ิ ไม่นานเราก็มาหยุดที่หน้าห้องห้องหนึ่ง ประตูไม้เนื้อดีปิดสนิทอยู่ เช่นเดียวกันกับทุกอย่างในคฤหาสน์หลังนี้ กาลเวลายาวนานไม่สามารถทำอะไรพวกมันได้ แต่กลับยิ่งทำให้มันมีเสน่ห์มากกว่าเดิม ยิ่งเก่ายิ่งเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความคลาสสิก ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนแต่...
ติ๊ด! ~
เป็นคุณลีวอนที่หยิบคีย์การ์ดออกมาแตะลงที่ประตูเพื่อปลดล็อก...
แล้วที่ผมอุตส่าห์เสียเวลาบรรยายเสียดิบดีว่าเก่าอย่างงู้นคลาสสิก อย่างงี้ ใครจะรับผิดชอบให้ห้ะ! นี่มันประตูรุ่นใหม่ที่ใช้ในปัจจุบันชัดๆ เสียเวลาทำมาหากินชะมัด!
“ไม่เข้าไป?”
“…เปล่าครับ แค่ตกใจอะไรนิดหน่อย ไม่คิดว่าที่นี่จะทันสมัยกว่าที่ผมคิด”
ผมเลิกทำหน้าเสียศูนย์แล้วเดินตามเงาร่างของอีกคนเข้าไปในห้อง ก็แค่ประตูมีคีย์การ์ด ผมมันบ้าเองที่ลืมไปว่าห้องนอนเมื่อคืนแค่เดินเข้าไปไฟในห้องมันก็ยังเปิดได้เองแท้ๆ
ทันทีเข้าไปกลิ่นเทียนหอมที่ถูกจุดไว้ก็ลอยมากระทบจมูก ขนาดห้องและเครื่องเรือนไม่อาจเทียบได้กับห้องฝั่งปีกตะวันออก แต่มันก็ดูน่าอยู่มากสำหรับผม ในห้องมีเตียงขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่สามารถนอนกลิ้งไปมาได้พอดิบพอดี
ผมเห็นดังนั้นเลยอดใจไม่อยู่ กระโจนใส่เตียงนุ่มนั่นแล้วใช้ตัวเกลือกกลิ้งไปมาทั่วเตียงอยู่สักพักเพื่อเป็นการทิ้งร่องรอยของตัวเองไว้เท่าที่จะทำได้
นิสัยนี้มันติดมาตั้งแต่สมัยประถม ช่วงที่โดนเพื่อนขโมยของเล่นแล้วโมเมว่าเป็นของตัวเองบ่อยๆ จนเริ่มเข็ดขยาด ผมเลยชอบแสดงความเป็นเจ้าของทุกสิ่งที่ตัวเองถือครองเสมอ
“อ๊ากกกกกกกกกก”
คุณลีวอนคว้าตัวผมขึ้นจากเตียงทันทีที่ผมแหกปากร้องเสียงดังลั่น ใบหน้าของเขาเคร่งขรึมขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาคมกริบมองหาสิ่งผิดปกติบนเตียง ก่อนจะหันมาสำรวจตัวผมว่ายังอยู่ครบสามสิบสองดีไหม หัวหายไปสักส่วน นิ้วหายไปสักนิ้วหรือเปล่า ผมเม้มปากยิ้มขำๆ พลางส่ายหัวไปมาให้เขา
แต่ยิ่งผมยิ้ม เขายิ่งทำหน้าเครียด
ยิ่งเขาทำหน้าเครียด ผมกลับเริ่มหัวเราะออกมา
“จริงๆ ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมแค่ดีใจจนเผลอตะโกนออกมาเท่านั้นเอง คุณไม่ต้องตกใจอะไรขนาดนั้นก็ได้ ดูหน้าคุณสิ ยู่ย่นเป็นริ้วรอยหมดแล้ว อึก...ขอโทษนะครับ พอดีมันตลกจริงๆ...” ผมหันหลังให้เขาก่อนจะปิดปากตัวเองไว้ พยายามไม่หัวเราะไปมากกว่านี้เขาจะได้ไม่เสียหน้า แต่ตัวกลับสั่นกึกๆ เป็นเจ้าเข้าแทน
“ยังไม่หยุดอีก...”
เขาหมุนตัวผมที่แอบหัวเราะให้หันกลับมา แล้วใช้มือฟาดเข้าไปที่หน้าผากที่มีเส้นผมยุ่งเหยิงบดบังใบหน้าแสนหล่อของผมไปอีกหนึ่งฉาด
“โอ๊ย นี่ก็ตีผมอยู่นั่นแหละ! มันเจ็บนะครับ” ผมทำตาขุ่นมองอีกฝ่ายแต่ไม่ได้นึกโกรธจริงจัง “นายท่านของผม คุณไม่เข้าใจ ที่ผมร้องออกมาเพราะที่นี่มันสุดยอดกว่าที่ที่ผมเคยอยู่เป็นไหนๆ คุณดูสิ เตียงก็นุ่ม หมอนก็นิ่ม แถมมีกลิ่นอับปนมานิดๆ ยังกับห้องเก่าผมเลย~”
ผมอธิบายความรู้สึกตื่นเต้นดีใจของตัวเองออกมา ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่หลังไปพิงอกแน่นของอีกฝ่ายอย่างสนิทสนม พอรู้ตัวผมก็แก้เก้อด้วยการวิ่งไปหาโต๊ะกลมที่ตั้งอยู่ในห้องแทน บนโต๊ะมีดอกพีโอนีสีขาวสีแดงปักอยู่ในแจกัน ทำให้มุมนี้ดูอ่อนหวานขึ้นเพราะมัน
ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า แต่รู้สึกเหมือนว่าอุณหภูมิจากร่างกายของเขาจะติดตัวมาด้วยเลย เพราะแผ่นหลังของผมตอนนี้ มันร้อนผ่าวไปหมดแล้ว...
“เขินอีกแล้ว?”
“ไม่ได้เขินนะ! แค่ร้อน...”
ฟังดูงี่เง่าชะมัด ผมบอกว่าร้อนทั้งที่ด้านนอกมีแต่หิมะตกเนี่ยนะ
“หึหึ...ไม่เขินก็ไม่เขินสิ เสียงดังทำไม”
“อ่า...ให้ตายเถอะ คุณก็เลิกสงสัยสักทีสิ”
“ได้ แต่ก็ยังไม่เข้าใจว่ากลิ่นอับมันทำให้รู้สึกดีได้ยังไง”
“คุณไม่เข้าใจ กลิ่นอับนี่แหละที่ทำให้ผมรู้สึกปลอดภัยเหมือนอยู่บ้าน”
เพราะความที่อยู่กับมันมาจนชิน กลิ่นอับสำหรับผมคือกลิ่นอายของบ้านดีๆ นี่เอง แต่ไม่ใช่แบบเหม็นเน่าหรอกนะ มันคนละกลิ่นกัน แต่มันอับแบบที่ผมก็ไม่รู้จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ยังไง เอาเป็นว่ามันทำให้รู้สึกคุ้นเคยนั่นแหละ
“ตรงนี้ผมเอาไว้กินข้าวได้ไหมครับ”
“อืม”
“ว้าว ตรงนั้นมีชั้นหนังสือด้วยแหะ” ผมวิ่งไปทางมุมห้องทันที มือหยิบหนังสือเล่มหนึ่งในชั้นออกมาเปิดอ่าน “แย่จังที่มันเป็นภาษายึกๆ ยือๆ ที่ผมอ่านไม่ออกสักตัว แล้วผมก็ชอบอ่านการ์ตูนมากกว่า แต่นี่ก็เยี่ยมมาก”
“ทุกเดือนจะมีเครื่องบินออกไปซื้อของมาเติมคลัง นายจะฝากซื้อพวกมันตอนนั้นก็ได้”
“ไม่เอาหรอกครับ เปลืองตังค์จะตาย คุณดู! หน้าต่างนี่มันเปิดได้ไหม!”
โดยไม่ได้รอให้อีกฝ่ายตอบ หน้าต่างห้องก็ถูกผมผลักให้เปิดออกทันที ลมหนาวด้านนอกกระแทกใส่ใบหน้า ผมเริ่มรู้สึกว่าผิวหน้าตัวเองด้านชาขึ้นมานิดๆ หิมะที่ปลิวเข้ามาตามกระแสลมเกาะบนหัวและขนตาของผมจนเป็น หย่อมขาว ดูไปก็คงตลกอยู่ไม่น้อย
เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่างก็พบว่าข้างล่างเป็นสวนดอกไม้ น่าเสียดายที่เมื่อวานนี้มันยังออกดอกเบ่งบานอยู่เลย ทว่ายามนี้กลับโดนหิมะกลบจนหมด ช่างน่าสงสารจริงๆ ผมคิดว่าถ้าดอกไม้กลับมาบานอีกเมื่อไหร่ มองจากมุมนี้มันต้องสวยมากแน่ๆ
“ระวังถูกลมจะเป็นหวัด...”
“ผมชอบห้องนี้มาก”
“ดีแล้ว”
“คุณพอจะเข้าใจอยู่ใช่ไหมว่าผมรู้สึกยังไง”
“ไม่คิดว่างั้น”
“แม้แต่รอยขีดเล็กๆ บนกระจกหน้าต่างนี่ผมก็ชอบนะ”
พอผมชอบอะไรเข้าสักอย่างมันก็เป็นแบบนี้แหละครับ โรคขี้เห่อ แม้แต่คราบฝุ่นในห้องผมยังมองว่ามันน่ารักน่าชังใช้ได้เลย นี่เป็นห้องของผมละ ดีกว่าเดิมแปดแสนล้านเท่า!
“ปิดหน้าต่างได้แล้วแพงพวย”
“ขอโทษครับ คุณคงจะหนาว เอ่อ...” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นจากด้านหลังทำให้ผมหันไปมอง แต่พอหันกลับไปปลายจมูกก็ชนเข้ากับตัวอีกฝ่ายพอดี แขนยาวสองข้างของเขายื่นผ่านผมไปดึงบานหน้าต่างสองข้างให้ปิดเข้าหากัน หากมองผ่านๆ ก็เหมือนผมกำลังโดนร่างสูงตรงหน้าโอบกอดอยู่
“นายนั่นแหละที่จะป่วยเอา”
ดวงตาคมจ้องมองมาอย่างไม่สบอารมณ์ คงเพราะผมไปยืนตากลมจนแก้มแดง คุณลีวอนยกมือประกบเข้าที่แก้มทั้งสองข้างของผมให้อุ่นขึ้น ดูเหมือนมันจะได้ผลเพราะหน้าไม่แดงแล้ว
แต่หูของผมน่าจะแดงแทน...
“ผะ...ผมขอไปดูห้องน้ำหน่อยนะครับ” ผมมุดหัวออกจากคนที่จู่ๆ ก็เอามือมาสัมผัสกันอย่างรีบร้อน รู้สึกได้ถึงความเห่อร้อนที่หูสองข้างของตัวเอง จนต้องใช้มือพัดไปมาตรงหน้า
ให้ตายสิ อากาศนี่มันร้อนจริงๆ เลยนะ...
คุณลีวอนไม่ได้เดินตามมาในห้องน้ำด้วย ซึ่งนับเป็นเรื่องดีมากๆ จะได้ไม่มีอะไรขัดขวางการสำรวจห้องใหม่ของผมอีก แล้วก็จะได้ไม่รู้สึกแปลกๆ กับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ด้วย
ตาสองข้างเริ่มสอดส่อง มองนั่นนี่ไปทั่ว ผมว่าผมพอจะเข้าใจความรู้สึกของโคลัมบัสหลังจากค้นพบทวีปอเมริกาแล้วแหละ
อ่างนี่ก็ของผม ฝักบัวก็ของผม อ่างล้างหน้านี่ก็ด้วย แปรงสีฟันนี่ก็...
แปรงสีฟันไม่ใช่อันเดิมที่ใช้เมื่อคืนแฮะ ผมอยากได้อันเดิมมากกว่านะ ใช้ไปแค่ครั้งเดียวเอง แถมผมยังถูกใจขนแปรงของมันมากด้วย ไม่อ่อนไม่แข็งไป ปกติเวลาผมแปรงฟันมักจะมีเลือดปนออกมาจากการโดนขนแปรงทิ่ม แต่ว่าอันที่ใช้เมื่อคืนไม่มีเลือดให้เห็นซักกะหยด เสียดายของเก่าชะมัด ไปขอเปลี่ยนเขาจะให้ไหมนะ...
ความสนใจของผมเปลี่ยนไปอีกครั้งเมื่อสายตาหันไปเจอตู้เสื้อผ้าที่อยู่ตรงโซนแห้งซึ่งตั้งอยู่อีกฟากหนึ่งของห้องน้ำ ไม่รอช้าขาทั้งสองข้างก็ก้าวไปหามันทันที เมื่อเปิดเข้าไปก็เจอเสื้อผ้าผู้ชายแขวนเรียงรายกันอยู่
น้ำตาจะไหล ใจดีจัง เขาหาชุดมาไว้ให้ผมเปลี่ยนด้วย
พอเห็นชุดใหม่ไอ้กระผมก็เกิดอยากลองขึ้นมาตามประสาคนที่เคยมีชุดให้ใส่อยู่เพียงไม่กี่ชุด ตอนแรกผมกะว่าจะลองแค่ชุดเดียว แต่ไปๆ มาๆ กลายเป็นว่าผมลองมันทุกชุดไปซะได้
ข้างนอกห้องน้ำเงียบกริบ ผมไม่ได้ยินเสียงทูนหัวนายท่านของผมแล้ว แถมเขาไม่ได้ตามเข้ามาด้วย ผมเลยคาดว่าคุณลีวอนคงจะกลับไปแล้ว ถ้าเขารอผมจริงมันก็ออกจะเกินไปหน่อย เพราะกว่าผมจะลองเสร็จทุกตัวก็ปาไปเป็นชั่วโมงเห็นจะได้
ชุดทุกตัวไม่มีคับไม่มีหลวม ขนาดพอดีเด๊ะ ไม่รู้ว่าคนจัดหาเขารู้ได้ไงว่าผมใส่ไซส์ไหน ขนาดกางเกงในยังพอดีเลย เหอๆ
“อะ จริงด้วย!”
มือทุบกำปั้นลงฝ่ามืออีกข้างหนึ่งเมื่อผมคิดอะไรออก
“อาจจะเป็นตอนที่เราถอดชุดไว้เมื่อคืน คงรู้ไซส์ที่ใส่จากตอนนั้น ว่าแต่เขาเอามันไปทิ้งหรือยังนะ...” ผมค้นในตู้เพื่อหาชุดที่ใส่ติดมาจากเมืองซันชายน์ แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะมันไม่ได้อยู่ในตู้ ทุกชุดในนี้เป็นชุดใหม่หมด สงสัยคงเอาไปทิ้งแล้วจริงๆ
แอบเสียดายอะ ถึงจะเก่าไปหน่อยแต่มันก็ยังใส่ได้อยู่นะเฮ้ย แต่นอกเหนือจากสิ่งอื่นใดคือผมค่อนข้างจะผูกพันกับพวกมัน ก็อยู่กินด้วยกันมาตั้งหลายปีนี่น่า...
ผมตัดสินใจที่จะปลงแล้วเดิออกจากห้องน้ำ บุคคลที่ผมคิดว่าเขาจากไปแล้วกลับนอนหลับสบายใจอยู่บนเตียงผมซะนี่!
ผมกลอกตาไปมา เหลือบมองเพดานอย่างไม่อยากเชื่อ ก่อนจะดิ่งไปหาร่างสูงใหญ่ของเขาทันที
ผมได้นอนไปแค่นิดเดียว นิดเดียวเท่านั้น! นี่เขาเล่นมานอนแช่ไปตั้งหนึ่งชั่วโมงได้ยังไงอะ! โห้ยยย รับไม่ได้! พวยจะไม่ทน แย่หน่อยที่ผมเป็นโรคหวงของมาก ถ้าขึ้นชื่อว่าของแพงพวยคือห้ามใครแตะต้องก่อนได้รับอนุญาต
แม้แต่เจ้านายก็ด้วย
“คุณ!”
“…”
“ตื่นเถอะ! มานอนแบบนี้ไม่ดีเลยนะ กลับไปนอนที่ห้องสิครับ”
ผมเขย่าตัวคุณลีวอนเบาๆ จากเบาเป็นแรง แต่อีกฝ่ายกลับนิ่งเหมือนตายมากกว่าหลับ ช่วยบอกผมทีว่าผมควรจะทำยังไงกับเขาดี คิดแล้วก็เอาแบบนี้แล้วกัน
“หมอนที่คุณหนุนน่ะ มันเอ่อ...ไม่ค่อยสะอาดเท่าไหร่นะ ผมทำน้ำลายหยดใส่ไปแล้วด้วย” ผมคิดว่าเขาน่าจะรักสะอาดไม่มากก็น้อย แต่…
ไม่เลย...มันไม่ตื่นเลย!
“คุณลีวอน! ตื่นเลยนะ ผมรู้ว่าคุณได้ยิน คุณได้ยินแน่ๆ อย่ามาตีเนียน นั่นๆ มุมปากกระตุก จะยิ้มอะไร จะยิ้มใช่ไหม ผมก็นึกว่าคุณจะเป็นผู้ชายขรึมๆ ที่ไหนได้ก็ขี้แกล้งนะคุณเนี่ย ตื่นขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
เงียบ...
กริบ...
“อ๊ากกกกกกกก” ผมคิดว่าผมกำลังจะสติแตกเพราะเขา
เอาละ ก่อนหน้านี้เขาเคยบอกกับผมว่ายังไงนะ ไม่ต้องเกรงใจใช่ไหม
ได้! ไม่เกรงใจมันแล้ว!
ผมกระโดดคร่อมร่างที่นอนนิ่งไม่ไหวติ่งทันที สองแขนเท้ากับที่นอนกักตัวคนเบื้องล่างไว้ ก่อนจะก้มลงไปกระซิบแผ่วเบาที่ข้างหูของเขา
“เอาละ...ถ้ายังไม่รีบตื่น ผมจะข่มขืนคุณแล้วนะ~”
ได้ผล เมื่อดวงตาที่ปิดสนิทก่อนหน้านี้ลืมตาขึ้นมาทันที ก่อนจะใช้วงแขนแกร่งรวบกอดเอวคนใจกล้าบ้าบิ่นที่ขึ้นมานั่งคร่อมตัวคนอื่นได้แบบหน้าไม่อายอย่างผมจนตกใจ แถมยังโดนมือใหญ่ลูบไล้ไปมาให้สยิวเล่นอีกต่างหาก แต่นั่นก็ไม่เท่ากับประโยคต่อมาที่ทำให้คนฟังอยากระเบิดตัวเองให้ตายๆ ไปซะ
“ก็เอาสิ...ฉันพร้อมแล้ว ข่มขืนฉันเลย”
“มะ...ไม่แล้ว พอเลย ผมไม่เล่นแล้ว เอาแขนออกไปด้วย ผมจะลุก”
“จะไม่ข่มขืนฉันหน่อยเหรอ”
“ยังจะพูดอีก คุณก็รู้ผมแค่ล้อเล่น”
“ฉันไม่รู้”
“ปล่อยผมไป ผมไม่เล่นแล้วครับ”
“แต่ฉันยังสนุกอยู่”
“เอาล่ะ...ผมขอโทษ ผมจะไม่ทำอีกแล้วครับ…”
คำขอโทษถูกพูดออกมาอย่างสำนึกผิด แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขายอมปล่อยผมโดนฉุดให้ล้มลงไปนอนทับอยู่บนตัวของเขาแทน ในขณะที่หัวซุกอยู่บริเวณไหล่กว้าง ปลายจมูกที่กดลงไปทำให้ได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ของเจ้าตัว มันเริ่มเจือจางบ้างแล้วแต่ก็ยังหอมอยู่ดี บนหมอนใบใหญ่เส้นผมสีดำและสีน้ำตาลอ่อนของเราตัดกันอย่างเห็นได้ชัด
สีดำของผม กับสีน้ำตาลอ่อนของเขา
ผ่านไปราวครึ่งชั่วโมงที่เขายังเอาแต่หลับตาแล้วกอดผมเอาไว้
“ปล่อยได้ยัง” ผมถามเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ หลังจากที่โดนกอดไว้ไม่ยอมปล่อย
“อยู่นิ่งๆ”
“จะปล่อยยัง”
“ยัง”
“จะปล่อยตอนไหน”
“คิดก่อน”
“ปล่อยได้แล้วมั้ง”
“บอกว่าคิดก่อน”
“จะปล่อยยางงง”
“ยัง”
“อีกนานไหม”
“นาน”
“แต่ผมเบื่อแล้วนะ...” ว่าพลางขยับตัวจะลุก ทว่ากลับโดนดึงลงมาอีกรอบ ไอ้บ้าเอ๊ย!
“ถ้ายังไม่หยุดขยับดุ๊กดิ๊กไปมา สาบานได้ว่าเราจะสลับบทกัน จากนายข่มขืนฉัน จะเป็นฉันข่มขืนนายแทน”
“…” พูดเป็นเล่นไป ผมเป็นผู้ชายนะ ถึงอย่างนั้นก็ยอมหุบปากฉับทันที แต่คนที่ไม่ยอมให้ตัวเองสิ้นท่าอย่างผม จะไม่ยอมให้อีกฝ่ายกอดอยู่เฉยๆ แน่ ผมยังคิดหาหนทางเอาตัวเองออกจากผู้ชายคนนี้อยู่
“นี่”
“อะไรอีก”
“คุณรู้ไหมว่า...” เสียงกระซิบแผ่วเบาหยุดไปครู่หนึ่งเหมือนลำบากใจที่จะพูดต่อ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็จำเป็นต้องพูดออกไป “ว่าผมเป็นเหา...”
“...”
“ผมก็ไม่อยากทำให้คุณตกใจหรอกนะ แต่ว่ามันก็...นะ”
“นายว่านาย เป็นอะไรนะ?”
“ก็เป็นเหาไง เป็นเหาน่ะ รู้จักไหมเหา ผมก็บอกแล้วว่าให้ปล่อย มันน่าขายหน้านะที่ต้องมาพูดเรื่องน่าอายของตัวเองให้คนอื่นฟัง ป่านนี้มันคงขึ้นไปสร้างอาณานิคมบนหัวคุณแล้วมั้ง...”
“…” คนที่อยู่ด้านล่างผมนิ่งไปชั่วขณะ
ผมอาศัยตอนที่อีกฝ่ายกำลังชะงักอึ้งไปสะบัดตัวหลุดออกจากวงแขนของเขา สองขาวิ่งไปที่ประตูห้องก่อนจะหันไปหาเจ้านายที่น่าสงสาร
“อยากนอนต่อก็ได้นะครับ ผมจะไปหาโลเวลแล้ว อ้อ ถ้าถึงตอนที่มันออกไข่...ผมสัญญาว่าผมจะรับผิดชอบด้วยการหาออกให้คุณเอง” ผมหันไปพูดกับคนบนเตียงด้วยสีหน้าจริงจัง “คุณไม่ต้องกลัวนะครับ มันไม่ได้เจ็บหรอก ผมก็เคยผ่านช่วงเวลาลำบากแบบนั้นมาแล้ว”
หลังจากพยักหน้าหงึกหงักแสดงความเข้าอกเข้าใจแบบคนหัวอกเดียวกันแล้ว ผมก็เอื้อมมือไปเปิดประตูห้องแล้วก้าวจากไป พอลับสายตาคมคู่นั้น ใบหน้าที่เคยจริงจังก็เปลี่ยนเป็นยิ้มขำ ก่อนจะรีบวิ่งไปหัวเราะเสียงดังในที่ที่เขาจะไม่ได้ยินแทน
เหาบ้าเหาบออะไรไม่มีหรอกครับ เลิกเป็นมาได้สี่ห้าปีแล้ว... แต่ไม่แน่มันอาจจะกลับมาขยายเผ่าพันธุ์ใหม่ก็ได้ อ๊ากกก พูดแล้วก็คันหัว ถ้ามาอีกรอบเจ๊ไฉไม่อยู่ ใครจะหาเหาให้ผมละเนี่ย แค่คิดก็เซ็งจะแย่แล้ว…
หลังจากที่ตั้งสติได้ ร่างสูงที่นอนเตียงชาวบ้านอย่างสบายใจเมื่อครู่ ก็ลุกขึ้นนั่งทันที ส่วนเจ้าของห้องหลังจากสร้างความลำบากใจให้เขาแล้วก็วิ่งหนีไปเลย ตอนแรกลีวอนแค่ง่วงจึงเดินไปนั่งรอที่เตียงเท่านั้น พอไม่เห็นอีกฝ่ายเดินออกมาจากห้องน้ำสักที จากนั่งรอ...เขาเลยงีบรอ
มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่โดนมือเล็กกว่านั่นเขย่าตัวอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ก็อย่างที่เห็น อีกฝ่ายเล่นหวงเตียงดีนัก เขาจึงไม่ยอมลุกออกไปสักที แสร้งทำเป็นหลับทั้งที่การเล่นเป็นเด็กๆ ไม่ใช่นิสัยของเขา
จะว่าไป ถ้าหากเจ้าตัวไม่กระโดดขึ้นมาคร่อม เขาอาจจะยอมลุกไปตั้งนานแล้วก็ได้ แต่ประโยคที่เขาได้ยินจากปากบางเมื่อครู่เป็นอะไรที่ทำให้อึ้งอยู่ ไม่น้อย อีกฝ่ายจึงอาศัยโอกาสนี้ดิ้นหลุดหนีออกไปได้อย่างน่าเสียดาย
เหางั้นเหรอ?
ไอ้ตัวที่เขาเหมือนจะเคยเห็นในตำราสมัยเรียน ข้างใต้ภาพยังบรรยายว่า ‘เหา มักจะพบในเส้นผม เส้นขนของสัตว์และคนที่รักษาความสะอาดไม่ดีพอ โดยเฉพาะในเด็กจากประเทศกำลังพัฒนา’
เพียงแค่คิดถึงมันเขาก็รู้สึกคันหัวขึ้นมาทันที…
ลีวอนยกมือขึ้นเกาหัวตัวเอง ในใจของเขาตอนนี้ทั้งนึกขบขันปนอยากร่ำไห้ บุคคลที่ผู้คนทั่วโลกจับตามอง บ้างก็ยกย่อง บ้างก็ยำเกรง และอีกไม่น้อยที่หวาดหวั่น กำลังมีแนวโน้มจะเป็น...เหา
เหาเนี่ยนะ?
“คัน...หรือว่าจะติดมาแล้วจริงๆ”
ดวงตาคมเบิกกว้างขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อนึกถึงสิ่งที่ตนต้องเผชิญ ยามนี้เองที่หัวใจของคุณพ่อลูกติด พลันหดเกร็งขึ้นมาเป็นครั้งแรก...
นี่อาจจะเป็นผู้ชายคนแรกและคนเดียวที่มาทำให้เขาเกิดความรู้สึก
หนาวเยือกจับขั้วหัวใจ