พานพบผู้มาเยือน

854 คำ
เขาเดินไปตรงหน้าจื้อซิ่งเหมี่ยน คนผู้นั้นจ้องมองนาง จะกล่าวว่านางไม่รู้สึกประหม่าหรืออดรู้สึกกลัวคงจะไม่ได้ สายตาเยือกเย็นของเขาทำให้นางต้องชักสายตากลับ เสียงร้องไห้และเสียงก่นด่าอย่างแค้นเคืองของคนสกุลหนิงยังคงสะท้อนอยู่ในอากาศ ทำให้บรรยากาศโดยรอบตึงเครียดยิ่งกว่าเดิม "ท่านผู้หาญกล้าไม่ใช่ว่าท่านเป็นญาติกับคนสกุลหนิง? " "ไม่ใช่" เสียงแข็งกร้าวเปล่งออกมานางก็ไม่อยากใส่ใจนัก เขาไม่ใช่ญาติแล้วเหตุใดต้องแสดงท่าทางกับสตรีที่เพิ่งเจอครั้งแรก หรือว่าเขาเคืองโกรธเรื่องเมื่อครู่ที่นางสิ่งตัดหน้าม้าของเขาจนเกือบทำให้เขาเสียหลักล้มลง "หรือท่านยังเคืองโกรธเรื่องเมื่อครู่ เช่นนั้นข้าน้อยขออภัย" เขามิตอบคำนางแต่สายตาหันไปมองคนด้านหลังที่เดินออกมา นางอดที่จะหันไปมองด้วยไม่ได้ เห็นคนทั้งสามกำลังยืนดูเหตุการณ์ นางก็คร้านที่จะอยู่ดู "ด้านในคงมีเรื่องสนุก หากท่านจะเข้าไปชมข้าน้อยขอตัว" นางเดินจากไปพร้อมการประคองจากสตรีที่เดินทางมาด้วย คนทั้งสามเดินออกจากศาล และเห็นบุรุษเนื้อตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นละออง หนวดเครารกรุงรัง "ทำไม? หรือจำข้าไม่ได้" กู้ไต้ฝู่ดูจะตกใจและคำนวณว่าทองที่หายสาปสูญไปอย่างไม่มีร่องรอยคงมาจากสาเหตุนี้เป็นแน่แท้ "ข้าน้อยกู้ไต้ฝู่คารวะรุ่ยอ๋อง" เขาพยักหน้ารับแต่สายตายังคงจดจ้องบุรุษอีกคน หาใช่หนิงไช่กวงแต่เป็นจ้าวยวี่เสียง "เสด็จอา" จ้าวยวี่เสียงคารวะเต็มพิธี รุ่ยอ๋องเป็นองค์ชายที่เกิดจากเจี๋ยอวี๋ ของฮ่องเต้พระองค์ก่อน เขาเหลือบตามองไปยังกู้หรูอวี้ที่เดินตามมาด้านหลังย่อกายคารวะ 'คงเป็นสตรีในดวงใจสินะ' มุมปากยกโค้ง "ไม่เจอกันนาน เจ้าคงสบายดีนะเหนียนอ๋อง" "พ่ะย่ะค่ะ" น้ำเสียงทั้งสองฝ่ายดูคล้ายจะไม่ดีใจที่ได้เจอกัน "พวกเจ้าคงมาชมเรื่องสนุก ข้าไม่รบกวน" เขากล่าวสั้นๆ และเดินตรงไปยังม้าคู่กายพร้อมดีดตัวขึ้นหลังม้า จ้าวยวี่เสียงมองตามแผ่นหลังที่ค่อยๆ ลับสายตาออกไปจากพื้นถนน แววตายากจะจับอารมณ์ความรู้สึกได้ จวนรุ่ยอ๋องตั้งเด่นตระหง่านอยู่ทางทิศบูรพาของวังหลวง เวลานี้อาทิตย์เคลื่อนคล้อยต่ำลงแสงสีทองสาดส่องเข้ามาภายในด้านในตำหนัก มีดเล่มเล็กทำหน้าที่โกนหนวดเคราตามที่เจ้าของมือจะรังสรรค์ให้มันไปตามทิศทางไหนนั้น จู่ๆ คนข้างกายเคาะฉากกั้น "ว่ามา!" "เรียนรุ่ยอ๋อง ฮองเฮาเสด็จพ่ะย่ะค่ะ" เขาตอบรับในลำคอ ไม่ทันที่เขาจะวางมีดเล็ก สตรีแต่งเต็มยศก็เข้ามายังฉากกั้น โดยมิได้ละอายว่าบุรุษที่อยู่ด้านหลังฉากกั้น ยามนี้ร่างกายอาจเปลือยเปล่าไร้อาภรณ์ห่อหุ้มร่าง "ข่าวไปไวดีนี่ ข้ามาถึงเมืองหลวงไปกี่ชั่วยามฮองเฮาผู้สูงส่งก็มาเยือนถึงตำหนัก" ฮองเฮาไม่ได้รู้สึกขัดเคืองกับคำพูด แต่กลับรู้สึกว่านั่นคือคำเย้ายวนที่นางมิได้ฟังมาเนิ่นนาน "ข้าแค่คิดถึงเจ้า ไม่อาจรอแม้แต่ครึ่งก้านธูป" มืองามลูบไล้แผงอก จับมือของรุ่ยอ๋องขึ้น หลับตาพริ้มลูบเลื่อนไล้ตามใบหน้าของตนเองอย่างใหลหลง เขามองใบหน้างามของฮองเฮา มุมปากกระตุกไม่รู้ว่าในใจคิดอะไร "คิดถึงข้ามากเพียงนั้นเชียว? " นางลืมตาพยักหน้า สายตาจับจ้องคนตรงหน้า เพื่อรอคำตอบไม่นานนักเขาก็เอ่ยขึ้นทำให้นางยิ้มได้ "ข้าก็คิดถึง แต่วันนี้ข้าเหนื่อยยิ่ง" "ไม่เป็นไร ข้าช่วยท่านเอง" นางจูงมือเขาเข้ามายังเตียงที่อยู่ด้านนอกฉากกั้น ริมฝีปากประกบร่างชายแกร่งที่ผิวดำแดด เส้นผมมีรอยน้ำหยดลงใบหน้าของสตรีที่ดูดดื่มกับรสจุมพิตอย่างดูดดื่ม มือใหญ่ค่อยปลดปิ่นปักผมของนางออกทีละชิ้นจนหมด เส้นผมสีรัตติกาลทิ้งตัวลงคลุมแผ่นหลัง นางมิรอช้าเปลื้องผ้าของตนเองเพื่อเผยผิวพรรณที่ได้รับการดูแลอย่างดี "เจ้าทำให้ข้าหิวกระหาย" "อาหารชั้นเลิศมาป้อนถึงที่ หากท่านหิวโซข้ายินดีปรนเปรอท่านจนอิ่มหนำสำราญ" เขาไม่ตอบช้อนร่างที่ไร้อาภรณ์ขึ้นเตียงและนอนทับร่าง บรรเลงเพลงรักที่ทั้งสองต่างร่วมมือร่วมใจกันเสกสรรขึ้นมา หลังเพลงรักจบสิ้นฮองเฮาได้เสด็จกลับ รุ่ยอ๋องเรียกคนสนิทเข้ามาและกำชับว่าหากครั้งต่อไปฮองเฮาจะมาให้ส่งคนมาแจ้งก่อน มิใช่ฮองเฮามาถึงตำหนักแล้วค่อยแจ้งเรื่อง คนสนิทรีบรับคำแล้วถอยเท้าเดินออกไป ส่วนตัวเขาเดินเข้าห้องลับ เพื่อชมสตรีหุ่นหยก
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม