ค่ำคืนในเมืองหลวงแตกต่างจากชนบทลิบลับ ผู้คนยังคงเข้ามาหาความสุขสำราญใจ โดยเฉพาะบุรุษมากหน้าหลายตา ทั้งมียศประดับ สามัญชน คนพ่อค้า ก้าวเท้าเข้ามายังหอหอมหมื่นลี้ซึ่งแต่เดิมหากกล่าวเมื่อห้าปีก่อนผู้คนไม่ได้ล้นหลามมากมายเช่นทุกวันนี้
เหล่าบุปผางามบางคนที่เบื่อหน่ายหรือร่างกายเริ่มโรยราบ้างย้ายกลับถิ่นฐานเดิม บ้างที่ยังมีรูปลักษณ์ที่งดงามอยู่ก็เข้าไปพำนักพักพิงหอนางโลมแห่งใหม่
ทว่าเวลาเปลี่ยนไปเมื่อมีจู่ๆ กลับมีสตรีช่ำชองร่ายรำ ขับขาน อีกทั้งดีดพิณมาทำให้กิจการที่ใกล้จะปิดตัวไร้คนเหลียวแล ถูกหันเหความสนใจหันก้าวเท้าเข้าหอหมื่นลี้แห่งนี้ขึ้นมา จนแม่เล้าอีกฟากของถนนบังเกิดความคั่งแค้นใจ
คราแรกนางเพียงเห็นลูกค้าขาจรเดินเข้าออกหอหอมหมื่นลี้ ก็ไม่ได้สั่งให้ใครไปเรียกให้เข้าหอตนเพราะเห็นว่าหอแห่งนั้นนับวันคนก็ไม่เข้า เพียงเวทนาให้มีเงินจุนเจือปากท้องคนงานบ้าง ทว่ายิ่งนานวันเข้าลูกค้าขาจรกลับกลายเป็นขาประจำและที่แย่ยิ่งกว่าคือลูกค้าประจำของหอตนเองกลับค่อยๆ หายไปทีละคน
เมื่อหลายเดือนก่อนความได้เข้าถึงหูเจ้าของหอนางโลมว่าสตรีนางหนึ่ง มาบรรเลงบทเพลงพร้อมร่ายรำจนทำให้ชายหนุ่มหลงใหลเคลิบเคลิ้ม แม้นางจะให้คนไปตามสืบพร้อมเสนอเงินราคาหลายร้อยตำลึง สตรีนางนั้นก็ไม่ยอมมาทำงานให้หอตน ทำให้นางยิ่งเกลียดหอแห่งนั้นมากยิ่งขึ้น
"เจ้าว่าคืนนี้นางนั้นจะแสดงเปิดหน้าหรือ? "
"ขอรับ อีกอย่างข้าน้อยไม่รู้ว่าที่เหล่าขุนนางลือกันหนาหูว่าสตรีนั้นหน้าตาละม้ายคล้ายคุณหนูกู้ จะจริงหรือไม่? " ชายใบหน้าเหี้ยมเกรียมเอ่ยปากบอกเจ้าของหอนางโลมด้วยใบหน้าครุ่นคิด จนแม่เล้ามองใบหน้าลูกน้องเผลอขมวดคิ้วมุ่นไปด้วย
"เจ้าไปสืบ ได้ความอย่างไรมาบอกข้า"
"ขอรับ" ชายลูกน้องคนสนิทโค้งกายออกไป ปล่อยให้แม่เล้านั่งหงุดหงิดใจอยู่เป็นนาน
ยิ่งความมืดแผ่กระจายเต็มท้องฟ้ามากขึ้นเท่าใด ภายในหอหอมหมื่นลี้ยิ่งแน่นขนัดไปด้วยผู้คน ไม่เพียงบุรุษที่ชมความงามของเหล่าบุปผาแต่ที่หอแห่งนี้แตกต่างไปจากที่อื่นด้วยเพราะบุรุษที่นิยมตัดแขนเสื้อตัวเองก็มีเข้ามาใช้บริการที่หอแห่งนี้ด้วยเช่นกัน
โดยกฎของหอนี้คือไม่แพร่งพรายข้อมูลลูกค้า หากมีข้อตอบแทนที่เหมาะสมกับการปิดปากและโดยมากที่ยอมจ่ายค่ามักเป็นคุณชายตระกูลใหญ่ที่มีรสนิยมแปลกๆ
เหล่าบุปผาที่แต่งกายงดงาม ประดับประดาด้วยเครื่องประดับน้อยชิ้นเพื่อให้แขกที่เข้ามาไม่รู้สึกว่าเหล่าสาวงามต้อนรับเฉพาะคนที่มีฐานะสูงกว่าตน หากแต่ต้อนรับและให้ความคุ้นเคยเอาใจใส่กับคนทุกระดับ พวกนางต่างยิ้มแย้มแจ่มใสต้อนรับแขกเหรื่อเข้าหออย่างขมีขมัน
"คืนนี้ข้าได้ยินว่าแม่นางจื้อจะเปิดหน้าแสดงพิณผา"
"เจ้าค่ะ เชิญคุณชายด้านในดีกว่านะเจ้าคะ" สาวงามนางหนึ่งต้อนรับบุรุษเข้าด้านใน แต่เขากลับไม่ก้าวตามทั้งยังเอ่ยราวกับเด็กเอาแต่ใจ "ด้านบนไม่ได้หรือ? "
"เรียนคุณชายหนิง ด้านบนไม่สะดวกเจ้าค่ะ คุณหนูจื้อได้ฝากขออภัยมากับเหล่าคุณชายทั้งหลายรวมถึงคุณชายหนิง ที่มาชมคุณหนูแสดงวันนี้เจ้าค่ะ" นางยังกล่าวตอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
"ทำไม? " บุรุษที่เข้ามาใหม่ดูจะหงุดหงิดที่เขามาช้าจนไม่สามารถเข้าใกล้เวทีหรือแม้แต่อยู่ด้านบนเพื่อได้เห็นสตรีที่แสดงวันนี้ได้ใกล้กว่าทุกครั้ง
"คุณชายหนิงคลายโทสะลงก่อนนะเจ้าค่ะ หากไม่เพราะวันนี้คุณหนูจื้อประสงค์ที่จะแสดงพิณผาและเผยโฉมหน้าเพื่อสร้างความบันเทิงใจและไม่ต้องการให้มีสิ่งใดผิดพลาด นางจึงสำรวจพื้นที่ของทางร้านทั้งหมดด้วยตัวเอง เพราะไม่ต้องการให้ลูกค้าตำหนิทางร้านภายหลังได้ว่าไม่สามารถอำนวยความสะดวกให้เหล่าคุณชายทั้งหลายได้ แต่ไม่คิดว่าจู่ๆ คุณหนูเกิดสะดุดล้มจนข้อเท้าแพลง คุณหนูจื้อคิดเผื่อไว้ล่วงหน้าด้วยเกรงว่าพื้นที่ไม่เรียบจะทำร้ายเหล่าคุณชายทั้งหลาย จึงมีคำสั่งปิดชั้นบนชั่วคราวเจ้าค่ะ" นางอารัมภบทมาเนิ่นนาน เห็นว่าเขาเริ่มใจเย็นแล้วจึงผายมือเชิญเขาให้เข้าไปด้านใน ทว่าเขายังไม่หายแคลงใจเพราะด้านบนเขายังเห็นบุรุษบางคนยังเดินผ่านไปมาแม้จะบางตา หัวคิ้วที่ยังขมวดมุ่นมาพร้อมกับคำถาม
"เป็นไปได้อย่างไร เมื่อไม่กี่คืนที่ผ่านมายังไม่เห็นมีปัญหา" สตรีผู้ตอบคำมิได้หงุดหงิดแต่อย่างใด กลับเอ่ยตอบน้ำเสียงหวาน
"เรื่องนี้ทางหอของเราก็ไม่ทราบเจ้าค่ะ" สาวงามก้มหน้ารับผิดหลังจากที่หางตามองไปยังทิศทางหนึ่ง แม้คำตอบจะที่ไม่สามารถสร้างความพอใจให้เขาได้ แต่จู่ๆ คุณชายหนิงก็ร้อง 'อ๋อ ข้าพอจะรู้แล้ว' เสียงพึมพำในลำคอเบาๆ แต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้สาวงามที่มาต้อนรับเงยหน้าขึ้นมองตามทิศทางสายตาของคุณชายหนิง ทายาทโรงทอผ้าที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง และไม่ผิดคาดเขามองไปทิศทางเดียวกับที่เมื่อครู่นางมองไป นั่นย่อมชี้ให้นางรับรู้ว่าเขาเริ่มเข้าใจในสิ่งที่นางสื่อ
ชายที่มีใบหน้าคุ้นตาสองคนที่นั่งทางด้านตะวันออกของหอ มองรอบๆ ราวกับสำรวจหาลายแทงของหอนี้ก็ไม่ปาน การกระทำของเขาทั้งสองให้หนิงไช่กวงอดคิดไม่ได้ว่าเรื่องที่ทำให้จื้อซิ่งเหมี่ยนบาดเจ็บอาจเป็นเพราะสองคนนี้ก็เป็นได้
"คุณชายหนิงเชิญด้านนี้เจ้าค่ะ" เสียงหวานเรียกสติให้กลับมา นางรีบเชื้อเชิญหนิงไช่กวงให้เดินตามนางไปยังโต๊ะที่ว่างอีกทั้งดูดีเพื่อให้เหมาะสมกับฐานะของคุณชายหนิงผู้เย่อหยิ่ง แม้สองขาจะก้าวตามทว่าหางตายังมองคนทั้งสองอยู่