บทที่ 13

1527 คำ
“น้อยว่าดอกเตอร์เศรษฐ์ยังห่างไกลจากคำว่าโตเป็นผู้ใหญ่นักค่ะ ตอนที่ฟังเรื่องของเขาตั้งแต่อยู่ที่สุพรรณ น้อยก็ว่าเขาดูเหมือนเด็กผู้ชายเอาแต่ใจคนหนึ่งมากกว่า พอมาเจอตัวเป็นๆ ยิ่งตอนที่เขาทะเลาะกับอาเต้ น้อยก็ว่ายิ่งเหมือน” “ที่น้อยเจอยังไม่ได้เรียกว่าทะเลาะหรอก ถ้าทะเลาะจริงๆ อากับมันคงได้นองเลือดกันบ้างละ” “โตแล้วนะคะเต้ เลิกบ้าระห่ำได้แล้ว ที่ลูกวาวไม่ยอมมาเกิดสักที สงสัยก็เพราะรู้ว่าพ่อมันจะอายุไม่ยืนซะละมั้ง” หล่อนพูดเกินจริงซะที่ไหน ยังจำได้ดีถึงเหตุการณ์ที่ทำให้ทั้งเตรวิชญ์กับคุณเศรษฐ์ต้องถูกหามส่งโรงพยาบาลทั้งคู่ นอนหยอดน้ำข้าวต้มเตียงคู่แบบไม่มองหน้ากันเป็นเดือน เพื่อนรักกันขนาดนั้นตีกันอีท่าไหนก็ไม่รู้ คนหนึ่งถึงแขนหัก ส่วนอีกคนขาหักได้ “โห คุณนาย ผู้ใหญ่ไม่เคยสอนบ้างหรือไง ว่าห้ามแช่งชักหักกระดูกผัวตัวเองน่ะฮึ” “มานี่เลย” คนเป็นภรรยาเขย่งขึ้นบิดหูสามีจนเขาต้องค้อมตัวลงมาสูดปากดังซี้ดๆ พร้อมเสียงโอดโอยที่ดังลั่นบ้าน “ผู้ใหญ่เขาบอกแต่ว่า ยิ่งแช่งยิ่งด่า ผัวจะยิ่งอายุยืนค่ะ” เตรวิชญ์ค้อนขวับ คำสอนแบบไหนทำไมเขาถึงไม่เคยได้ยิน “น้อยนอนเถอะจ้ะ พวกอากวนแค่นี้แหละ” “ฝันดีค่ะอา” ดาราตรีเดินตามมาปิดประตูให้ทั้งคู่ เพราะอีกคนมัวแต่แงะมือบางแต่เหนียวหนึบแน่นหนับที่หูตนเอง ส่วนอีกคนก็กำลังเมามันกับการดึงร่างสูงขึ้นๆ ลงๆ อย่างที่ชอบทำอยู่บ่อยๆ หญิงสาวเดินกลับมาที่เตียง แล้วหยิบรูปที่หล่อนสอดไว้ใต้หมอนขึ้นมามองอีกครั้ง ก่อนจะรำพึงออกมาเบาๆ “คุณยอมให้น้อยช่วยนะคะ แบ่งปันความรักที่เป็นของอาวาวมาให้น้อยบ้าง น้อยสัญญาว่าจะไม่ทำให้คุณเสียใจอีกเลย คุณอาจเหมือนไฟกองย่อมๆ ที่แมลงเม่าอย่างน้อยอยากบินเข้าไป แม้รู้ว่ามันเสี่ยงจะโดนเผาตาย แต่น้อยก็อยากจะลอง อยากจะเปลี่ยนกองไปกองนี้ให้เป็นไฟเย็นดูสักครั้ง... น้อยนี่ไม่เจียมเลยใช่หรือเปล่าคะ แต่คุณรู้มั้ยว่าน้อยดีใจแค่ไหน ที่ตัวเองหน้าเหมือนอาวาว ที่รู้ว่าคนที่น้อยปลื้มมาตลอดเป็นคนเดียวกับผู้ชายที่ลืมรักแรกไม่ลงคนนั้น” ก่อนหน้านี้สี่เดือน... “อะ... อาคุณว่ายังไงนะคะ !!” “กะพริบตาก่อนสิ แล้วอาจะบอก เพิ่งรู้ว่าน้อยทำตาโตขนาดนี้ได้ด้วย” คุณเศรษฐ์หัวเราะอย่างขบขัน ยายเด็กคนนี้ทำให้เขาเผลอหัวเราะดังๆ ได้ทุกครั้งเวลาที่เจอหน้า เห็นแรกๆ ก็เรียบร้อยน่ารักวางตัวดีอยู่หรอก แต่พอรู้จักตัวจริงเท่านั้นแหละ เขาถึงรู้ว่าตัวเองคิดผิด ดอกเตอร์หนุ่มดีดนิ้วไปที่หน้าผากคนตรงข้ามดังเผาะ โทษฐานที่ชอบทำให้เขามันเขี้ยวอยู่เรื่อย “อูย น้อยเจ็บนะ” คนบอกว่าเจ็บถูบริเวณหน้าผากตัวเองหลายครั้ง เพราะนอกจากจะเจ็บมันยังรู้สึกแสบๆ คันๆ ด้วย พักนี้เห็นหล่อนยอมสนิทสนมด้วยเข้าหน่อย เขาก็ยิ่งได้ใจ ถ้าวันไหนไม่ดีดหน้าผากก็บีบจมูกหล่อนโยกเล่นซะอย่างนั้น หรือไม่ก็ทำทั้งสองอย่าง แถมด้วยการขยี้ผมหล่อนแรงๆ จนมันฟูเป็นปลาดุกผสมแป้งแล้วทอด แล้วก็หัวเราะเสียงดังซะเอง “ฆนินทร์ ขอยาหน่อย” เจ้านายหนุ่มรับยาหลอดเล็กมาจากมือเลขา ที่เตรียมไว้ประจำ พร้อมๆ กับใช้มืออีกข้างกำแขนคนชอบเกาชอบถูแรงๆ “มา ทายาหน่อย แดงหมดแล้ว” “คนขี้แกล้ง อาแกล้งน้อยแล้วก็ชอบเอายาอะไรที่ไหน ได้มาตรฐานหรือเปล่าก็ไม่รู้มาทาให้น้อย ตบหัวแล้วลูบหลังกันชัดๆ” “ไอ้นี่น่ะเหรอ” เขาทำท่าพินิจไอ้เจ้ายาหลอดเล็ก พลิกไปพลิกมา ทำเหมือนเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องสำคัญ แต่อันที่จริงก็แค่อยากกวนเล่นๆ เท่านั้นเอง “พิเมโครลิมัส อิลิเดล แคลซิโปไทรออล ทาโคลิมัส อะไรสักอย่างนี่แหละ แต่รับรองว่านอนสเตอรอยด์ หลอดละเก้าร้อยเลยนะ เห็นหรือเปล่าว่าอาหาแต่ของดีๆ มาให้เด็กดื้อทั้งนั้น” รู้ทั้งรู้ว่าเขาร่ายมาก็เพื่อแกล้งยั่วหล่อน ชื่อย***าอะไรยาวเป็นหางว่าว ใครจะไปจำได้ “น้อยไม่เคยดื้อ” “ก็ถ้าไม่ดื้อแล้วจะโดนตีมั้ย... มานี่มา” ดาราตรีขืนต้นคอไว้สุดฤทธิ์ เพราะว่าตัวถูกเขาดึงไปแล้ว ดีที่โต๊ะในแพอาหารริมน้ำตรงนี้ใหญ่พอจะให้หล่อนไม่ต้องเกยขึ้นไปให้เขาบังคับทายาได้ง่ายๆ “ไม่เอานะคะอาคุณ ทายานี่ทีไรหน้าน้อยลอกทุกทีเลย เดี๋ยวแต่งหน้าไม่สวย” “ไม่สวยก็ไม่ต้องแต่งสิ นับวันสาวน้อยของอาจะเหมือนงิ้วหลงโรงเข้าไปทุกที” ถึงจะรู้ว่าหญิงสาวเป็นเมคอัพอาร์ทิสฝีมือดี ทำงานที่ไหนก็มีแต่คนชม มีแต่คนอยากจ้าง แต่เขาไม่เห็นความจำเป็นอะไรที่เจ้าหล่อนจะต้องแต่งหน้าแต่งตัวซะสวยเช้งไปทำงาน ดาราตรีเป็นคนเบื้องหลัง และเขาก็พอใจจะให้มันเป็นอย่างนั้น ถ้าวันดีคืนดีมีใครมาเตะตาแม่ดาวน้อยของเขาจนอยากทาบทามให้ไปทำเบื้องหน้าละก็ เขาจะเป่าหูไอ้เต้กับวาวให้บังคับหลานสาวเปลี่ยนงานใหม่ให้รู้แล้วรู้รอดไป ... หรือเขาจะอาละวาดเองให้หมดเรื่องหมดราว ทุ่มเท่าไรไม่อั้น ขอแค่เก็บดาราตรีไว้ให้เขามองคนเดียวได้ก็พอ “อาคุณนี่ไม่มีศิลปะในหัวใจเอาซะเลยนะคะ... เฮ้ย !” จู่ๆ หญิงสาวก็ร้องตกอกตกใจออกมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย จนคนที่นั่งหน้ามุ่ยอยู่ก่อนเผลอสะดุ้งตามไปด้วย “เป็นอะไร เจ็บตรงไหนฮึ” “นะ... น้อยลืมเลย มะ... เมื่อครู่อา... คุณ... อาคุณพูดว่ายังไงนะคะ” “พอนึกขึ้นได้ละติดอ่างขึ้นมาเชียวนะ นี่ถ้าเราลืมจริงๆ อาคงต้องมานั่งคิดทบทวนแล้วว่าเสน่ห์ของอาหายไปไหนหมด บอกชอบผู้หญิงสักคน เขายังเมิน” ถ้าไม่ติดว่าหน้าผากของหญิงสาวแต้มรอยแดงไปแล้ว เขาคงจะดีดนิ้วลงไปอีกสักที เพิ่งว่าไปเมื่อหน่อย ดูสิตอนนี้ดาราตรีกลับมาทำตาโตแบบไม่ยอมกะพริบอีกแล้ว “อาคุณหน้าไม่อาย พี่เสือยังยืนอยู่ทั้งคน กล้าพูดได้ยังไง วะ...ว่า ชอบ” ใจหญิงสาวเต้นระรัวเหมือนจะประท้วงว่าอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า จะระเบิดบึ้มออกมานอกอกแน่ๆ แล้ว เวลาแค่สองเดือนนิดๆ ที่เขาคอยตามประกบและตามรับตามส่งหล่อน มันทำให้เขา ‘ชอบ’ หล่อนขึ้นมาได้ง่ายๆ อย่างที่เขาบอกจริงๆ น่ะหรือ “เสือมันรู้ใจอาอยู่แล้ว จะต้องอายทำไม” ไม่บ่อยนักที่เขาจะเรียกชื่อฆนินทร์ด้วยชื่อเล่น แม้จะเป็นมือดี และลูกน้องที่เขาไว้ใจที่สุด แต่เขาก็เคยชินกับการเรียกแบบเต็มยศซะมากกว่า “แต่...” “แต่อะไร หรือว่าใจน้อยมีคนอื่นอยู่แล้ว” คุณเศรษฐ์เริ่มแสดงอาการฮึดฮัดขึ้นมา “อาเฝ้าของอาอยู่ทุกวัน ไอ้มดแดงที่ไหนมันมากล้าแฝงพวงมะม่วงของอา” “ทำไมอาคุณถึงชอบน้อยล่ะคะ หรือว่าเพราะน้อยหน้าเหมือนอาวาว” ทุกวันนี้เวลาเผลอๆ หล่อนยังได้ยินเขาเรียกหล่อนเป็นชื่อของคุณอาสาวอยู่บ่อยๆ เลย “ถ้าบอกว่าน้อยหน้าไม่เหมือนวาว อาคงโกหก ซึ่งน้อยก็รู้ว่าอาไม่ทำ” “อาคุณรู้ใช่มั้ย ว่ากำลังตอบไม่ตรงคำถาม” ดอกเตอร์หนุ่มเท้าแขนกับโต๊ะแล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้หญิงสาวมากกว่าเดิม “จ้องอาแบบนี้ ไม่อายแล้วเหรอ หรือว่าอยากได้คำตอบมากขนาดนั้นเลย... จะอยากรู้ไปทำไมนักหนา อาไม่เห็นว่ามันจะจำเป็น” ดาราตรีเหลือบมองฆนินทร์นิดนึง ซึ่งเหมือนคนที่ถูกจ้องอย่างขอร้องจะเข้าใจ “นายครับ งั้นเดี๋ยวผมขอตัวไปตามอาหารให้ก่อน สั่งไปตั้งนานยังไม่เห็นมาเสิร์ฟสักอย่าง” คุณเศรษฐ์พยักหน้าให้ แล้วหันมาไล่บี้ดาราตรีอีกครั้ง “ฆนินทร์มันไปแล้ว อยากจะพูดอะไรก็พูดมา” เขาอยากรู้ว่าเด็กสาวจะดีใจบ้างมั้ยที่เขาเอ่ยปากบอกว่าชอบก่อน เพราะไม่น่าจะต่ำกว่าห้าปีที่เขาไม่เคยทำอะไรแบบนี้ ที่ผ่านมาส่วนมากมองตาก็จะรู้ใจกันทั้งนั้น
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม