ริมฝีปากคลายออกจากแผ่นชาด นัยน์ตาจ้องสำรวจใบหน้าตนเองอีกครั้งบนคันฉ่องทองเหลือง เมื่อเห็นว่าใบหน้าถูกแต่งแต้มจนเป็นที่น่าพอใจ และพอที่จะทำให้เป้าหมายสำคัญของนางในคืนนี้ต้องสะดุดตาให้จงได้
แม้ชื่อเสียงหรือใบหน้าเลือนลางจากผ้าผืนบางกั้นยังทำให้คนผู้นั่นเรียกให้นางมาบริการ แต่นั่นยังไม่เพียงพอกับคำว่า 'พึงใจ' นางต้องการคำว่า 'ลุ่มหลง'
จื้อซิ่งเหมี่ยนลุกขึ้นเหยียดตรง ก่อนที่จะหมุนตัวหวังหยิบผ้าคลุมสีขาวนวลปักเลื่อมทองลวดลายดอกเหมยคลุมกาย สองขาหมายจะเดินไปหยิบเสื้อคลุมที่แขวนไว้ จู่ๆ นางได้ยินฝีเท้าหนักเดินเข้ามาห้องด้านใน ใบหน้าจากเดิมที่นิ่งสงบพลันสงสัยว่าใครกันที่กล้าเข้ามายังห้องเปลี่ยนชุด นางจำต้องหันศีรษะไปตามเสียงที่หยุดอยู่ไม่ไกลจากตนเอง สายตาสบเข้ากับนัยน์ตาสีรัตติกาลเข้าพอดี
ชายที่ยืนอยู่มีรูปหน้างดงามจนอาจทำให้สตรีที่พบเห็นบังเกิดความรู้สึกปั่นป่วนในใจจนสติไม่อยู่กับตัวและเกิดความพึงใจจนอยากสมัครเป็นฮูหยินเขาในที่สุด
นางพิจารณาใบหน้างามของเขาอย่างรวดเร็ว เขามีคิ้วมังกร จมูกสิงห์ โด่งเป็นสัน ดวงตาดำใสเป็นประกาย อาจเพราะแสงเทียนทำให้นางดูองคาพยพแล้วใบหน้านี้งดงามกว่าช่วงกลางวันก็เป็นไปได้
จื้อซิ่งเหมี่ยนแอบลอบถอนหายใจออกมาและรีบหันกายเดินไปหยิบผ้าคลุมด้านนอก ทั้งแอบบ่นในใจ 'รูปงามมักมากราคะ' เมื่อนางเบี่ยงตัวหยิบเสื้อคลุมได้แล้ว นางนึกว่าสมควรชี้ทางให้แก่เขาจึงเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าเรียบเฉย
"คุณชาย ท่านเข้าห้องผิดแล้วเจ้าค่ะ ชั้นนี้ไม่เปิดให้แขกเข้ามาเจ้าคะ" นางสอดแขนข้างที่ถนัดเข้าเสื้อคลุม แล้วรวบผมขึ้นพร้อมๆ กับสอดแขนอีกข้าง
"หืม!" นางหันมาเมื่อได้ยินเสียงจากลำคอของบุรุษที่ไม่คุ้นหน้า ท่าทางที่นางแสดงออกดูจะไม่ยี่หระกับการมีอยู่ของเขา ทั้งที่เขาจะรู้ว่าที่ที่เขายืนอยู่เป็นสถานที่แบบใด แต่ความที่สตรีตรงหน้าจะไม่สนใจเขาสักเท่าไหร่จนน่าแปลกใจและไม่สมควรนัก
"คุณชาย หากท่านสนใจสตรี ท่านลงด้านล่างจะเจอ แต่หากไม่ใช่...ทางด้านตะวันตกของหอ ท่านสามารถเลือกหลวนถง*ที่ท่านถูกใจได้"
"แล้วถ้าข้าไม่? " น้ำเสียงเชิงสัพยอกพร้อมแววตาเจ้าเล่ห์ทำให้นางเกิดความระอา นางเจอบ่อยจนชินชาเสียแล้ว
"คุณชาย โปรดอย่าเข้าใจผิด ทุกที่มีกฎไม่แม้แต่ที่นี่" นางเริ่มหงุดหงิด น้ำเสียงเริ่มแข็งกร้าวขึ้นมา
"ที่นี่หอโคมเขียว บุรุษมาก็หวังรับความบันเทิง รวมทั้งข้าด้วย"
"ไม่ผิด ข้าถึงเชิญคุณชายออกจากห้องนี้แล้วเลือกสาวงามนางอื่นอย่างไรเจ้าคะ แต่หากคุณชายนิยมตัดแขนเสื้อข้าน้อยก็ชี้ทางให้แล้ว" นางกล่าวจบก็เดินออกจากห้องส่วนตัวของตน แต่ระหว่างที่สวนทางกับชายคู่สนทนาเขาจับข้อมือ ไม่ให้นางเดินออกจากห้องจนนางต้องหันมาเผชิญหน้ากับเขาด้วยความไม่พอใจ
"นี่ท่าน!" นางถลึงตาใส่แต่บุรุษคนดังกล่าวกลับยกมุมปากยิ้มให้
"เจ้าดูคุ้นหน้า" ประโยคนี้ทำให้ใบหน้าของจื้อซิ่งเหมี่ยนมุมปากกระตุก เพียงไม่นานนางแสดงสีหน้างดงามหยาดเยิ้มราวกับประโยคเมื่อครู่สร้างความพึงพอใจให้แก่นาง มือข้างหนึ่งลูบไล้แผ่นอกกว้างของบุรุษที่เข้ามาหาความบันเทิง ทว่าน้ำเสียงของจื้อซิ่งเหมี่ยนมิตรงกับใบหน้าและแววตาที่แสดงออกมาเพราะวาจาที่เปล่งออกมากลับแข็งกร้าวระคนเย้ยหยัน
"อ๋อ...ใบหน้าข้าคงเหมือนใครที่คุณชายผู้สง่างามรู้จักกระมัง แต่บังเอิญ...ข้าไม่ใช่! ได้โปรดคุณชายปล่อยมือข้าน้อยด้วย" นางผลักที่อกแกร่งของชายคนดังกล่าวให้พ้นตัวพร้อมๆ กับกระชากแขนของตนเองออกจากการเกาะกุมของเขา หากแต่เขาไม่เพียงจะไม่ทำตามในสิ่งที่นางขอและไม่แม้แต่ขยับตามแรงผลักของนาง มือที่เคยกุมไว้กลับกุมแน่นยิ่งขึ้นเหมือนล่วงรู้ความคิดของนาง มืออีกข้างปลดเสื้อคลุมที่นางเพิ่งสวมเมื่อครู่นี้ออก
"นี่! ท่านคิดจะทำอะไร หยุดเดี๋ยวนี้นะ" นางพยายามผลักและใช้ฝ่ามือตีเขาอย่างสะเปะสะปะ "ข้าบอกให้หยุดไง ไอ้คนสารเลว" ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังต่อสู้โดยไร้อาวุธ มีชายผู้หนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับสตรีวัยกลางคน เสียงที่ดังกังวานเปล่งออกมา
"ซิ่งเหมี่ยน เจ้าพอจะเห็น..." เมื่อภาพเบื้องหน้าปรากฏอยู่เบื้องหน้าของเฟิ่งไห่และจื้อลี่เจียงทำให้บุคคลทั้งสองต้องหยุดชะงักฝ่าเท้า
"ท่าน..."
"เฟิ่งไห่" ชายไม่ทราบนามเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นเฟิ่งไห่เข้ามาและปล่อยมือจากจื้อซิ่งเหมี่ยน นางที่ไม่พอใจเป็นทุนเดิมรีบปัดแขนตนเองด้วยท่าทางโมโหจัด
"ลุงเฟิ่งรู้จักชายผู้นี้ด้วยหรือเจ้าคะ ถ้าเช่นนั้นฝากให้ท่านลุงช่วยอบรมความเป็นบุรุษให้แก่เขาด้วย อ๋อ!ที่นี่เป็นหอโคมเขียวก็ควรสังเกตว่าสตรีนางใดยินดีรับแขก มิใช่ทำตัวราวกับเป็นโจรราคะ กักขฬะไร้สามัญสำนึก" นางกล่าวบริภาษใส่เขาจบก็สะบัดมือเดินเลี่ยงออกไป
"นั่นเจ้าจะไปไหน เหมี่ยนเอ๋อ" ผู้เป็นมารดาเอ่ยถามน้ำเสียงแฝงความเป็นห่วง
"ข้าจะไปแสดงเจ้าค่ะท่านแม่"
"เจ้าจะไปทั้งที่สภาพเป็นเช่นนี้น่ะหรือ? " นางมองสภาพชุดที่ไม่เรียบร้อยนัก ก็ช้อนสายตาค้อนวงกว้างให้กับชายที่ยืนไม่ไกลจากเฟิ่งไห่
"ข้าจะไปเปลี่ยนชุดใหม่เจ้าค่ะ ส่วนห้องนี้...ข้าไม่ใช้แล้ว!" นางเอ่ยน้ำเสียงไม่พอใจ สะบัดหน้าเดินออกจากห้องไป ปล่อยให้คนทั้งสามมองตามหลัง เฟิ่งไห่เหมือนจะกล่าวคำต่อแต่ถูกชายคนดังกล่าวถูกแทรกขึ้นมาก่อน
"ข้าไม่รู้ เห็นเพียงเงานึกว่าสาวใช้จัดแจงอะไรอยู่ด้านในเลยลองเสี่ยงเข้ามาห้องนี้ คงไม่ถือสากระมัง” เขามองกริยาของเฟิ่งไห่ย่อมรู้ว่าเขาจะเอ่ยอันใดกับตน
"เอ่อ...ไม่ขอรับท่านอ๋อง"
"ในเมื่อนางเอ่ยว่าไม่ใช้ห้องนี้แล้ว ข้าว่า...ข้าสนใจ คงไม่มีปัญหาอะไรนะเฟิ่งไห่"
"เอ่อ...ขอรับ" เขาหรือจะกล้ามีปัญหา
"นางเอ่ยว่านางจะไปแสดง นำข้าไปชมสักหน่อย ข้าอยากรู้ว่าผ่านมาหลายปี เมืองหลวงมีการแสดงอะไรน่าชมบ้าง"
"แล้ว..." คำถามที่จะเอ่ยจำต้องถูกกลืนเข้าคอ เพราะสายตาที่หันมามองเป็นคำตอบอย่างดีว่าไม่อนุญาตให้เฟิ่งไห่ถาม
"ขอรับ"