บทที่ 3 เมามาย

2046 คำ
“ทำไมถึงทำอย่างนี้ครับ” เอ่ยพูดเมื่อเดินห่างจากโต๊ะกินข้าวมาไกลพอสมควร เขามีสีหน้าไม่พอใจเท่าไรนัก “ทำไมล่ะ เมื่อกี้ก็เหมือนคุยกันถูกคอ” “ก็มัน...ผมไม่ค่อยโอเคเท่าไร เหมือนว่าพ่อพยายามจับคู่ให้” คนเป็นพ่อกระตุกยิ้มมุมปาก เขาส่ายหน้าเบา ๆ “ไม่มีความคิดนั้นในหัวพ่อเลย พ่อรู้ว่าการถูกคลุมถุงชนมันรู้สึกยังไง” เปรมนัตย์เองก็เคยถูกจับแต่งงานมาก่อน เขาไม่ได้ต้องการให้ประวัติซ้ำรอย “พ่อแค่อยากให้แกเผชิญกับความจริง อย่าหนีอีก” “_” “มันผ่านมานานแล้ว ลืมมันไปแล้วดูแลหนูมุกดาดี ๆ” ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอ เขาหันไปมองเจ้าของชื่อที่กำลังพูดไม่หยุดกับคนเป็นแม่ “เข้าใจไหม” “_” “ปริม” “ครับ” พอเอ่ยเรียกชื่อย้ำแบบนี้เป็นอันว่าต้องการคำตอบ ณ ตอนนี้ จะปฏิเสธก็ไม่ได้ ชายหนุ่มยอมตอบรับเสียงแผ่วเบา เขารู้สึกลำบากใจ อึดอัดหัวใจ เป็นความรู้สึกในก้นบึ้งหัวใจที่ใครก็ไม่อาจจะเข้าใจได้ มีแค่เขาที่รู้สึกอย่างนั้น... งานเลี้ยงดำเนินไปด้วยความครื้นเครง อาหารรวมถึงไวน์ฟรีราคาแพงนี้ใช่ว่าจะมีบ่อย ๆ งานเลี้ยงจึงยังคงครื้นเครงแม้นว่าจะเริ่มดึกแล้วก็ตามที “มาแล้ว โทษที” เสียงหนึ่งดังขึ้นทางด้านหลัง เป็นเสียงที่เขาเองก็ได้ยินบ่อยครั้ง ชายหนุ่มค่อย ๆ หันไปมองเจ้าของเสียงนี้ เป็นพี่ชายของเขาเอง “ไม่มาพรุ่งนี้เลย” “หึ...” ปุณณกันต์หัวเราะให้กับการประชดประชันของน้องชาย หมออย่างเขามีเวลาได้พักหายใจก็ดีมากแค่ไหนแล้ว “เมียไม่ได้มาด้วยเหรอ” “มา นั่นไง” ว่าแล้วก็ชี้ให้น้องชายดู เขาไปหาปรินทร์บ่อยครั้งที่อังกฤษด้วยความที่ไม่อยากให้สัมพันธ์พี่น้องดูห่างเกินกันเกินไป ซึ่งทั้งคู่มีหน้าตาละม้ายคล้ายกัน ต่างกันที่อายุและอีกฝ่ายสวมแว่นก็เท่านั้น “พ่อแม่ล่ะ” “ไปนอนแล้ว” ปุณณกันต์พยักหน้ารับเบา ๆ ก่อนที่เขาจะเลื่อนสายตามองผู้หญิงคนหนึ่งที่ซบอยู่บนโต๊ะอาหาร “อย่าบอกนะว่า...มุกเหรอ” “หึ...” ปรินทร์ไม่ได้ตอบ เพียงแค่แค่นหัวเราะพร้อมกับส่ายหน้าเบา ๆ เท่านั้น เธอเมาด้วยแก้วไวน์ไม่กี่แก้วเท่านั้น แต่แล้ว “เสียง!” อยู่ ๆ ก็ผงกหน้าขึ้น ใบหน้าแดงก่ำของเธอทำเอาปรินทร์คว่ำริมฝีปากลงเล็กน้อย “เสียงเหมือนหมอปุณณ์เลย อึก” “เฮ้...อย่าอ้วกนะ” หมอหนุ่มเลื่อนมือไปประคองใบหน้าสวยของเธอไว้ มุกดาไม่ต่างจากน้องสาวของเขา “หมอปุณณ์จริง ๆ ด้วย~” ว่าเสียงยานคาง ใบหน้าแดงก่ำ คอก็โก่งเตรียมจะอาเจียนอยู่ตลอดเวลา “เฮ้อ...ใครเอาให้กินวะเนี่ย” “ผมเอง...” ตอบหน้าตาย เห็นแล้วก็ตลกดี แถมตอนนี้เธอก็ลุกขึ้นยืนอีกด้วย “ขอเพลงมันส์ ๆ หน่อยค่า~” ส่งเสียงร้องลั่นกลางงานเลี้ยงที่ยังคงมีผู้คนอยู่ นักดนตรีที่ได้ยินอย่างนั้นก็ตอบรับผ่านไมโครโฟน เตรียมบรรเลงเพลงแดนซ์ให้ตามคำขอ “มุก! พี่ว่าเรากลับบ้านไปนอนดีกว่า” ปุณณกันต์เห็นท่าไม่ดี เป็นห่วงน้องสาวคนนี้ ทว่า “ปล่อยไปเถอะ คงเก็บกดน่าดู” ปรินณ์พึมพำออกมาเสียงแผ่วเบา เธอจะทำอะไรก็ได้ เพราะที่นี่ยังเป็นบ้านอยู่ หากไปทำที่อื่นก็คงไม่ดี “เออ น้องเก็บกดจริง ๆ แหละ” หมอหนุ่มเห็นสาวน้อยลุกขึ้นเต้นแบบไม่ห่วงสวยก็เห็นด้วยกับคำพูดน้องชายจริง ๆ เขาหย่อนสะโพกลงนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิมของมุกดา “แต่แบบนี้ก็ไม่ไหว” มองทีไรก็อยากจะขำออกมาให้หนัก แต่ก็จะไม่ได้แล้วว่าเสียงหัวเราะของตัวเองเป็นแบบไหน ปรินทร์ทำได้เพียงแค่กระตุกยิ้มบาง ๆ เท่านั้น “หึ แล้วเป็นไง” “เรื่อง?” “อาการ?” “ถามในฐานะหมอหรือพี่ชาย” ทั้งคู่สบตากัน ความเจ็บทางกายยังมีวันหาย แต่การบาดเจ็บทางใจไม่เคยหายไปจากใจของเขาเลย “ฐานะพี่ชายสิ กูไม่ได้เป็นจิตแพทย์สักหน่อย” ปุณณกันต์ว่าพร้อมกับยิ้มให้กับน้องชายบาง ๆ “ก็ดี” “เหรอ...หมอดูออกนะ” “หึ” เขาหลุดเสียงหัวเราะออกมา แม้นว่าพี่ชายไม่ได้เรียนเฉพาะทางด้านจิตวิทยามา แต่ก็คงมองออก มองแววตาของเขาออก “ก็ยังมีฝันถึงอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้บ่อยเหมือนแต่ก่อน” “ดีแล้ว ยังกินยานอนหลับอยู่ไหม” “เปล่า” ปรินทร์ส่ายหน้าเบา ๆ ให้พี่ชาย “ออกกำลังกายก่อนนอน ก็หลับง่ายเหมือนกัน” “หึ...” ปุณณกันต์ถึงกับหลุดเสียงหัวเราะออกมา “ออกกำลังกายแน่นะ” ...ปรินทร์ไม่ได้ตอบอะไร รู้กันว่าตนเองนิสัยแบบไหน ถึงจะเงียบขรึมแต่เขาก็ไวต่อเพศตรงข้าม วันไหนนอนไม่หลับก็ต้องออกแรง มีสตรีข้างกายนอนไปเป็นเพื่อนทุกวัน “อะไรที่ทำแล้วสบายใจก็ทำไปเถอะ แต่อย่าลืมคิดเรื่องแต่งงานนะ” “ไม่มีวันนั้นหรอก” เขาไม่คิดแต่งงานหรอก ต่างจากพี่ชายที่แต่งงานมานาน มีลูกแล้วหนึ่งคน “แต่งงานแล้วมีใครสักคนอยู่ด้วย มีลูกน่ารัก ๆ รอกลับบ้าน มันดีจะตาย” เขาไม่ได้ฟังสิ่งที่คนเป็นพี่กำลังสาธยาย ปรินทร์กำลังมองมุกดาที่ตอนนี้ขึ้นไปบนเวทีแล้ว “ฮัลโหล ๆ ฮัลโหลทุกคนนนน~~” “ให้ตายเถอะ” พอหมอหนุ่มจะลุกไปห้าม สายตาก็เหลือบไปเห็นว่าภรรยาสาวกับลูกกำลังยืนคุยกับผู้ชายคนหนึ่ง ความหึงหวงทำให้เขาอยากเดินไปหาภรรยา มากกว่าไปห้ามมุกดา “มึงไปห้ามมุกดาที เดี๋ยวพรุ่งนี้พ่อรู้ว่าเธอป่วนงานจะเป็นเรื่องเอา” “ไม่ล่ะ...” เขายังตอบไม่จบเสียด้วยซ้ำ คนเป็นพี่ก็กุลีกุจอเดินไปหาเมีย “เฮ้อ...หาเรื่องจนได้” ...ว่าแล้วก็ลุกเดินไปหายัยตัวแสบที่กำลังแหกปากร้องเพลงอยู่บนเวที เธอลบภาพสาวน่ารักที่เขามองเห็นในตอนแรกออกไป เหลือเพียงสาวขี้เมาไม่เอาไหน “มุกดา” “อื้อ~” เขาเดินขึ้นไปช้อนร่างของเธอขึ้นอุ้ม โดยที่ในมือของสาวเจ้ายังมีไมค์อยู่ หญิงสาวเอาไมค์จ่อปากไม่วาง “เธอเมามากแล้ว พอแล้ว” “หล่อจัง...” เสียงจากไมค์โครโฟนดังผ่านลำโพงตัวใหญ่ ได้ยินกันทั้งงาน ชายหนุ่มอยากทิ้งเธอลงพื้นก็ตอนนี้แหละ “มีแฟนยังคะ” “มุกดา!!” เขาข่มเสียงเข้ม แต่เธอยังไม่หยุด แถมยังยื่นมือข้างหนึ่งมาสัมผัสใบหน้าของเขาอีก “หล่อจริง ๆ เลย” เขาส่ายหน้าแรง ๆ พร้อมกับก้าวขาเดิน ทำให้ไมโครโฟนที่ต่อสายอยู่กับลำโพงนั้นร่วงลงพื้น เสียงดังตุบสนั่นลำโพง ชายหนุ่มหงุดหงิดไม่น้อย วันแรกก็เล่นงานเขาแล้ว หลังจากนี้ก็ไม่อยากจะคิด ...ชายหนุ่มอุ้มสาวแสบเข้าไปในบ้านของตน วางเธอลงที่โซฟาภายในห้องนั่งเล่น ก่อนจะล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงเพื่อที่จะได้โทรหาพ่อบุญธรรมของเธอให้มารับกลับบ้าน ทว่า “ร้อนจัง อื้อ~” แขว่ก~ “เชี่ย...” ชายหนุ่มสบถออกมา เมื่อหันไปเห็นว่าหล่อนกำลังฉีกเสื้อผ้าของตัวเองออก และมันก็ขาดอีกด้วย “มุกดา เธอจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ!” “อึก ร้อน ร้อนมากเลย ใครปิดแอร์ เปิดแอร์ให้หน่อย” มือน้อย ๆ ปัดป่ายไปมาบนอากาศ ก่อนที่ปรินทร์จะเก็บโทรศัพท์ไว้ เขาต้องไปหาอะไรมาคลุมให้เธอ “บ้าชะมัด” เสื้อสูทของตัวเองก็ถอดพาดไว้ที่เก้าอี้ทางด้านนอก ด้วยความที่อากาศประเทศไทยไม่เป็นใจให้ใส่สูทนาน ๆ เขาจึงเสียมารยาทถอดพาดไว้ที่พนักพิงเก้าอี้ ...ปรินทร์หันซ้ายแลขวามองหาผ้าดี ๆ มาคลุมให้เจ้าหล่อน หากทิ้งไว้แล้วขึ้นไปเอาเสื้อผ้า คงมีใครมาหิ้วหล่อนไปแน่ ๆ ผิดขาว หน้าอกอวบน่าเจี๊ยะขนาดนี้ “เวรกรรมจริง ๆ” เขาบ่นพึมพำไม่หยุด จากเป็นคนพูดน้อย ตอนนี้กลายเป็นคนขี้บ่นทันทีเมื่อเจอเธอ “เอาวะ” ปรินทร์ตัดสินใจอุ้มเธอขึ้นไปนอนที่ห้องของเขา พอเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าห้องถูกจัดอย่างเป็นระบบระเบียบ มารดาคงให้คนจัดการให้หมดแล้ว ตุบ! “อ๊ะ...” มุกดาส่งเสียงร้องขึ้นมาเบา ๆ แม้นว่าเปลือกตาจะปิดสนิทแล้ว เขาโยนเธอลงที่นอนไม่สนใจว่าหลังของเธอจะหัก “ยุ่งจริง ๆ เลย” ว่าพร้อมกับส่ายหน้าเบา ๆ มองเห็นร่างเปลือยท่อนบนของเธอแล้วรู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้า ปรินทร์ส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะคว้าผ้าห่มมาคลุมร่างบางของเธอไว้ “อื้อ~ ร้อน” กระนั้นคนดื้อก็ยังไม่หยุด หล่อนดึงผ้าห่มออก ทำเอาคนร้อนกว่านั้นถึงกับอยากพ่นไฟออกมา ชายหนุ่มเลื่อนสายตามองหารีโมตฯ เครื่องปรับอากาศ ก่อนจะเปิดแอร์ให้เธอ เลื่อนมือไปคว้าเอาผ้าห่มที่หล่นบนพื้นนั้นขึ้นมาห่มให้เธออีกครั้ง คราวนี้สาวเจ้าไม่ได้ดึงออก แถมยังหลับปุ๋ยอีกต่างหาก ...ปรินทร์ยกแขนขึ้นกอดอก มองใบหน้าของเธอด้วยความรู้สึกบางอย่างในใจ หนีอะไรก็หนีได้ แต่หนีความจริงเรื่องนี้ไม่ได้เลย วันต่อมา... แสงแดดแรกแย้มของวันลอดผ่านช่องว่างบานหน้าต่าง เจ้าของร่างบางที่นอนคว่ำหน้ากับหมอนใบใหญ่นั้นข่มเปลือกตาลงแรง ๆ ความไวต่อแสงของดวงตานั้นทำให้เธอรู้สึกตัวตื่นจากการหลับใหล ก่อนที่ความทรงจำเมื่อคืนจะหลั่งเข้ามาในหัว “กรี๊ดดด!!!” เธอส่งเสียงร้องดังลั่น ภาพในหัวเหมือนกับภาพสโลโมชัน ที่ค่อย ๆ หลั่งเข้ามาอย่างช้า ๆ มากไปกว่านั้นความรู้สึกว่างเปล่าที่ท่อนบนก็ยิ่งทำให้ตกใจไปกันใหญ่ แถมห้องนี้ยัง... “นะ นี่มัน...” เธออ้าปากพะงาบ ๆ ด้วยความตกใจ ผุดตัวลุกขึ้นนั่งด้วยสภาพที่ดูไม่ได้ หัวของเธอฟูฟ่อง มุกดาจำได้ว่าห้องนี้เป็นของใคร เพราะตอนเด็กซนชอบวิ่งเข้ามาเล่นบ่อย ๆ แต่แล้ว แกร็ก~ บานประตูห้องน้ำถูกเปิดออก ร่างหนาในสภาพเปลือยท่อนบนนั้นเดินออกมาพร้อมกับผมที่เปียกโชก เขายื่นมือไปคว้าเอาผ้าขนหนูผืนเล็กมาเช็ดผม มองคนที่ตกตะลึงงันบนที่นอนด้วยแววตาและสายตานิ่งเรียบเช่นเดิม “กรี๊ดดดด!!” ชายหนุ่มรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไร เขาไม่คิดแก้ต่างเลยสักนิด อยากแกล้งให้เข็ดที่เมาไม่รู้เรื่องแบบนี้ ถ้าไปเมาที่อื่นมีหวังถูกลากไปข่มขืนเป็นแน่ โชคดีที่ตนนั้นเป็นคนดี ปรินทร์คิดเข้าข้างตัวเองในใจ “คะ คุณ! อึก ฉะ ฉวยโอกาสเหรอคะ อึก ทำแบบนี้ได้ยังไง” “ถามตัวเองเถอะว่าทำอย่างนี้ได้ยังไง” เขาสวนกลับด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ นิ่งราวกับน้ำนิ่งไหลลึก ไร้การตะคอกโฮกฮาอย่างที่ควรจะเป็น “ทะ ทำอะไรคะ ใครทำอะไร” “_” “ฉะ ฉัน...ข่มขืนคุณเหรอ” เธอว่าพร้อมกับเบิกตากว้าง มีความเป็นไปได้ที่ตนจะสติหลุดจนทำเรื่องน่าอายออกไปแบบนั้น มุกดาตกใจเบิกตากว้าง ส่วนคนตัวโตก็ขำพรืดเลยทีเดียว “ฮ่า ๆ” ชายหนุ่มหัวเราะ เขากลั้วขำกุมหน้าท้อง รู้สึกว่าเธอมีความคิดพิลึกพิลั่น ก่อนที่เขาจะรู้ตัวว่าตัวเองขำแรงไป และที่สำคัญไม่ได้หัวเราะแบบนี้นานแล้ว...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม