บทที่ 2 เจอกันครั้งแรก

1847 คำ
ปรินทร์มีใบหน้าชวนฝัน...เขาเป็นหนุ่มไทยที่ส่วนสูงนั้นสูงเกินมาตรฐานชายไทย ใบหน้าหล่อเข้ม สันกรามของเขาใครมองนานอาจจะบาดตาได้ ผมของเขาสีดำสนิท เช่นเดียวกับสีขนคิ้วที่หนาดกดำ ชายหนุ่มตัดผมรองทรงต่ำปล่อยทางด้านหน้าไว้เพื่อจัดทรง วันนี้ปรินทร์สวมเสื้อสูทสีดำสนิท ยิ่งดูน่าค้นหา ไหล่หนาผายผึ่งในชุดการแต่งกายทางการ เขาจับมือทักทายแขกผู้มาร่วมงานตามคำแนะนำของผู้เป็นพ่อ ชายหนุ่มไม่ได้ชอบเลย แต่เป็นเพราะหน้าที่ ความรับผิดชอบ ความไว้วางใจที่คนเป็นพ่อฝากไว้ เขาต้องทำให้ดีที่สุด “กินอะไรก่อนนะ มาเหนื่อย ๆ” เขายิ้มให้กับผู้เป็นแม่ เมื่อครู่นึกว่าลืมไปแล้วเสียอีก ปล่อยให้เขาทักทายแขกหลายคนจนขาแข็งแล้ว วันนี้เพิ่งถึงก็น่าจะให้พักหน่อย ...มารดาเดินนำหน้าโต๊ะอาหารกลางงาน เป็นโต๊ะยาวแปดที่นั่ง บนโต๊ะประดับประดาไปด้วยหมู่มวลดอกไม้ ชายหนุ่มหย่อนสะโพกลงนั่ง เขาไม่ได้สนใจผู้หญิงคนนั้นแล้ว แต่เธอก็มองเขาไม่วางตาจนสัมผัสได้ “เดี๋ยวแม่ไปเรียกหนูมุกดามาหานะ” “มุกดา” ชื่อนี้ทำให้เขากลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ พร้อมกับใจที่เต้นแรงขึ้นมาอย่างห้ามไว้ไม่อยู่ ชายหนุ่มค่อย ๆ หันไปตามสายตาของคนเป็นแม่ ซึ่งเจ้าหล่อนก็มองเขาอยู่ก่อนแล้ว ดวงตาที่ประสานมองกันนั้นมองอย่างไม่ลดละ “โตแล้วเหรอ” “หึ ผ่านมานานแล้วนี่” มารดายกยิ้มขึ้นบาง ๆ วางมือลงที่ไหล่หนาของลูกชาย “ดูแลน้องให้ดี ๆ นะ” “_” “ได้ยินไหม” “ครับ” เขาตอบรับเสียงแผ่วเบาพร้อมกับดวงตาที่แดงก่ำขึ้นมา ชายหนุ่มเบือนหน้าหนี เอื้อมมือไปคว้าขวดไวน์ที่ตั้งอยู่ไม่ไกล มือที่สั่นเล็กน้อยนั้นทำให้มารดาเอื้อมไปคว้าขวดไวน์มาให้เขา “ปริม...ดื่มบ่อยนะ” “หึ คลายเครียดครับ” เขาก็เครียดบ่อยเสียด้วยสิ ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปากเบา ๆ “ไวน์ดีต่อสุขภาพนะครับ แม่” “อะไรที่มากไปไม่ดีทั้งนั้นแหละ ดื่มน้อย ๆ จะได้หล่อไปนาน ๆ” “หึ...” เขาหัวเราะเบา ๆ ต้องยอมรับว่าตนหน้าตาดี ชายหนุ่มไม่ปฏิเสธคำเอ่ยชมของมารดา “เดี๋ยวแม่มา” ปรินทร์พยักหน้ารับเบา ๆ เขานั่งจิบไวน์อยู่เพียงลำพัง เสียงดนตรีสดบรรเลงเพลงสุดคลาสสิค และเสียงพ่อของเขาที่คุยโม้โอ้อวดกับแขกที่มาพบปะกัน เขาส่ายหน้าเบา ๆ บิดานั้นโอ้อวดสรรพคุณของเขาเกินจริง จนทำให้รู้สึกเกร็งหากว่าจะได้เริ่มทำงานเร็ว ๆ นี้ ...มุกดากับอาหารในมือ ปากที่มันแผล็บนั้นทำให้เธอดูมูมมามจนคนเป็นพ่อเห็นแล้วต้องส่ายหน้า “กินมันดี ๆ ให้เหมือนผู้หญิงหน่อย” “ทำไมคะ กินแล้วหน้าหนูมีหนวดขึ้นเลยเหรอคะ” เธอว่าติดตลก พลางหัวเราะไปด้วย “หึ...” บิดาหัวเราะเบา ๆ พลางวางมือลงที่ศีรษะของลูกสาวบุญธรรม แม้นว่าจะเป็นลูกบุญธรรมแต่ก็รักมากเหมือนลูกแท้ ๆ ด้วยความที่มุกดาย้ายมาอยู่กับเขาตั้งแต่อายุได้ขวบหนึ่ง “นั่นคุณปริมเหรอพ่อ” เธอพยักพเยิดหน้าไปทางคนตัวสูงคนนั้น เขาสูงมากกว่าพ่อของเธออีก ให้เดาคงหนึ่งร้อยแปดสิบแปดเซนติเมตร “ใช่ ทำตัวดี ๆ ล่ะ” ไตเติ้ลบอกลูกสาว กังวลใจอยู่ไม่น้อย ด้วยความที่ลูกสาวไม่เคยทำงานใหญ่แบบนี้มาก่อน ธนาคารมีมูลค่าหมื่นล้านนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก แต่นายท่านก็คิดมาดีแล้ว “ทำไมเขาดูไม่แก่เลย” เธอรู้ว่าเขาอายุไม่ใช่น้อย ๆ แล้ว แต่ทำไมยังดูดี เหมือนกับหนุ่มสามสิบต้น ๆ เอง “ไม่รู้สิ รู้แค่หนูต้องทำตัวดี ๆ เข้าใจไหม” มุกดาพยักหน้ารับเบา ๆ อะไรที่พ่อบอกเธอก็พร้อมทำตามเสมอ “คุณเดือนมา” “หือ...” ได้ยินอย่างนั้นฝ่ามือบางก็วางช้อนส้อมลง ยื่นมือไปคว้าทิชชูมาเช็ดริมฝีปากอย่างลวก ๆ เธอยิ้มแย้มให้กับคุณผู้หญิง “หนูมุก” “คะ?” เธอกระเถิบขาเข้าใกล้ ประคองคนอาวุโสกว่าเบา ๆ ด้วยความอ่อนน้อม “ไปนั่งกินดี ๆ กับพี่ปริมดีกว่า” เธอกะพริบเปลือกตาปริบ ๆ กลืนน้ำลายลงคอด้วยความชั่งใจ แต่พอหันไปหาคนเป็นพ่ออีกฝ่ายก็พยักหน้าให้อีกเช่นเคย “โอเคค่ะ...” เธอยิ้มรับคำชักชวนนี้ ก่อนจะเลื่อนฝ่ามือลูบชุดของตัวเองด้วยความรู้สึกประหม่า มุกดากลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดเดรสกระโปรงสีขาวที่คุณผู้หญิงคะยั้นคะยอให้สวมใส่ เธอแต่งกายน่ารักสมวัย สวยสะพรั่งในวัยยี่สิบสองปี ...พอเดินมาถึงก็เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจิบไวน์นั่งหันหลังให้เธออยู่ คุณผู้หญิงพาเดินอ้อมไปอีกฝั่ง เธอหลุบตาต่ำมองเขาเลื่อนสายตามามอง ดวงตาคมนัยน์ตาสีนิลนี้ตวัดมองทีไรทำเอาเธอหายใจไม่ทั่วท้อง “หึ มองน้องแรงอะไรขนาดนั้นลูก” “ก็ปกติ” เขาตอบเสียงเรียบ ท่าทีนิ่งขรึมของเขาทำเอามุกดาทำตัวไม่ถูก “เอ่อ สะ สวัสดีค่ะ” ว่าเสียงตะกุกตะกัก ยกมือขึ้นลูบท้ายทอยของตัวเองเบา ๆ “ฉันมุกดานะคะ” “_” ชายหนุ่มมองด้วยสายตานิ่งเรียบ แกว่งไวน์ในมือเบา ๆ ก่อนจะยกขึ้นจิบไม่ได้สนใจการแนะนำตัวของเธอ “นั่งตรงนี้นะ เดี๋ยวแม่ไปเรียกพ่อก่อน” ประโยคหลังปานเดือนพูดกับลูกชาย ที่เอาแต่นิ่งเงียบเช่นเดิม เธอกดไหล่ของมุกดาให้นั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับคนเป็นลูก ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่ได้ตอบรับอะไรเช่นเดิม ...บรรยากาศบนโต๊ะอาหารนั้นชวนให้อึดอัด อาหารเต็มโต๊ะเรียกน้ำลายสอได้เป็นอย่างดี แต่ก็ไม่กล้าแม้นแต่จะขยับตัว เธอทำได้แค่หลุบตาต่ำกลืนน้ำลายลงคอ พอหันไปมองคุณผู้หญิงก็เห็นว่าท่านกำลังพูดคุยกับแขกอยู่ ไหนว่าจะไปเรียกคุณท่าน มุกดาคิดในใจ ก่อนจะหันไปขอความช่วยเหลือกับผู้เป็นพ่ออีกครั้ง ซึ่งอีกฝ่ายก็แค่พยักหน้าให้อีกเช่นเดิม มุกดาพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ โดยไม่รู้ตัว “คงเบื่อสินะ” ริมฝีปากหนาขยับพูด เล่นเอาคนตัวเล็กตกใจ เธอสะดุ้งมือไม้ไปโดนช้อนส้อมที่วางอยู่บนโต๊ะ แต่ยังดีที่เลื่อนมือไปคว้าไว้ได้ทัน ไม่งั้นก็คงน่าขายหน้า “มะ ไม่เลยค่ะ แฮะ ๆ บรรยากาศดี เพลงก็เพราะเนอะ” “หึ...” เขาแค่นหัวเราะเบา ๆ มุกดาหน้าตาเหมือนกับตุ๊กตาเลย ผมหยักศกของเธอถูกเกล้าไว้ขึ้นทางด้านหลัง แถมยังมีดอกไม้ปักไว้ด้วย “ขะ ขำอะไรคะ” “ลิ้นไก่สั้นเหรอ” “คะ?” “ทำไมพูดติด ๆ ขัด ๆ” “เอ่อ...” เธออ้าปากเหวอเลยเชียว คิดมาได้ว่าหล่อนลิ้นไก่สั้น เธอแค่รู้สึกประหม่าก็เท่านั้น “หึ” เธอก้มหน้าลงย่นจมูก แล้วเขาขำอะไรนักหนา เห็นหน้าเธอเป็นตลกหรือไง “ฉันขำ....เพราะหน้าเธอ” “ฮะ...ได้ยินที่ฉันคิดเหรอคะ” “บ้า ใครมันจะไปได้ยิน” เป็นประโยคยาวที่สุดของเขาที่เธอได้ยินเลยก็ว่าได้ “แล้วหน้าฉันมันน่าขำเหรอคะ ไม่สวยเหรอ ใคร ๆ ก็บอกว่าฉันหน้าตาดีค่ะ พูดแล้วจะหาว่าโม้ฉันได้เป็นดาวมหา’ลัยด้วยนะคะ” ว่าอย่างโอ้อวด ยกแขนขึ้นกอดอกพลางย่นจมูกใส่คนที่หาว่าหน้าของเธอตลก ทว่า “อืม” “หือ?” “สวยไง” ริมฝีปากบางอ้าเหวอเล็กน้อย เธอกะพริบเปลือกตาบาง ๆ ไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนพูดตรงได้ขนาดนี้ “คุณเมาแล้ว” “ไม่ ฉันไม่เคยเมา” มุกดากลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ เขาพูดตรงอย่างนี้ได้อย่างไร ไม่รู้หรือว่ามีคนเขินอายกับคำชมเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ “เอ่อ ฉันขอจิบ ๆ ได้ไหม ไม่เคยดื่มเลย ถูกห้ามน่ะ” ว่าพร้อมกับยกมือขึ้นป้องปาก ตั้งแต่เด็กจวบจนมหาลัยเธอถูกสั่งห้ามดื่มแอลกอฮอล์ เพราะคุณท่านเป็นห่วง “จะให้ฉันช่วยพูดให้?” “ค่ะ” เธอฉีกยิ้มกว้าง ทำเอาปรินทร์ส่ายหน้าเบา ๆ กระนั้นฝ่ามือหนาก็เลื่อนไปคว้าแก้วไวน์ทรงสูงมาใบหนึ่ง ก่อนจะรินไวน์ให้เธอ เห็นอย่างนั้นมุกดาก็ฉีกยิ้มกว้างเลยทีเดียว “ขอบคุณค่ะ” เธอรับแก้วไวน์มาจากเขา รีบยกขึ้นกรอกปากโดยไม่สนใจฝ่ามือหนาที่กำลังยกขึ้นปราม “เดี๋ยวก่อน...” ไม่ทันเสียแล้ว “อัก แค่ก ๆ” เธอสำลักจนได้ กลิ่นไวน์ตีขึ้นจมูกสาวน้อย ความแรงของแก๊สที่อยู่ภายในถูกพ่นออกมาทางจมูก หญิงสาวสำลักหน้าดำหน้าแดง “หึ...” ปรินทร์ส่ายหน้าเบา ๆ อย่างคนนึกขัน เขาใช้ปลายนิ้วดันกล่องทิชชูให้เธอ สาวเจ้าคว้ามาเช็ดริมฝีปากทันที “อึก ทำไมกลิ่นแรงขนาดนี้อะ” “ปกติ เธอแค่ไม่เคยดื่ม” “อี๋...” ส่ายหน้าเบา ๆ ใบหน้าเล็กนั้นเบ้จนดูน่าเกลียด แต่คนมองไม่ได้รู้สึกอย่างนั้น เขากำลังรู้สึกเอ็นดูเธอ “แต่ถ้าลองนาน ๆ ก็จะชอบใช่ไหมคะ” “อืม...” ตอบรับพร้อมกับยกไวน์ขึ้นจิบ เขาค่อย ๆ จิบอย่างช้า ๆ ลิ้มรสชาติของไวน์ราคาแพงนี้ ปรินทร์มองใบหน้าของหล่อนด้วยสายตายากจะคาดเดา มีหลายอย่างที่ติดอยู่ในใจของเขา รวมถึงเธอคนนี้ด้วย “อ้าว! หนูมุก ใครให้ดื่มล่ะเนี่ย!” เสียงของคุณผู้หญิงเล่นเอาคนที่กำลังหัดจิบไวน์สะดุ้งเฮือกอีกครั้ง ดีนะที่ไวน์ไม่หกเลอะชุดที่สวมใส่อยู่ “เอ่อ...” “ผมครับ” เธอกำลังคิดหาทางแก้ตัว แต่คนตัวโตฝั่งตรงข้ามก็โพล่งเสียงออกมา ทำเอามารดาเลิกคิ้วสูง สงสัยสองคนนี้คุยกันถูกคอแล้ว “ดีแล้ว ต่อไปจะได้ดื่มง่ายเวลาไปพบลูกค้า” คนเป็นพ่อว่าพลางหย่อนสะโพกลงที่เก้าอี้หัวโต๊ะ ซึ่งคำพูดนี้ก็ทำเอาปรินทร์มึนงง เขาเอียงคอเชิงตั้งคำถามกับคนเป็นพ่อ โดยไม่ได้เอ่ยพูด แต่พ่อก็รู้ว่าเขาต้องการคำอธิบาย “เดี๋ยวหนูมุกจะมาเป็นเลขาฯ ของแกนะ” คำตอบของผู้เป็นพ่อนั้นทำให้คิ้วหนากระตุกเล็กน้อย เขาขมวดคิ้วครุ่นคิด ทำไมพ่อถึงอยากให้เธอมาเป็นเลขาฯ ของเขานัก “ผมขอคุยด้วยหน่อยครับ” ชายหนุ่มดันเก้าอี้ไปทางด้านหลัง ลุกขึ้นยืนเดินนำหน้าคนเป็นพ่อไป ส่วนมุกดานั้นก็เม้มริมฝีปากเข้าหากัน เหมือนว่าเขาไม่พอใจเลย...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม