูถูกคนอื่น แม้จะเป็นแค่คนงานหรือคนใช้ในบ้าน เพราะทุกคนก็เป็นคนเหมือนกัน