ติ๊ดๆๆๆ
"...!!"
"...!!!"
ทั้งคู่ชะงักมองสมาร์ตวอทช์ที่ทำขึ้นเป็นพิเศษตรงของมือของพิภพพร้อมกัน มันส่งสัญญาณเตือนขึ้นมาเป็นรอบที่สองของวัน ซึ่งคนข้างหลังเขายังไม่รู้
อานนท์เม้มริมฝีปากตัวเองแน่นก่อนจะคว้าข้อมือของนายตัวเองวิ่งขึ้นบันไดไปอีกครั้ง
"อีกชั้นเดียวครับนาย...ทนอีกหน่อย"พร้อมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดูร้อนรนและสายตาที่ดูเป็นห่วง
ตัวเครื่องมันขึ้นเตือนก็จริง..แต่เขายังไม่มีอาการอะไรที่แสดงออกว่าโรคที่เป็นอยู่นั้นกำเริบเลย
พิภพจึงยังคงวิ่งต่อไปได้ โดยรอบนี้อีกฝ่ายเป็นคนดึงข้อมือของเขาขึ้นนำหน้ามาถึงชั้นดาดฟ้ของตึก ก่อนจะทำการพลากประตูเข้าไป
แต่ด้วยความตาดีของเขาเพียงเสี้ยวนาทีที่มันกำลังเปิดประตู พวกมันด้านล่างก็วิ่งมาถึงจุดที่พวกเขาอยู่กันแล้ว คนที่อยู่ข้างหน้าสุดยกปืนขึ้นพร้อมที่จะยิง แต่กระบอกปืนกลับไม่ได้เล็งมาที่เขา
"นนท์!..."
ปัง!
"อึก!..."
พิภพเอาตัวบังทั้งตัวของอานนท์ก่อนประตูจะทุกเปิดออก มือของเขาก็ผลักมันเข้าไปข้างในพร้อมกับความเจ็บปวดที่ไหล่ข้างซ้าย
"นาย!...บ้าเอ๊ย!!"
ทันทีที่กระสุนนัดแรกยิงเข้าที่ไหล่ของเขา มันก็กระชากตัวเขาเข้ามาหลบข้างกำแพงดาดฟ้า ดวงตาสีครามมรกมองผ่านร่างของเขาอย่างเดือดดาล ก่อนจะทำการปิดลงกลอนประตูดาดฟ้า
เสียงปืนยิงประตูดังสนั่นลั่นไปทั่วบริเวณ ดีที่ประตูเป็นเหล็ก หนาพอที่จะกั้นแรงกระสุนได้สักพัก
บนท้องฟ้าตอนนี้มืดมิดแต่ยังคงมีดาวอยู่เต็มท้องฟ้าให้แสงสว่างยามค่ำคืน... เราสองคนหอบหายใจแข่งกันด้วยความเหนื่อยล้า
ก่อนที่นนท์จะเอื้อมมือมาพลิกดูแผลที่ไหล่ด้านหลังของเขา ไม่ได้สนใจเสียงกราดยิงที่พยายามจะพังเข้ามาแม้แต่น้อย บรรยากาศรอบตัวมันดูสงบเยือกเย็นราวกับคนที่พร้อมจะระเบิด แต่มือที่แตะสำรวจรอยกระสุนที่หลังของเขากลับอ่อนโยนและเบามือผิดกับแรงอารมณ์ของอีกฝ่ายตอนนี้
"กระสุนเข้าเต็มๆเลย..งานนี้นายต้องผ่ามันออกแล้ว" มันพูดพร้อมทำสีหน้าเคร่งเครียดมองผม
"พูดเหมือนกูไม่เคยผ่า...." ถึงจะไม่บ่อยนักที่จะโดนยิงแบบนี้ แต่ครั้งหนึ่งก็เคยเฉียดตายต้องผ่ากระสุนออกถึงสามนัด เรียกว่าครั้งนั้นข้ามเส้นความเป็นความตายกลับมากันเลยทีเดียว
"ถ้าไม่ผ่าก็จะดีกว่ามั้ยครับ?..." มันยังคงพูดจิกผมไม่เลิก น้ำเสียงเองก็ดูจะไม่พอใจมากเป็นพิเศษ ทั้งสีหน้าแววตาที่แสดงออกมาเองด้วยเช่นกัน
"กูไม่รู้หรอกนนท์ว่ากูจะโดยยิงตอนไหน"
"อย่าน้อยครั้งนี้นายก็ไม่ควรเอาตัวมาบังผมไว้"
"มึงคนเดียวเหรอนนท์ ที่ไม่อยากให้คนที่ตัวเองรักเป็นอันตรายน่ะ..."
"....."
ทันทีที่พิภพพูดจบ มือของมันที่จับไหล่ของเขาก็หยุดชะงักลง
พิภพหันหน้าของตัวเองเข้าหาอีกฝ่าย สบตาสีครามสวยของมันที่มองมาอย่างสับสนก่อนที่มันจะหลบสายตาของเขาไป....บรรยากาศอึมครึมอยู่แบบนั้นจนกระทั่งมีเสียงใบพัดจากที่ไกลๆ
พึ้บๆๆ
เสียงเฮลิคอปเตอร์ขึ้นเหนือหัวพวกผม แสงไฟส่องสว่างไปทั่วบริเวณ แรงลมจากเครื่องพัดเอาลมเย็นๆยามค่ำคืนพัดเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนของมันพลิ้วไสวไปมา ใบหน้าลูกครึ่งที่ดูหล่อเหลานุ่มลึกนั้นกำลังแสดงสีหน้าราวคนที่อดกลั้นอะไรบางอย่าง แววตาดูนิ่งสงบและเย็นชา
ประตูเฮลิคอปเตอร์เปิดออกกลางอากาศพร้อมโยนเชือกลงมาสามสาย มีคนในชุดกันกระสุนสีดำโหนลงมาจะเครื่องด้วยความว่องไว ก่อนจะยืนรอบพวกผมไว้กันอันตรายจะรอบด้านอย่างที่ได้ฝึกฝนมา
"นายใหญ่/หัวหน้า"
"...."
"...."
อานนท์ปราดตามองลูกน้องด้วยสายตาราบเรียบ ก่อนจะเอ่ยคำพูดเพียงคำเดียวที่ทำเอาพวกมันต้องสะดุ้งไปตามๆกัน
"....ช้า"
พวกมันก้มหน้ากันนิ่งไม่มีการกล่าวใดๆกันออกมา แต่สำหรับเขาถือว่าไวมากแล้วกับการเตรียมคนและเครื่องมารับได้ในเวลาแบบนี้ จากที่ได้สังเกต
เขาว่ามันเคร่งกับลูกน้องตัวเองอยู่ไม่น้อย พวกมันถึงได้มีสีหน้าซีดเผือดทันทีที่เห็นว่าเขาบาดเจ็บที่ไหล่ก่อนที่พวกมันจะมาถึง
พูดถึงอาการบาดเจ็บ พิภพก็รู้สึกปวดร้าวที่ไหล่เมื่อลมกระทบเข้ากับตัวจึงชักสีหน้าขึ้นแสดงอาการเจ็บปวดออกมา ทำได้เพียงเอามือจับไว้ที่ไหล่เผื่อจะลดอาการปวดนี้ลงบ้าง
"พวกมึงพานายขึ้นเครื่องไปก่อน" อานนท์ที่เห็นสีหน้าของเขาเริ่มไม่ดีนัก มันทำการสั่งการลูกน้องให้เอาเขาขึ้นเครื่องไปก่อน พิภพขมวดคิ้วขึ้นอย่างไม่พอใจเมื่อรู้ว่ามันจะไม่ตามขึ้นมาด้วย
ปังๆๆ! บึกๆ
รอบนี้เสียงดังขึ้นมาจากประตูทางเข้าของดาดฟ้าที่พวกมันกำลังทำการกระแทกตัวเพื่อพังมันแทนการกราดยิงเหมือนตอนแรก จนประตูเริ่มที่จะเปลี่ยนรูปทรงจนยุบตามแรงกระแทก
ลูกน้องที่เหลือเริ่มตั้งท่าเตรียมปืนเล็งไปที่ประตูพร้อมที่จะยิงศัตรูที่จะออกมาจากบานประตูนั้น
เมื่อพิภพเห็นว่าสถานการณ์ทุกอย่างเริ่มดีขึ้น เขาจึงเดินไปจับลงบนข้อมือของอานนท์เพื่อบอกให้มันละมือจากทางนี้และขึ้นเครื่องไปพักกันได้แล้ว
"นนท์ ทางนี้ให้พวกมันจัดการเถอะ มึงไปกับกู"
"เดียวผมตามไป"
"นนท์..."
มันทำหูทวนลม เหมือนไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูดแม้แต่น้อย เดินผ่านร่างเขาไปด้านหลังโดยที่พิภพได้แต่ทำเพียงมองแผ่นหลังของอีกฝ่านที่ในตอนนี้เดินไปหาลูกน้องคนหนึ่งในกลุ่มเพื่อรับกระบอกปืนไรเฟิลชนิดจู่โจมมาหนึ่งกระบอก
พิภพมองมือของตัวเองที่ถูกสลัดออกอย่างง่ายดายด้วยความรู้สึกว่างเปล่า
"นายครับ...." เวหาที่เป็นหนึ่งในคนที่มาปฏิบัติงานในครั้งนี้ด้วย เป็นคนรับหน้าที่พานายใหญ่กลับไปรักษาตัว เขากระซิบเรียกนายตัวเองแผ่วเบา เมื่อสังเกตเห็นบรรยากาศมาคุรอบกายของนายตน
"...."
พิภพปราดตาคมกรีบมองคนพูดด้วยสีหน้าฉุนเฉียว จะให้เขาขึ้นไปก่อนโดยที่หัวหน้าของพวกมันยังรั้นที่จะอยู่ที่นี้งั้นเหรอ?
"นะ..นายครับ?"
"เออ! ให้แม่งเอาเครื่องลงจอดสิวะ คิดว่ากูเหาะขึ้นไปได้เหรอ? หรือจะให้กูปืนเชือกไต่ขึ้นไปด้วยสภาพมือเดี้ยงแบบนี้?"
"ผ..ผมจะรีบให้พวกมันเอาเครื่องลงให้ครับนาย"เวหามีท่าทางลนลานก่อนจะสั่งการกับเครื่องสื่อสารข้างหูตน เรียกเอาเฮลิคอปเตอร์เหนือหัวให้ค่อยๆหาที่ลงจอดอย่างช้าๆ
ยอมรับว่าเอาความโกรธมาลงกับพวกมันหมดแล้ว รับความขุ่นเคืองนี้แทนลูกพี่พวกมึงซะ ขัดใจกูเก่งฉิบหาย บอกอะไรไปก็ไม่เคยจะฟังกันบ้างเลย ทั้งที่เขาก็แค่อยากให้มันอยู่ข้างๆให้นานขึ้นอีกสักหน่อย
พิภพกุมขมับอย่างเหนื่อยใจ รู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังจะไปจากเขาในวันนี้ ภารกิจของงานวันนี้จบเมื่อไร มันก็คงจะบินไปทำธุระของมันต่อทันที
เขาจะไม่ได้เวลาต่อจากนี้จากมันแล้วอย่างแน่นอน คงจะหลายวันมันถึงจะกลับมาหากันอีกครั้ง
ครั้งนี้ก็อยู่กับมันมาได้แค่สองวัน....
อาการปวดที่ไหล่เริ่มกลับมา พิภพรู้สึกเหนียวเหนอะหนะไปหมดทั้งหลัง ทั้งเหงื่อทั้งเลือดปะปนกันไปหมด แล้วยังมีอาการเจ็บหน้าอกเล็กน้อยตามมาอย่างน่าหงุดหงิด...
"เหอะ..."
ให้มันได้อย่างนี้สินนท์...
อานนท์มองส่งเครื่องเฮลิคอปเตอร์ที่บินขึ้นไปเหนือฟ้าด้วยความรู้สึกโล่งอก อย่างน้อยเจ้าตัวก็ไม่ได้พูดยากมากเหมือนเมื่อก่อนแล้ว พวกเราโตเกินกว่าที่จะใช้ความรู้สึกเข้ามาแทนที่ของเหตุผล เราโตกันมากแล้วจริงๆ
แต่ราวกับว่าเขายังคงติดอยู่กัยช่วงวันเวลาที่ไม่สามารถหวนคืนกลับไป....
ตอนนี้อีกฝ่ายก็ปลอดภัยแล้ว...
อานนท์ย้ำกับตัวเองซ้ำๆด้วยประโยคเดิมในหัว แม้ว่าเจ้าตัวจะไม่ได้อยู่ตรงนี้ แต่ร่างกายของเขากลับยังคงสั่นเทาไปด้วยความกลัวบางอย่างในจิตใจที่ไม่สามารถลบมันออกไปได้
บึกๆ!!!
อานนท์ปราดสายตาสีครามไร้อารมณ์ของตัวเองมองไปอย่าประตูทางเข้าของดาดฟ้าที่ใกล้จะพังเต็มที มันน่ารำคาญไม่น้อยกับเสียงดันประตูที่ดังขึ้นมาเรื่อยๆ
"หัวหน้า..."
"....กูจัดการเอง"
แก๊ก
เขาใส่กระสุนแมกาซีนลงไปในปืนไรเฟิลจู่โจมในมือ รอบนี้ระยะของเขากับเป้าหมายไม่ได้ไกลกันมาก และไม่ได้มีแค่คนเดียว ดังนั้นอาวุธที่ใช้ในครั้งนี้จึงไม่ใช่สายซุ่มยิง แต่เป็นชนิดที่เหมือนปืนกลมากกว่า และเขายังคงถือคติเดิม.....
เขาไม่ชอบทรมารใคร.....
ตึง!!
ทันทีที่ประตูดาดฟ้าพังลงเป้าหมายกรูกันออกมาอย่างกับซอมบี้ หากว่าจะมองดูสถานการณ์กันสักหน่อย คงไม่กรูกันออกมาแบบนี้อย่างแน่นอน...
ปัง!
กระสุนนัดแรกถูกยิงออกไปด้วยความไวอย่างที่ตามนุษย์มองไม่ทัน ก่อนที่นัดต่อๆไปจะยิงออกไปอย่างไม่ลดละ โดยเร่งตำแหน่งเดียวบนร่างกายของเป้าหมายเท่านั้น
ปังๆๆ!!
"...!!!"
ความตายมาเยือนโดยที่ตนไม่มีโอกาสได้ร้องขอชีวิตแม้แต่น้อย
คนกว่าสิบชีวิตนอนกองลงบนพื้นทับกันอย่างน่าสยดสยอง เพียงกระสุนนัดเดียวก็สามารถพรากชีวิตของคนหนึ่งคนได้ในเวลาไม่ถึงเสี้ยวนาที
"......"
เหล่าลูกน้องที่เตรียมตัวมาในภารกิจนี้ มองดูภาพที่เกิดขึ้นด้วยสีหน้าที่แต่ต่างกันออกไป พวกเขาได้เพียงถืออาวุธในมือไว้นิ่ง แต่ภายในกลับหวาดเกรงต่อเหตุการณ์ตรงหน้าไม่น้อย ทำได้เพียงตั้งแถวรอหัวหน้าของตนสั่งการต่อเพียงเท่านั้น
".....ตายกันหมดแล้ว"
เสียงทุ้มเรียบอันเป็นเอกลักษณ์ที่มีเสน่ห์อย่างหนึ่งของคนพูดสร้างความหวาดกลัวในจิตใจของคนที่ฟังอยู่ไม่น้อย
"พวกมึงคิดกันดู...." สายตาเรียบเฉยมองพวกเขาอย่าไร้ความสนใจใดๆ เพียงปราดตามองเล็กน้อยเท่านั้น แต่กลับทำพวกเขาสั่นเทา....
"ถ้าพวกมึงมาช้ากว่านี้อีกหน่อย...จะเกิดอะไรขึ้น?"ก่อนน้ำเสียงจะเริ่มเข้มขึ้นพร้อมกัยบรรยากาศที่ดูจะย่ำแย่กว่าเดิม บ่งบอกอารมณ์เกรี้ยวของคนพูดไว้ไม่น้อย
"จบภารกิจนี้แล้ว กลับไปรับโทษจากศูนย์บัญชาการใหญ่ซะ..."
"...."
"อ๋อ....เกือบลืม"สายตาสีครามเหลือบมองลงไปอย่างซากศพที่กองพเนงเหล่านั้น มีร่างๆหนึ่งยังคงหายใจรัวลิน
"มีอยู่หนึ่งคนที่มันยังไม่ตาย....เอามันกลับไปที่ศูนย์ด้วย..." อานนท์จำได้ดีถึงใบหน้าของคนที่เล้งปืนใส่พวกเขาในตอนนั้น
"อย่าให้ตาย...กูจะกลับไปสอบสวนเอง"
"ครับ/ครับหัวหน้า"
@ มาเก๋า คฤหัสถ์ชานเมือง
อานนท์ยืนอยู่หน้าห้องนอนของใครคนหนึ่ง ยืนแบบนี้มานานหลายนาทีแล้ว มองถาดในมือที่มีทั้งน้ำและยาซึ่งเจ้าตัวไม่คิดที่จะแตะมันด้วยสีหน้าที่เหนื่อยอ่อน
ก๊อกๆๆ
"....."เขามองประตูที่ปิดแน่นสนิดไร้เสียงตอบรับจากคนในห้องด้วยความกังวลใจขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนมือของเขาจะเลื่อนไปบิดลูกบิดประตูโดยอัตโนมัติ
แก๊ก
ประตูไม่ได้ล๊อค?....
อานนท์ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อยอย่าไม่พอใจ....ถึงจะเป็นที่ๆมันปลอดภัยแค่ไหน ก็ไม่ควรที่จะไม่ระวังตัวแบบนี้อยู่ดี เจ้าตัวจะประมาทเกินไปแล้ว
อานนท์เดินเข้ามาในห้องด้วยความรู้สึกหลากหลายอารมณ์ปะปนกันไป ก่อนจะหยุดชะงักฝีเท้าลงเมื่อได้กลิ่นของบุหรี่อ่อนๆแตะจมูก แม้ว่ามันจะจางลงไปมากแล้วก็ตาม เป็นอีกครั้งที่ทำให้เขาต้องขุ่นเคืองใจบางทีถาดยาในมือเขาตอนนี้คงจะไม่จำเป็น...เพราะเจ้าตัวดูเหมือนไม่อยากที่จะมีชีวิตอยู่ต่อสักเท่าไร
อานนท์เดินเข้ามาถึงในส่วนของห้องนั้งเล่น ที่บนโต๊ะโซฟายังคงมีขวดแก้วใสสีอำพันตั้งเด่นสวยสมราคาของมันอยู่ เพียงปราดตามองเล็กน้อยก่อนจะเดินผ่านห้องนี้ไปอย่างส่วนของห้องนอน
"นายครับ...."
อานนท์เรียกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง มองดูชายที่มีแผ่นหลังเปลือยเปล่าพร้อมผ้าพันแผลที่มีเลือดซิปออกมาเล็กน้อยตรงไหล่ข้างซ้าย ก่อนจะเหลือบมองรอยสักรูปปีกนกสีเงินที่ไหล่ข้างขวาของเจ้าตัวที่มันสะดุดตาเขาจนต้องเหลือบไปมองดู
แก๊รก....
เสียงถาดยากระทบกับโต๊ะเรียกความสนใจจากเจ้าของห้องให้หันกลับมามองคนมาใหม่ด้วยความประหลาดใจ
"..นนท์?"
"ครับ..." อานนท์ขันรับหลังจากที่วางถาดยาลงบนโต๊ะหัวเตียงของเขาแล้ว อีกฝ่ายยังคงนิ่งค้างมองผมอยู่แบบนั้น...
"มึงไม่ต้องไปทำธุระของมึงต่อหรือไง?"
"...."
"ไหนว่าจะไปหลังจบงาน...." อีกฝ่ายถามเขาด้วยท่าทีที่สับสน และยังคงมองสำรวจเขาราวกับยังไม่เชื่อว่าเขาจะยืนอยู่ตรงนี้
"เผอิญ...มีคนได้รับบาดเจ็บจากงานนี้เพราะผม"
"แล้วมันยังไง?"
"แล้วไม่ยอมกินยาหลังผ่าเอากระสุนออก"
".....ไงต่อ"
"ผมเลยแวะกลับมาดูสักหน่อย....ว่าตายไปแล้วหรือยัง"
"ปากมึงนี้นะ..." พิภพส่ายหัวเบาๆให้อานนท์ก่อนจะเดินผ่านเขาไปนั่งบนเตียงนอนขนาดคิงไซร์ของตัวเอง
"ประตูทำไมไม่ล๊อกครับ?..."อานนท์เดินเข้าไปหาเจ้าแล้วยืนคำหัวของอีกฝ่ายที่ยังนั้งอยู่ขอบเตียง ท่าทางของอีกฝ่ายดูมึนๆราวกับคนไม่ได้สติ คงจะด้วยการรักษาที่ต้องให้ยาชาและอาจจะพึ่งฝืนขึ้นจากยาสลบ หรืออาจเป็นเพราะ....
"...."
"แล้วไม่กินยาดักไว้....ก็จะมีไข้แบบที่เป็นอยู่นี่ไงครับ" อานนท์แนบหลังมือลงบนหน้าผากของอีกฝ่าย ไอร้อนจากร่างกายของเจ้าตัวส่งผ่านหลังมือของเขา ซึ่งเดาไว้ไม่มีผิด...
"แค่ไข้อ่อนๆเดียวก็หาย..."พิภพปัดมืออีกฝ่ายออกจากหน้าผากตัวเองเบาๆ อย่างไม่พอใจ
"ชอบที่จะป่วยเหรอครับ"
"ใครมันจะไปชอบกัน"
"คนตรงหน้าผมนี้ไง..."อานนท์ยืนใบหน้าเข้าไปใกล้เขา ได้กลิ่นอ่อนๆของบุหรี่และแอลกอฮอล์ ทั้งลำคอและใบหน้าก็แดงกำ ดวงตาดูช่ำเยิ้มเล็กน้อย...
อานนท์ฉายแววตาคมกรีบมองอีกฝ่ายขึ้นมาทันที....
"ดื่มเหรอครับ?"
"นิดเดียว...." พิภพพูดตอบด้วยน้ำเสียงบอกปัด ราวกับรับรู้ถึงสถานการณ์ต่อจากนี้ว่า คนตรงหน้าจะต้องพูดซักสองสามประโยคให้ขัดเคืองใจกันอีก...
"มันใช่เรื่องมั้ยครับ?"
"....."
".....ถ้าอยากตายนัก ผมสงเคราะห์ให้ได้นะ"พิภพชะงักมองคนตรงน่าเล็กน้อยก่อนจะยิ้มออกมาด้วยความขบขำ ราวคนได้ยินเรื่องตลกที่น่าเหลือเชื่อก่อนจะยักคิ้วมองสบตากับเจ้าของประโยคเมื่อครู่...ด้วยสายตาล้อเลียน
"หืม? มึงจะยิงกูลงเหรอนนท์....นี้กูอาจจะได้เป็นเหยื่อคนแรกที่ทำสไนเปอร์มือหนึ่งของวงการมือสั่นได้เลยนะ :)"
"มันใช่เรื่องที่จะมาล้อกันเล่นเหรอครับ"
"โอเค...กูยอมแพ้"พิภพยกมือยอมแพ้ให้อีกฝ่ายแม้ว่ามือที่ยกได้จะมีแค่มือเดียวก็ยังมีความพยายามที่จะกวนกันได้เล่นอยู่ดี
"อืม..กูรู้สึกปวดหัวเหมือนมันจะระเบิดเลย" เจ้าตัวพูดพร้อมกับที่เอามือข้างที่ยกได้ไปกุมขมับตัวเองเบาๆ สีหน้าดูปวดร้าวตามอาการที่พูด ก่อนจะโยกหัวลงมาพิงไว้ที่หน้าท้องของเขา ซึ่งอยู่ระดับหัวของอีกฝ่ายพอดี...
"...."อานนท์ได้เพียงยืนนิ่งให้อีกฝ่ายได้เอ็นพิงเงียบๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมาแผ่วเบา
"มันก็สมควรแล้วครับ เล่นทั้งบุหรี่ แอลกอฮอล์ขนาดนั้น ก็คงไม่แปลก แล้วนี่นายได้พ่นยาดักไว้หรือยังครับ?"
"....."พิภพได้เพียงเงียบไม่ตอบคำถามใดๆของอีกฝ่าย ก้มหน้าซบลงตรงหน้าท้องเขานิ่ง ทำเหมือนไม่ได้ยินสิ่งถูกถามออกไปแม้แต่น้อย ความดื้อดึงนี้ใครจะเทียบเจ้าตัวได้กัน?
"ที่เป็นอยู่นี่โรคหัวใจนะครับนาย...." อานนท์มองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่เย็นชา สีหน้าบ่งบอกถึงความเหนื่อยหน่ายไม่ใช่น้อย
"ทุกวันนี้ ผมคิดว่าเป็นโรคประสาท"
"มึงจะบอกว่ากูเหมือนคนบ้าเหรอ?.." พิภพเงยหน้าขึ้นมองคนที่ตนเองกำลังซบลงอย่างขุนเคือง เมื่อเจ้าตัวพูดว่าให้เขาแบบนั้น
"ครับ...."
ไม่ได้อยากจะพูดเอ่ยกล่าวออกไปแบบนั้นหรอก แต่บ้างทีการดูแลรักษาสุขภาพของอีกฝ่ายก็ดูจะไม่ใส่ใจตัวเองสักเท่าไรจนหน้าหงุดหงิดใจแทนไม่น้อย ยิ่งโรคที่เป็นต้องใช้ความระมัดระวัง คนดูแลข้างกายก็ไม่ยืนยอมที่จะเรียกใช้
แบบนี้จะให้เขาพูดยังไงละ?
"เหอะ!...ดีนี่ แทนที่จะปลอบใจกูสักหน่อยก็ไม่มียังจะมาพูดกวนประสาทกูอีก"
อานนท์ถอนหายใจ เมื่อได้ยินประโยคแบบนั้นออกมาจากปากคนตรงหน้า มันเป็นคำพูดที่ราวกับเด็กไม่รู้จักโต ซึ่งตอนนี้เจ้าตัวก็อายุเข้าเลขสามเข้าไปแล้วยังจะมาอยากให้ปลอบโยนอะไรอีก?
"ผมเตือนด้วยความหวังดีครับ..."
"มึงจะนอนนี้มั้ย? หรือจะไปเลย"
"ผมจะอยู่อีกคืน พรุ่งนี้เช้าก็จะไปแล้วครับ"
"อืม..."
"....."
"แล้วเราจะนอนกันเลยมั้ย?"อานนท์มวดคิ้วมองคนถามสีหน้าหมานเมิน ดูเอาเถอะ แต่ละคำที่พูดออกมาของอีกฝ่าย ช่างขัดหูจริงๆ...
"กินยาก่อนครับ..."เขาพูดบอกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้ม ไม่มีการบังคับให้กินยาแม้แต่น้อย
"ป้อนกูหน่อย...."
"....." อานนท์เหลือบมองเล็กน้อยเมื่อได้ยินแบบนั้น ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบยาออกมาจากแก้วแล้วยื่นไปใกล้ริมฝีปากของคนตรงหน้า
"...หืม?" พิภพมองมือเรียวสวยที่ยืนส่งยามาตรงปากของเขาด้วยแววตาประหลาดใจก่อนจะส่งยิ้มแพรวพราวมาให้เขา ซึ่งอานนท์ไม่ชอบแววตานั้นที่มองมาเลย มันเหมือนอีกฝ่ายกำลังล้อเลียนกันด้วยสายตายังไงอย่างงั้น
ก่อนเจ้าตัวจะก้มลงมางับเอายาจากปลายนิ้วของเขาไปอย่างว่าง่าย ความร้อนชื่นของริมฝีปากเจ้าตัวส่งผ่านปลายนิ้วของเขาแผ่วเบา ความรู้สึกยุกยิกในอกเกิดขึ้นอย่างน่าประหลาด จึงชักมือออกอย่างรวดเร็วตามสันชาติยาน มีบ้างอย่างบอกผมว่ามันไม่ถูกต้อง
แล้วมันอะไรละ?
เมื่อยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ เขาจึงได้แต่หยิบเอาแก้วน้ำส่งไปให้อีกฝ่ายเพื่อแก้สถานการณ์ไปเท่านั้น
"น้ำครับ..."แก้วน้ำทุกยืนส่งไปตรงหน้า พิภพมองแก้วน้ำสะอาดตรงหน้านิ่งๆ ก่อนจะยิ้มมองเขาเล็กน้อยแล้วรับมันไปวางไว้ที่เดิม
"ไม่ต้อง..."
อานนท์ขมวดคิ้วมองด้วยความไม่เข้าใจ ถึงได้บอกไงว่าอีกฝ่ายเหมือนคนบ้า ทำอะไรแต่ละยังเหมือนคนปกติเขาทำการสักที่ไหน
"ไม่ขมเหรอครับ น้ำล้างปากหน่อยเถอะ"
"หวาน..."
"อะไรนะครับ?"
"ไม่มีไร...นอนเถอะ เดียวพรุ่งนี้กูปลูก"
"....."
คนที่ควรนอนที่สุดก็คือเขานั้นแหละ นี้ก็เที่ยงคืนเข้าไปแล้ว เขาไม่รู้จะพูดอะไรกันต่อแล้ว ทำเพียงประคองอีกฝ่ายนอนลงบนเตียงแล้วไม่ให้นอนทับไหล่ข้างที่ถูกยิงและห่มผ้าให้ เขามีสีหน้าอ่อนเพลียไม่น้อยจึงไม่อิดออดอะไรนอนลงอย่างง่ายดาย ส่วนผมที่พึ่งกลับมาจากการทำงานในครั้งนี้ จึงเหนื่อยเกินกว่าจะไปจัดการตัวเอง
ทำเพียงถอดชุดสูทตัวนอกเนกไทเข็มขัดออกจากตัวเท่านั้น ก่อนจะโน้มตัวลงไปนอนข้างๆคนป่วยที่หลับสนิทไปแล้วเรียบร้อย
อานนท์ไม่มีความคิดที่จะนอนที่นี่ในคืนนี้ เพียงแค่มาอยู่ดูอาการของคนตรงหน้าสักพักเพียงเท่านั้น อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะถึงเวลาขึ้นเครื่องของเขาแล้ว
เขามองดูเสี้ยวใบหน้าของใครคนหนึ่งที่เป็นแทบทุกอย่างในชีวิต เราโตมาด้วยกัน กินด้วยกัน เรียนรู้ไปด้วยกัน แม้แต่นอนยังไม่เคยแยกจาก การต้องจากกันไปไหนไกลๆแต่ละครั้งก็ราวกับมีอะไรมาให้ต้องมาบอกกล่าวกันก่อนเสมอ
อานนท์เอื้อมมือลงไปแตะบนไรผมอ่อนข้างหูของพิภพแผ่วเบา มองดูเสี้ยวหน้าคมคายในระยะที่ใกล้จนได้กลิ่นกายอ่อนๆอันคุ้นเคยของเขา
"ผมจะรีบกลับมา...."
มันเป็นเพียงเสียงกระซิบเบาๆในยามค่ำคืนที่แม้แต่ตัวเขสเองยังแทบจะไม่ได้ยินเสียงของตัวเอง
ไม่เป็นไร...