สองตาจับจ้องที่บุตรีใบหน้างามที่คีบอาหารเข้าปาก โดยยังไม่เอ่ยถามจวบจนนางวางตะเกียบลงเองและส่งรอยยิ้มน้อยๆ ให้ผู้เป็นมารดา
"ท่านแม่ เมื่อคืนไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ เจ้าค่ะ ข้าเพียงแค่ร่ายรำเท่านั้น"
"เพียงแค่นั้นจริงหรือ? "
"เจ้าค่ะ เพียงแค่นั้น อ้อ! มีอีกอย่างเข้าค่ะ ข้าขอฝ่าบาทไปนั่งข้างๆ สตรีงามปานล่มเมือง ทุกสายตาจับจ้องทั้งนางและข้า คงแยกยากหากสวมชุดเหมือนกัน" นางกล่าวใบหน้าเรียบเฉยก็ยิ่งทำให้มารดาร้อนใจไม่เป็นสุขกับคำกล่าวของบุตรสาว
“เจ้าเป็นใครกันแน่?” คำถามแรกที่หรูอวี้เปิดปากเมื่อนางรำนามจื้อซิ่งเหมี่ยนมานั่งใกล้นาง
“นามข้า...จื้อซิ่งเหมี่ยน...ยังไงเล่า คุณหนูกู้นึกว่าเป็นใคร?”
“เมื่อครู่ไม่ใช่เจ้าเรียกข้าว่าน้องสาว”
“สงสัยข้าจะจำผิด แค่คนหน้าตาคล้าย คุณหนูอย่าได้สนใจเลยเจ้าค่ะ น้องสาวต่างมารดาข้าคนนั้น สวยแต่รูป แต่ใจยิ่งอสรพิษ”
“เจ้า!” ทั้งสองยังไม่ได้ปะทะคารมกันเท่าไหร่นัก ก็มีอาหารมาวางบนโต๊ะเสียก่อน จนกระทั่งอาหารหนึ่งมาวางตรงหน้า กู้หรูอวี้หยิบตะเกียบเตรียมคีบกิน
“คุณหนูกล้าทานอาหารชิ้นนั้นด้วยหรือ” กู้หรูอวี้หันหน้ามามอง สายตาเชิงถาม เพราะอาหารในวังมีแต่โอชารส ไม่มีเหตุผลใดไม่ทาน
“ข้าแค่สงสัย เพราะถ้าเป็นข้า ข้าคงไม่กล้าคีบกินเป็นแน่ เพราะนั่นคือ ชิ้นเนื้อของ”
“ชิ้นเนื้ออะไร?” นางอดถามเสียงแข็งแต่เบาเสียงไม่ได้
“เนื้อคน...” เสียงกดต่ำทำให้กู้หรูอวี้สะพรึงกลัว และกำลังจะเผลอกรีดร้องขึ้นมา ทว่าถูกมารดารีบจับมือไว้ก่อน และกระซิบว่าลี่ นางรำผู้นี้แค่ทำให้หรูอวี้เสียสติต่อหน้าฝ่าบาท นางฟังคำมารดาจึงได้แค่นยิ้มและหันหน้ามาเผชิญกับจื้อซิ่งเหมี่ยน
“ข้าไม่เชื่อเจ้าหรอก”
“ไม่เชื่อก็ดี แต่จริงๆ แล้ว ข้ามีความสามารถมาสร้างความบันเทิงถึงในวังหลวงได้ แค่ชิ้นเนื้อนี้เหตุใดจะไม่ได้กัน จริงไหมคุณหนูกู้” คำกล่าวกลั้วหัวเราะ ทำให้นางกัดฟันพ่นลมหายใจ “อ้อ! แค่ชิ้นเนื้อของหากเป็นชิ้นเนื้อของสตรีต่ำๆ คนหนึ่งยิ่งดี หากไม่ได้กินข้าคงจะเสียใจแย่” นางส่งสายตาคมกริบให้จื้อซิ่งเหมี่ยน
“เช่นนั้นก็ทานให้มากหน่อย มื้อสำคัญมักมีไม่บ่อยนัก”
“ซิ่งเหมี่ยน...จื้อซิ่งเหมี่ยน นี่! เจ้าเหม่ออะไร ซิ่งเหมี่ยน”
“เปล่าเจ้าค่ะ” เสียงหวานเอ่ยเสียงแข็งเรียกจนดึงสตินางมาอยู่กับปัจจุบัน
"ซิ่งเหมี่ยน หากแม่จะขอ..." มารดานามลี่เจียงยังกล่าวไม่จบประโยคก็ถูกบุตรสาวเอ่ยขึ้น แม้จะไม่พอใจแต่จื้อซิ่งเหมี่ยนก็พยายามปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติมากที่สุด
"ท่านแม่อย่าเห็นแก่ความเป็นพี่น้อง นางเคยเห็นท่านแม่เป็นพี่สาวและเห็นข้าเป็นหลานหรือไม่ ถ้ากล่าวอีกนัยหนึ่งข้าก็เป็นคุณหนูใหญ่สกุลกู้ พวกนั้นทำกับท่านและข้าอย่างไร ทั้งท่านและข้าเกือบเหยียบปรโลกมาแล้วท่านอย่าลืมสิเจ้าคะ"
"แต่ว่า..."
"ข้าไม่ได้มีจิตใจสะอาดบริสุทธิ์ หรือดื่มน้ำทิพย์จากพระโพธิสัตว์จนชำระล้างฝุ่นในใจของข้า และพร้อมที่จะให้อภัยกับทุกคนนะท่านแม่ รอให้ผลกรรมสนองพวกมันงั้นหรือ? ช้าไปเจ้าค่ะ เอาเป็นว่าข้าสัญญาข้าไม่เอาชีวิตใคร ท่านแม่ก็สบายใจได้แล้วนะเจ้าคะ และที่สำคัญคนที่ท่านแม่ควรใส่ใจมากที่สุดคือลุงเฟิ่ง คนรักของท่าน รักโดยที่ไม่คิดเล็กคิดน้อยว่าท่านโดนพวกนั้นทำสิ่งใดให้แปดเปื้อนมาบ้าง" จื้อลี่เจียงกัดริมฝีปากล่างเมื่อได้ยินคำกล่าวจากปากของบุตรี ใช่ว่านางจะไม่แค้น แต่เพราะบุตรสาวยังมีอำนาจไม่พอเสียมากกว่า
อีกฝ่ายที่รู้ว่าวาจาเมื่อครู่ค่อนข้างรุนแรงเกินไป ทว่าในใจเริ่มขุ่นมัว นางรับปากแล้วว่าจะไม่เอาชีวิตใครเพราะนางอยากให้พวกนั้นได้ตกนรกบนดินเหมือนที่นางเผชิญ แต่ก็ใช่ว่าการที่นางรับปากแล้ว จะมิมีใครจะเอาชีวิตพวกนั้น หางตาพลันเห็นสีหน้ามารดาที่ดูเศร้าลงนางรู้ตัวว่าวาจาที่เอ่ยเมื่อครู่ทิ่มแทงหัวใจของมารดาไม่น้อยไปกว่าตน
"ลูกขอโทษเจ้าค่ะ ลูกไม่ได้ตั้งใจ คืนนี้ท่านแม่ช่วยบอกลุงเฟิ่งจัดโต๊ะมากหน่อยได้ไหมเจ้าคะ เพราะลูกคิดว่าวันนี้ลูกจะเปิดผ้าแสดงให้คนได้ยลโฉม"
"อืม รอเขาตื่นก่อน แล้วแม่จะบอกให้"
"ไม่ต้องรอแล้วกระมังเจ้าคะ ลุงเฟิ่งเดินมาโน่นแล้ว" น้ำเสียงแกมหยอกล้อที่นางเปลี่ยนได้เร็วทันใจ ดวงตาจับจ้องไปยังนัยน์ตาผู้เป็นมารดาอย่างรู้ทัน
"แม่ลูกสนทนาอะไรกัน? "
"ท่านแม่กังวลว่าค่ำนี้จะมีแขกมากมายจนหอเรารับไม่ไหว จนลุงเฟิ่งต้องเหนื่อยกว่าทุกคืนอีกแน่"
"แค่เจ้าอยู่ด้วย ข้าไม่เหนื่อยหรอก" สายตาและน้ำเสียงทำให้
จื้อซิ่งเหมี่ยนไอขลุกออกมาขัดจังหวะ ทำให้เขายิ้มเจื่อนให้
"ท่านลุงเฟิ่ง คืนนี้ข้าคิดว่าจะเปิดผ้าแสดงร่ายรำเจ้าค่ะ"
"หืม!"มือที่กำลังเทน้ำชาชะงักไปชั่วขณะ มองนางอย่างหาคำตอบก่อนที่จะหันมาเทน้ำชาลงแก้วต่อ
"เจ้าค่ะ เมื่อคืนที่วังหลวงข้าจำเป็นต้องเผยโฉมหน้าให้ผู้คนได้เห็น ข้ามาคิดๆ ดูแล้วคงไม่มีความจำเป็นต้องปิดบังซ่อนเร้น เพราะถึงอย่างไรวันนี้ก็ต้องมาถึงสักวัน"
"เจ้าแน่ใจ? " นางพยักหน้าตอบรับ "ข่าวจากแหล่งต่างๆ ก็เข้ามาเยอะขึ้น อีกอย่างข้าก็อยากให้คนที่มาเที่ยวหอนางโลมได้เห็นหน้าบุตรีเจ้าของหอนางโลมเสียที"
"แล้ว..." เฟิ่งไห่ยังถามไม่จบ จื้อซิ่งเหมี่ยนก็ยิ้มพลางกล่าว
"แล้ว...ท่านแม่อยากได้ผ้าทอผืนงาม เตรียมตัดชุดให้บุตรในครรภ์เจ้าค่ะ ท่านลุงเฟิ่ง"
"ห๊า!" เขาหันหน้ามองสตรีที่เป็นภรรยาเขา นางส่ายหน้าทำให้เขารู้สึกเศร้าใจ
"บำรุงมากหน่อย ประเดี๋ยวคุณชายน้อยเฟิ่งก็มาเอง ลูกรอดูใบหน้าน้องอยู่นะเจ้าคะ"