บทที่ 9

1516 คำ
ร่างสูงใหญ่ก้าวช้าๆ ตามเด็กสาวเข้าไปในบ้านที่ต่อให้หลับตาเดินก็ไม่มีทางหลง... แต่จะว่าเด็กก็ไม่ถูกนัก ทรวดทรงขนาดนี้คงเป็นสาวเต็มตัวแล้ว “คุณนั่งรอสักครู่นะคะ” เขามองตามคนที่เดินเลี่ยงออกไปไวๆ จนลับตา ไม่ปฏิเสธ หรอกว่าแวบแรกที่ให้ความสนใจหล่อนก็เพราะหน้าตาที่เหมือนวาววิไลอย่างกับแกะ แต่เมื่อครู่ตอนที่เจ้าหล่อนหันหลังให้ ไอ้สิ่งที่เขาได้เห็นเป็นกำไรก็เลยกลายเป็นบั้นท้ายงอนๆ ที่เว้าจากช่วงเอวและผายออกเป็นสะโพกทรงสวย ของชอบของเขานั่นแหละ คนที่สนิทกันถึงชอบว่าว่าเขามันโรคจิต เลือกมองผู้หญิงที่ก้นเป็นลำดับแรกเสมอ ไม่รู้ไอ้เต้กับวาวไปเอาเด็กคนนี้มาจากไหน ลองคิดเล่นๆ ว่าถ้าเจ้าหล่อนตัวเล็กกว่านี้อีกสักนิด เซ็กซี่น้อยกว่านี้อีกสักหน่อย เขาจะจับยัดใส่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่หลังรถกลับไปบ้านซะให้รู้แล้วรู้รอด ... แต่คงทำอย่างนั้นลำบากหน่อย เพราะแม่เจ้าพระคุณเล่นขนทั้งส่วนบน ส่วนล่าง มาซะคนเดียวขนาดนี้ ไม่คิดสงสารผู้หญิงคนอื่นบ้างรึไง... บางที ถ้าได้ลองจับแล้วขยำดูสักครั้ง น่าจะดีไม่น้อย เป็นอีกครั้งที่ชายหนุ่มผู้มีรอยยิ้ม และความคิดที่เข้าขั้น ‘ร้ายกาจ’ ส่ายหัวไปด้วย ยิ้มไปด้วย ให้กับจินตภาพเลยเถิดและเตลิดไปไกลจนกู่ไม่กลับของตัวเอง หญิงสาวที่เดินกลับเข้ามาในห้องรับแขกอีกครั้งมองคนยิ้มคนเดียว พึมพำอะไรคนเดียวด้วยความรู้สึกแปลกๆ แต่ไอ้ครั้นจะให้ถามออกไปก็เกรงว่าจะไม่เหมาะสมนัก “ชามะลิกับขนมอาลัวค่ะ ฝนตกอย่างนี้อากาศค่อนข้างเย็น ดื่มชาร้อนๆ ร่างกายจะได้อุ่นขึ้น เหมือนเมื่อครู่น้อยจะเห็นคุณโดนละอองฝนอยู่นิดหน่อยด้วย” พอวางชุดกาน้ำชาลายกุหลาบกับจอกแก้วลายเดียวกัน พร้อมจานขนมเสร็จ หล่อนก็เตรียมจะผละออกไป “น้อยถามเด็กในครัวให้แล้วนะคะ เขาบอกว่าอาเต้โดนฝนก็เลยขึ้นไปอาบน้ำอยู่ สงสัยจะสวนกันตอนที่น้อยลงมาพอดี คุณนั่งรับของว่างไปพลางๆ ก่อนนะคะ อีกเดี๋ยวอาเต้ก็คงลงมา” “จะรีบไปไหน นั่งเป็นเพื่อนผมก่อนสิ” เขาชวนสบายๆ แต่ในใจเริ่มร้อนขึ้นตามลำดับ ด้วยเดาได้ไม่ยากว่าดรุณีน้อยคนนี้คงเป็นหลานหรือไม่ก็น้องสาวของวาววิไล และถ้าเขาทำตัวรุ่มร่ามขึ้นเรื่อยๆ อีกไม่นานคงได้มีปัญหาให้ปวดหัว ... แต่อีกใจนึงก็นึกแย้ง ว่าถ้านั่นเป็นปัญหาในอนาคต ซึ่งแน่นอนว่ามันยังไม่เกิดขึ้น แล้วเขาจะมัวมากังวลทำไม ดาราตรีรวบชายกระโปรงที่ยาวระพื้นแล้วนั่งลงช้าๆ ตรงโซฟาอีกตัว ส่วนคนชวนกำลังใช้ส้อมเล็กๆ จิ้มขนมเข้าปากไปด้วยยิ้มในตาอย่างถูกใจไปด้วย เด็กคนนี้ไม่อิดออด ไม่เคอะเขิน แม้จะรู้ตัวว่าถูกเขาจับจ้องอยู่ตลอดเวลา แถมยังวางตัวได้อย่างเป็นธรรมชาติน่ามอง “ชื่ออะไรล่ะเรา เห็นแทนตัวว่าน้อยตลอด” “ชื่อเล่นว่าน้อยค่ะ” “น้อย...” หล่อนจะรู้มั้ยว่าตัวเองไม่ได้ ‘น้อย’ สมกับชื่อเลย “แล้วรู้มั้ยว่าผมเป็นใคร” ที่เขาลองถามออกไปเพราะแค่อยากรู้ว่าเจ้าของบ้านได้พูดถึงเขา ในช่วงที่งานยุ่งจนไม่ได้มาที่นี่ซะหลายวันบ้างหรือเปล่า ไม่ได้คิดว่าจะได้ยินคำตอบที่คาดไม่ถึงจากคนที่นั่งสงบเสงี่ยมหลังยืดตรงจนเห็นลำคอยาวระหงคนนี้ “รู้ค่ะ คุณคงเป็นดอกเตอร์คุณเศรษฐ์ นรเสษฐ์นพรัตน์ เจ้าของบริษัทบริหารสินทรัพย์ชื่อดังระดับประเทศ ที่ดินผืนไหนที่ว่าสวย ทำเลทอง ที่สำคัญราคาต้องแพงลิบลิ่ว ทั่วทั้งประเทศนี้และอาจจะอีกหลายประเทศ รับรองว่าต้องมีชื่อดอกเตอร์เศรษฐ์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์อยู่ลำดับต้นๆ ทีแรกน้อยก็ไม่ค่อยแน่ใจ รู้สึกแค่ว่าคุ้นๆ แต่พอเห็นชัดขึ้น ถึงรู้ว่าไม่ผิดแน่” คำตอบฉะฉานมั่นใจที่ได้ยิน ทำให้คนถามนึกแปลกใจไม่ใช่น้อย “น้อยคงพูดมากไป ขอโทษด้วยนะคะ” พอเห็นเขาเงียบไป ดาราตรีเลยเข้าใจว่าหล่อนคงพูดมากจนถูกรำคาญ ดอกเตอร์หนุ่มยิ้มกว้างจนอีกนิดคงจะได้ยินเสียงหัวเราะไปแล้ว ถ้าเผอิญว่าคนอย่างเขาจะไม่เคยหัวเราะให้ใครได้เห็นเพราะความยินดี แต่ทุกครั้งที่เปล่งเสียงออกมาถ้าไม่เพราะมี หรือได้ ผลประโยชน์ก้อนใหญ่ ก็อาจจะมีใครตายขึ้นมาสักคน “ไม่มากหรอก เมื่อกี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำ ที่จริงผมเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะซื้อของพวกนั้นเอาไว้เก็งกำไรหรืออยากจะทำธุรกิจด้านอสังหาอะไรหรอก แค่เห็นที่หลุดจำนองผืนสวยๆ ก็อดใจที่จะซื้อเก็บไว้เองไม่ได้สักที พวกนักข่าวเศรษฐกิจก็ชอบปั่นกระแสไปเรื่อย ส่วนพวกคู่แข่งเองก็เกร็งผมซะจนต้องส่งสปายมาสืบข่าวทั้งนอกทั้งในบริษัทจนผมต้องเชือดไก่ให้ลิงดูไปก็หลายครั้ง” คุณเศรษฐ์สังเกตเห็นหญิงสาวตั้งใจฟังเสียจนตาแป๋ว ก็อดจะทึ่งในตัวเองไม่ได้ ปกติเขาเป็นคนช่างพูดที่ไหน พูดทีลูกน้องแตกกระเจิงไปคนละทิศละทาง จะสั่งงานแต่ละครั้งต้องผ่านเลขาคนสนิท ไม่อย่างนั้นมีอันลาออกกันไปหมด ไม่มีซะหรอกจะมานั่งตั้งอกตั้งใจฟัง แถมยังกระพือขนตาพึ่บๆ ขึ้นลงแบบนี้ “อืม... คราวนี้คนพูดมากคงเป็นผมแล้วสินะ งั้นถือว่าเราหายกัน แล้วไอ้ที่บอกว่าจำผมได้ น้อยเคยเห็นผมผ่านตาที่ไหนมาก่อนหรือครับ” “ในหนังสือค่ะ” “หน้าไหนล่ะ ธุรกิจ เศรษฐกิจ หรือบันเทิง” ดาราตรีรับจอกชามาจากคนที่รินแล้วส่งให้ พร้อมยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณ แม่เคยสอน... เวลาผู้ใหญ่ให้ของต้องไหว้ทุกครั้ง แม้จะถูกตามใจและถูกสอนให้คิดเอง เลือกเองมาตลอด แต่ด้วยความที่เป็นลูกผู้หญิง เรื่องมารยาทการวางตัว คุณสมบัติผู้ดี และงานบ้านงานเรือนจึงเป็นเรื่องสำคัญไม่น้อยไปกว่าการใช้ชีวิตนอกบ้าน แม้หล่อนจะชอบอย่างหลังมากกว่าก็เถอะ “ส่วนมากก็เป็นข่าวบันเทิงค่ะ” “นี่ผมเพิ่งรู้นะว่าตัวเองดังกว่าดาราซะอีก” “ก็ดังนะคะ คุณลงข่าวเกือบทุกวัน บางทีในทีวีก็ออกวันละหลายๆ ช่อง” ตาใสๆ ที่คุณเศรษฐ์เผลอไปสบด้วย บอกว่าในคำพูดที่ดูซื่อๆ นี้ แฝงแววรู้ทัน และความฉลาดเป็นกรดเอาไว้ “ในข่าวเขาเขียนถึงผมว่ายังไงบ้างล่ะ น้อยเล่าให้ฟังหน่อยได้มั้ย ผมอยากรู้” การได้นั่งคุยกันแค่ไม่กี่ประโยค ทำให้เขามั่นใจว่าสาว ‘น้อย’ คนนี้ช่างพูดช่างเจรจา เขาแค่ลองหย่อนเบ็ดคำถามลงไปเท่านั้นแหละ เดี๋ยวเจ้าหล่อนก็ตะครุบเหงื่อเอาไว้ ... ไม่เชื่อคอยดู “น้อยก็ไม่ค่อยได้สนใจอ่านเนื้อข่าวสักเท่าไรหรอกค่ะ เอาไว้วันหลังจะจำมาเล่าให้คุณฟังนะคะ” แต่ผิดคาด เจ้าหล่อนช่างหาทางเลี่ยงได้ดี เขาเลยวางจอกน้ำชาแล้วสวนกลับตรงประเด็น “ข่าวที่น้อยได้อ่าน คงจะเป็นข่าวที่ผมควงดาราคนนั้นที นางแบบ คนนี้ที หักอกนางเอกชื่อดัง หรือไม่ก็นางร้ายแถวหน้าของวงการบันเทิง ใช่หรือเปล่า” ดาราตรีอยากตอบว่า... ใช่ แต่ก็ไม่ได้พูด หญิงสาวทำเพียงยิ้มแล้วก้มหน้าลงมานิดหนึ่งเท่านั้น ซึ่งคู่สนทนาเองก็ทำตัวสบายๆ ไม่ได้คาดคั้นอะไรต่อ ดอกเตอร์คุณเศรษฐ์คนนี้ดูจะต่างจากข้อมูลที่หล่อนได้ไม่น้อย อาเต้เล่าให้ฟังว่าคนที่อยากให้หล่อนช่วยคือผู้ชายดุดันและแอบเหี้ยมเกรียมกับใครก็ตามที่ได้ชื่อว่าเป็นศัตรู แม้บางครั้งเพื่อนรักของอาหนุ่มคนนี้จะอ่อนโยนเสมอยามอยู่ใกล้ผู้หญิงบางคน ซึ่งอาเต้และอาวาวก็ยังสำทับอีกว่า ผู้หญิงคนนั้นเห็นจะมีเพียงวาววิไล หรืออาวาวของหล่อนเพียงคนเดียว รอยยิ้มที่เขาแสร้งทำเหมือนคนอารมณ์ดีทำให้หล่อนเผลอวางใจ แต่พอเพ่งพิศอีกทีถึงได้เห็นความแตกต่าง เขาแค่ยิ้มจากริมฝีปากที่แย้มออกเพียงเล็กน้อย แต่สายตายังคงมุทะลุ เอาเรื่อง เหมือนหนุ่มวัยฉกรรจ์เลือดร้อน ไม่เหมือนเพลย์บอยตัวพ่อ ที่ลอยไปลอยมาจนตอนนี้อายุสามสิบห้าปีเข้าไปแล้วเลยสักนิด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม