เบาะแส / 1

1295 คำ
“บุกเข้ามาเพียงลำพังเช่นนี้ เจ้าคงจะวางแผนทุกอย่างเอาไว้หมดแล้วสินะ” ขณะที่โจรชั่วพาฉินลี่ฮวาเดินออกมาจากค่ายพักแรมอย่างไร้จุดหมาย หญิงสาวก็เอ่ยถามขึ้น “ข้ารอโอกาสนี้มานานเชียวล่ะ ไม่ต้องพูดมากแล้วเดินต่อไป เราต้องรีบเดินไปให้พ้นจากรัศมีของพวกทหาร มีเวลาไม่มากนักหรอกก่อนที่ว่านราตรีจะหมดฤทธิ์” เขาพูดตอบ ‘เพราะแบบนี้เองสินะ โจรผู้นี้ถึงได้บุกเดี่ยวเข้าไปได้อย่างง่ายๆ’ หญิงสาวคิดในใจ “เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร” “เฮอะ! องค์หญิงฉินลี่ฮวา บุตรสาวคนโตของฉินฝานหรู เจ้าหัวเมืองผู้เลื่องลือนาม ว่าเป็นผู้ปราบโจรจนหมดสิ้นไปจากแผ่นดินจินหลิง” ฉินลี่ฮวาเบิกตากว้าง เขารู้ขนาดนี้แล้วก็ยังกล้าทำอย่างนั้นเหรอ “คงคิดว่าข้าจะเกรงกลัวพ่อของเจ้าอย่างนั้นสินะ พวกพ้องของข้าถูกกวาดล้างไปจนเกือบหมด นั่นคือเหตุผลที่ข้าเสี่ยงตายบุกเข้ามาชิงตัวเจ้าในวันนี้อย่างไรเล่า” เก๋อเตาไป่พูดต่อ และพยายามเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น เพื่อที่จะไปให้ถึงเส้นทางลับ ที่เขาสำรวจเอาไว้ให้โดยเร็ว ตอนนี้เจ้าม้าป่าของเขาดูเหมือนจะหลงทาง เพราะจนป่านนี้แล้วมันยังไม่โผล่มาเลย “เจ้าจะฆ่าข้าเหรอ” เสียงหวานเอ่ยถามด้วยความรู้สึกหวาดกลัว ถึงจะไม่อยากแต่งงาน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะอยากตาย นางยังมีอีกหลายสิ่งที่อยากทำ ถ้าความตายคือทางออก คงจะปลิดชีพตัวเองไปตั้งแต่ตอนที่รู้ว่าต้องแต่งงานเสียแล้ว “ข้าไม่ใช่คนตัดสิน คนที่เจ็บปวดที่สุด จากการกวาดล้างกลุ่มโจรภูเขา จะได้สิทธิในการตัดสินเจ้า และข้าจะเป็นคนพาเจ้าไปส่งให้กับเขาเอง” ความหวาดกลัวกัดกินหัวใจขององค์หญิงฉินจนแทบไม่มีแรงจะก้าวขาต่อ ทุกย่างก้าวของโจรชั่วเต็มไปด้วยความมั่นใจ ยิ่งตอกย้ำว่าเขาได้เตรียมการหลบหนีนี้ไว้อย่างรอบคอบ ทุกอย่างเงียบสงัด มีเพียงเสียงใบไม้หนาทึบใต้ฝ่าเท้าของพวกเขาเป็นเสียงเดียวที่ดังขึ้นมาทำลายความเงียบ เสียงสัตว์ป่าดังอยู่ไม่ไกลนัก ยิ่งเพิ่มความน่าขนลุกให้กับองค์หญิงผู้บอบบาง ความมืดเริ่มกลืนกินบริเวณโดยรอบ เมื่อทั้งสองคนกำลังพากันเดินเข้าสู่ป่าทึบ ที่แม้แต่แสงจากดวงอาทิตย์ก็ยังไม่อาจสาดส่องเข้ามาถึง “นี่เจ้าจะพาข้าไปที่ใด” เมื่อเริ่มรู้สึกกลัวอย่างถึงที่สุด ฉินลี่ฮวาจึงได้เอ่ยถามขึ้น และพยายามจะดิ้นหนีจากพันธนาการของโจรชั่ว “บอกไปเจ้าก็คงไม่รู้หรอก เดินต่อไปป่านนี้ทหารที่ค่ายพักแรมคงจะฟื้นกันแล้วล่ะ” เก๋อเตาไปว่าพร้อมกับใช้ด้ามมีดจ่อที่หลังขององค์หญิง เพื่อให้นางก้าวเท้าเดินต่อไปโดยเร็ว ที่ค่ายพักแรมกำลังวุ่นวาย เมื่อเหล่าทหารยามเริ่มฟื้นขึ้น ต่างฝ่ายต่างก็กระจายกำลังไปตรวจดูความเรียบร้อยรอบๆ ค่าย เพราะการที่ทุกคนพากันหมดสติไปแบบนี้ไม่ใช่เรื่องปกติแน่นอน “ข้าจะไปดูกระโจมท่านพี่ลี่ ตรวจดูรอบๆ ให้เรียบร้อย ว่ามันเกิดอะไรขึ้น” ฉินกู่หยงบอกกับนายทหารผู้ดูแลขบวน “องค์ชายรองเจ้าคะ องค์ชายรอง! แย่แล้วเจ้าค่ะ” นางรับใช้ผู้ติดตามดูแลฉินลี่ฮวาวิ่งเข้ามาด้วยท่าทางตื่นตกใจ ได้เห็นแบบนั้นฉินกู่หยงยิ่งรู้สึกหัวใจหล่นวูบลงไปที่ตาตุ่ม ดูจากท่าทางของนางรับใช้ผู้นี้แล้ว แน่นอนว่าต้องมีเรื่องแน่ๆ เขาได้แต่หวังว่าจะไม่เป็นอย่างที่เขาคิด “เกิดอะไรขึ้น” “องค์หญิง....ฮึก...องค์หญิงลี่หายตัวไปเจ้าค่ะ” “เวรเอ๊ย ใครมันกล้าถึงเพียงนี้กัน!!!” องค์ชายรองคำรามลั่น เขาพลาดท่าได้อย่างไร แล้วไอ้โจรชั่วที่กระทำเรื่องนี้ยังดูเหมือนว่าไม่ได้ทิ้งร่องรอยอะไรเอาไว้เลย ราวกับว่ามันหายตัวเข้ามาอย่างนั้น “จูฉี! สั่งทหารให้กระจายกำลังออกไป ตามหาท่านพี่ให้เจอ แล้วลากคอให้โจรชั่วพวกนั้นกลับมาให้ได้ด้วย พวกมันคงอยู่ไม่ไกลจากที่นี่นักหรอก” ฉินกู่หยงตะโกนบอกกับนายทหารคนสนิท ก่อนจะเดินตรงไปที่ลานผูกม้า เพื่อเตรียมออกตามหาพี่สาวที่หายออกไปจากกระโจม เขาพยายามคิดว่าใครกันที่จะกล้าทำเรื่องอุกอาจเช่นนี้ โจรกลุ่มไหนที่จะกล้าบุกเข้ามาทั้งที่เห็นธงจินหลิงและต้าเฉิงพลิ้วไสวอยู่ใจกลางค่าย แล้วเรื่องที่ถูกวางยาสลบทั้งค่ายอีก หากเรื่องนี้รู้ไปถึงหูของฉินฝานหรูบิดาของเขาแล้วละก็ ได้ถูกลงโทษหนักเป็นแน่ และที่ยิ่งไปกว่านั้นหากฉินลี่ฮวา พี่สาวของเขาเป็นอะไรไป เขาไม่มีวันจะให้อภัยตัวเองแน่ ทั้งที่นำขบวนมาด้วยตัวเองแท้ๆ ยังปล่อยให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาได้ “ต้องเป็นว่านราตรีอย่างแน่นอนเลยเจ้าค่ะองค์ชาย เคยได้ยินว่าว่านชนิดนี้ถูกใช้วางยาขบวนพ่อค้าเพื่อตัดกำลัง ก่อนจะบุกเข้าปล้นพวกที่รอดพ้นจากพิษของว่าน” นายทหารคนหนึ่งเอ่ยขึ้น เมื่อเขาประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างถี่ถ้วนแล้ว “นั่นก็หมายความว่า คนที่อยู่ในกระโจมก็จะไม่ถูกพิษของว่านนี้ แล้วทำไมพวกมันถึงได้เข้ามาอย่างเงียบเชียบนัก ไม่ทิ้งร่องรอยอะไรเอาไว้เลย” ฉินกู่หยงถามกลับ ตัวเขาเองก็ไม่ได้รู้สึกเวียนหัวเหมือนกับพวกทหารที่เฝ้ายามอยู่ด้านนอก แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยตอนที่โจรบุกเข้ามา “ที่น่าแปลกคือพวกมันตั้งใจเข้ามาชิงตัวองค์หญิงโดยเฉพาะ และไม่ได้แตะต้องของมีค่าอื่นเลย” “หรือว่า...” ฉินกู่หยงจำได้ว่า แม่ของเขาเคยบอกว่าโจรภูเขาจินหลิงที่ถูกฉินฝานหรูกวาดล้างไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน ไม่ได้ตายไปทั้งหมด มีเพียงหนึ่งคนที่รอดชีวิตไปได้ แต่แม่ของเขาก็ได้สั่งเอาไว้ว่าอย่าพูดไป เพราะจะทำให้ ชื่อเสียงฉินฝานหรูพ่อของเขาเป็นที่ครหา เพราะผู้คนต่างพูดกันไปว่าเขาได้สังหารโจรพวกนั้นจนไม่เหลือแม้สักคนเดียว หากโจรผู้นั้นยังมีชีวิตอยู่จริง ก็อาจจะเป็นไปได้ว่ามันต้องกลับมาเพื่อแก้แค้นให้กับพวกพ้อง และที่มันเข้ามาได้อย่างไร้ร่องรอย ก็เพราะมันบุกเข้ามาเพียงคนเดียว “องค์ชายรองพวกเราจับม้ามาได้ตัวหนึ่งเจ้าค่ะ” เสียงของทหารที่ไล่ตามฉินกู่หยงมาเพื่อรายงานความคืบหน้า “ม้าป่า เจ้าพวกโง่ เจ้านี่มันม้าป่า คงจะพลัดหลงเข้ามาที่ค่าย จับมาให้ได้อะไรอย่างนั้นเหรอ เอาเวลาไปตามหาร่องรอยของไอ้โจรนั่นซะ!!!” “เดี๋ยวสิองค์ชายรอง นี่มันม้าภูเขาสายพันธุ์โช่วเยียน พวกมันหาอาหารอยู่ตามหุบเขาแถวๆ นั้นเพราะมีสมุนไพรป่าชนิดหนึ่งที่มันโปรดปราน ไม่มีทางเลยที่จะพบเจอพวกมันได้ที่อื่น” “เจ้ากำลังจะบอกว่า...พาม้าตัวนี้กลับไปที่ค่าย แล้วเราจะประชุมวางแผนตามหาท่านพี่กันใหม่ ไป!!!”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม