งานเลี้ยงรำลึก{2}

2933 คำ
@ คาสิโนเจได (เขตทิศใต้) มาเก๊า ภายในงานเลี้ยงหรูย่านการพนันเขตใต้ของมาเก๊า ถือเป็นงานที่ใหญ่ที่สุดในรอบปีที่ได้จัดขึ้นในเขตใต้เลยก็ว่าได้ ผู้คนต่างมารวมตัวกันในงานด้วยสูทและชุดราตรีสวยงาม "สุขสันต์วันเกิดครับท่านเจได" "ใคร? หลานชายของเคียวยะเหรอ?" "ผมเป็นลูกของโคสุเกะครับ" " birthday, Mr. Jedi." "Thank you. Glad you came. Edison." (ขอขอบคุณ. ดีใจที่คุณมา. เอดิสัน.) "I have to come. We have been partners for a long time." (ผมต้องมาสิ เราเป็นพันธมิตรกันมานาน) "Wrong, not us, but your father and I. Unfortunately, he's already dead." (ผิด ไม่ใช่เรา แต่เป็นพ่อของนายกับฉัน น่าเสียดายที่เขาตายไปก่อนแล้ว) บรรยากาศในงานครึกครื้นไปด้วยผู้คนหลากหลายเชื้อชาติที่มีประวัติอยู่ในวงการก็มาก อยู่ในรายชื่ออาชญากรรมก็ไม่น้อย ต่างเข้าร่วมงานพูดคุยปรึกษาธุรกิจของตนอย่างช่ำชอง ถือเป็นงานเลี้ยงสังสรรค์ผ่อนคลายแต่ก็อบอวลไปด้วยกลิ่นอายความอันตราย ฮือฮา~ ก่อนบรรยากาศภายในงานจะทุกทำลายลงด้วยการมาเยือนของแขกที่ได้รับเชิญ "ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมา" "ผู้นำภาคเหนือตกลงที่จะมาร่วมงานนี้ด้วย?" "นั่นมือขวาของหัวหน้าเขตเหนือ?" "ฉันมีรูปของเขา เขาคือหนึ่งใน seven sins " "Really!" (เรื่องจริงงั้นเหรอ) "แล้วเขาฉายาคืออะไร?" "บาปแห่งความเย่อหยิ่ง" "Lucifer Killer" "จัดอยู่สายงานนักฆ่า" "เขาทำงานให้กับหัวหน้าเขตเหนือเหรอ?" พิภพขมวดคิ้วหน้านิ่งตึงมาตลอดทางที่เข้ามาในงาน จะไม่หงุดหงิดใจเลยถ้าพวกแม่งไม่มองมาทางพวกเขา พร้อมสทนาเรื่องราวกันอย่างสนุกปากราวกับพวกเขาเป็นตัวประหลาดของงานที่ไม่ควรจะมาในงานด้วยซ้ำ สายตากว่าครึ่งร้อยในห้องโถงจับจ้องมองมาทางนี้แบบโจ่งแจ้ง คนที่โดนมากสุดคงจะเป็นอานนท์ที่ยืนประกอบข้างกันมา เจ้าตัวพึ่งจะได้เปิดตัวในฐานะสมาชิกขององค์กร แต่กลับสีหน้าดูนิ่งเฉยไม่ทุกข์ร้อน เจ้าตัวเพียงยิ้มบางประดับใบหน้าที่ดูสุภาพนุ่มลึก มองดูแล้วสบายตาช่างขัดกับฉายาของตัวเอง แต่พอหันมาสบตากับเขารอยยิ้มนั้นก็จางหายไปทันที.... เออ!..ดี มึงจะเล่นแบบนี้ใช่มั้ยนนท์? "ว่าไงละไอ้หลานชาย! ครั้งนี้ยอมมาด้วยตัวเองเลยเหรอ คนแก่ตกใจนะ" ชายสูงอายุสัญชาติญี่ปุ่นแท้ ใบหน้าดูอ่อนโยนใจดี รูปร่างสูงโปรงท่าทางแข็งแรงสวนทางกับวัย เดินเข้ามาหาพวกผมพร้อมกับถือไม้เท้าคู่ใจ พูดทักทายกันด้วยภาษากลางของโลก ในสำเนียงภาษาบ้านเกิดตัวเองด้วยน้ำเสียงประหลาดใจไม่น้อย "....." "หืม? ไงละเรา ได้ข่าวเปิดตัวในฐานะสมาชิกขององค์กรนี้ ดูจะเป็นที่สนใจไม่เบา" ก่อนจะหันไปพูดกับนนท์ด้วยแววตาและน้ำเสียงที่อ่อนลง "...ครับ"มันตอบกลับเสียงแผ่ว คงไว้ซึ่งรอยยิ้มสุภาพ น้ำเสียงและการแสดงออกให้ความเคารพคนตรงหน้าอยู่ไม่น้อย "มาก็ดีแล้ว....หลานชายฉันคงอยากเจอนาย" ก่อนที่ความเงียบจะปกคลุมบทสนทนาไป อานนท์หุบยิ้มลงไปแล้ว เหลือไว้เพียงใบหน้าที่ดูนิ่งสงบเรียบเย็น ก่อนสายตาของมันจะเหลือบมองกันด้วยแววตาคิดหนักอยู่ไม่น้อย แน่นอนว่าเขาทำเพียงยิ้มมุมปากมองตอบกลับอีกฝ่ายด้วยความหงุดหงิดในใจ "หึ...." อยากเจองั้นเหรอ? ... "เขาดีขึ้นแล้วเหรอครับ?"มันถามกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เหมือนอยากที่จะทำลายบรรยากาศอันน่ากระอักกระอ่วนนี้มากกว่าที่จะสนทนาต่อไป "ยัง....ไม่รู้คนจะฟื้นก่อนหรือฉันจะตายก่อนกัน" "......"ความเงียบกลืนกินรอบวงสทนาไปชั่วอึกใจ พิภพถึงขั้นต้องแค่นหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ หลานนิสัยยังไงปู่ก็เป็นยังงั้น..... เชื้อหนีกันไม่พ้นจริงๆ ความเจ้าเล่ห์เหลียมจัดที่เคยเจอก็ไม่ต่างกันเลยสักนิด มุขที่ดูเหมือนจะสร้างความหันสากลับกลายเป็นกับดักของบรรยายกาศกดดัน นี้กะจะเรียกร้องความเห็นใจจากใครกัน? "อยากไปเจอเขาหน่อยมั้ยละ?"ชายชราเอ่ยถามพลากมองไปทางอานนท์ด้วยรอยยิ้ม อานนท์เงียบส่ายหัวช้าๆ เป็นคำตอบ มองคนสูงอายุตรงหน้าด้วยสายตาเฉยชาในที "ไม่ดีกว่าครับ...." "งั้นเหรอ..ไม่ไปเจอจะดีกว่าสินะ" "....." "สมกับเป็นคนของจักพรรดิ เลือดเย็นพอกันทั้งนายและลูกน้อง"เพียงจบประโยคนั้น อานนท์ที่มีท่าทางนิ่งสงบกลับส่งแววตาเย็นเชียบกลับไปให้คนสูงวัยตรงหน้า "....หึ ขอบคุณที่ชม " พิภพพูดแทรกกลับแทนด้วยรอยยิ้มที่ไปไม่ถึงดวงตา น้ำเสียงที่ใช้เองก็ไร้ความเคารพอย่างสิ้นเชิง "นายครับ...."อานนท์มองสื่อสายตากับเขาอย่างห้ามปรามเล็กน้อย ราวกับจะเตือนเขาว่าตอนนี้คือถิ่นของอีกฝ่าย... อะไรอีกละ... เปิดมาก็พร้อมเล่นงานกันด้วยคำพูดขนาดนี้แล้ว คนข้างเขาก็ยังจะมีกะจิตกะใจรักษามารยาทกันอีกเหรอ ถ้าอีกฝ่ายจะฆ่ากันจริงๆ คงตายไปตั้งแต่ก้าวเข้ามาในเขตพื้นที่ของเขาแล้ว ไม่มั่วมาปั่นประสาทกันเล่นแบบนี้หรอก " ฮ่าๆๆ ช่างเถอะๆ เป็นคำเรียกที่ดูสนิทสนมกันดี ไม่ถือๆ จริงมั้ยหลานชาย?" "หึ!...." "มางานวันเกิดฉันทั้งที จะไม่ดื่มกันหน่อยเหรอ" ผู้สูงวัยตรงหน้ากระดิกนิ้วเรียกคนมาหาตน ก่อนจะพูดสั่งคนออกมาเสียงดังด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม "....มาๆ เอาเหล้าดอกท้อที่ฉันหมักเองออกมา" เด็กเสริฟยกแก้วพร้อมขวดของเหล้าที่มีลวดลายดอกท้อของญี่ปุ่นเข้ามาหาชายชรา ก่อนที่จะทำการเปิดมันออก กลิ่นของเหล้าดอกท้อหอมออกมาจาง ๆ ให้ได้สัมผัส พิภพขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้กลิ่นนี้ ช่างเป็นกลิ่นที่คุ้นเคยจนน่าขนลุก พิภพปราดตามองอานนท์เล็กน้อย ใบหน้าของเจ้าตัวยังคงราบเรียบเฉยชา ไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ ทำเพียงยืนมองแก้วเหล้าที่ถูกเทลงอย่างเงียบเชียบเท่านั้น "ถือเป็นของขึ้นชื่อของประเทศฉันเลยนะ ดื่มสักหน่อยเถอะ ฉันหมักไว้ตั้งแต่ยังอายุยังเท่าพวกนายเลยมั้ง" แก้วถูกยื่นส่งมาตรงหน้า เขาทำเพียงมองน้ำสีชมพูอ่อนของเหล้าดอกท้อเล็กน้อยไม่ได้รับมาดื่ม "วางใจเถอะ...งานนี้ไม่มีวางยา" เขาพูดพร้อมดื่มแก้วเหล้าที่ออกมาจากขวดเดียวกันในมือของตนให้พวกเขาดู ทั้งคู่มองอีกฝ่ายยกแก้วขึ้นดื่มด้วยสีหน้าเรียบเฉย "อย่าอคตินักเลยหลานชาย...ถือว่าฉันต้อนรับในฐานะ 'เพื่อนคนสำคัญ'ของหลานชายฉัน" พิภพแค่นเสียงในลำคอออกมาทันทีเมื่อได้ยินคำแสลงหูนั้น ถ้าอีกฝ่ายจะยัดเยียดบทบาทเหล่านี้ให้ เขาก็พร้อมจะเล่นด้วยสักหน่อยก็ได้ "แค่เพื่อนก็พอ ไม่ได้สลักสำคัญอะไรถึงขนาดนั้น"เขาตอบกลับชายชราตรงหน้าด้วยรอยยิ้มเย็น สำหรับเขาเรียกศัตรูคู่อาฆาตก็ยังได้ แค่เคยร่วมชะตากรรมไม่ถึงสองปีเขาไม่นับว่าเป็นเพื่อนเหรอ....เรื่องมันก็นานมากแล้ว พิภพไม่คิดจะรื้อฟื้นอดีตขึ้นมาให้ขุ่นเคืองใจ "ถึงขนาดเอาชีวิตตัวเองเข้าแลกให้ ก็คงมีความสำคัญมากอยู่ ไม่ใช่เหรอ?"เจไดเอ่ยกล่าวอย่างหยอกล้อ สายตาเหลือบมองคนข้างกายเขา "....." "อย่าใจดำนักเลย ว่างๆ ก็แวะไปเยี่ยมกันบ้าง โดยเฉพาะนายนะ...อานนท์" รอบนี้คนสูงวัยตรงหน้าเริ่มทำการมองสำรวจคนของเขาอย่างเสียมารยาท ก่อนจะหยุดสายตามองสบตากับอานนท์ไปสักพักใหญ่ๆ "หืม? สีตาของนายดูคุ้นตาฉันมากเลย" "....." "สวยดี...." "ขอบคุณครับที่ชม...." "ได้ยินชื่อมานาน...เคยคิดว่าสักวันถ้าฉันโดนลอบฆ่าตาย กระสุนที่จะฝังลงกระโหลกฉันจะเป็นของนายนะ" "ผมไม่ทำร้ายครอบครัวของเพื่อนหรอกครับ" "...." "วางใจเถอะครับ กระสุนที่ฝังลงไปคงไม่ใช่ของผมแน่นอน" ทันทีที่มันพูดจบ พิถพถึงกับยิ้มมุมปากขึ้นอย่างชอบใจ สมเป็นมัน ปากคอรอร้ายแต่คงไว้ด้วยความสุภาพ นานๆ เขาจะได้เห็นมันใช้คำพูดพวกนี้กับคนนอกซะที เพราะส่วนใหญ่เขาจะเป็นคนโดนมันพูดประโยคพวกนี้ใส่ "ฮ่าๆๆ ถูกใจฉันจริงๆ สมกับเป็นคนที่หลานฉันสนใจ ตาถึงไม่เบา" "ก็ตาถึงจริง...." พิภพพึมพัมออกมาเบาๆ ถึงจะไม่พอใจประโยคเมื่อครุ่ของชายชรา แต่คำสุดท้ายไม่ได้แย่เลย "....."ตาแก่ยักคิ้วมองเขาด้วยแววตาสงสัยไปชั่วขนาด ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างขบขันในภายหลัง... "ที่มาครั้งนี้อยากจะพูดอะไรกับฉันหรือเปล่าละเจ้าหลานชาย?" สมกับที่อยู่มานาน อายุไม่ได้มีไว้ประดับเล่นจริงๆ ".....ว่าจะรวมอาณาเขต"สีหน้าของชายชราดูแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่ได้ยินเขาพูดออกมาตรงๆ แบบไไม่อ้อมค่อม ปกครองเขตเหนือมานานพึ่งคิดจะมารวมอาณาเขตเอาตอนนี้เหรอ? "งั้นเหรอ...ถึงเวลาแล้วสินะ" ชายชราพูดพร้อมพยักหน้ายิ้มให้เขาเบาๆ ก่อนจะวางแก้วเหล้าในมือลงบนถาดแล้วไล่เด็กตัวเองออกไปห่าง ๆ แล้วหันกลับมามองเขาด้วยสายตาราบเรียบ พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูแข็งกราวขึ้น "...." "แต่ว่าเขตใต้มีฉันปกครองอยู่ มันไม่ได้ง่ายแบบนั้นหรอกมั้ง? " "...." "ขอเตือนไว้อย่างนะหลานชาย เมื่อเลือกที่จะอยู่จุดสูงขึ้น ก็ความรู้จักปล่อยวางความรู้สึก" "หึ...." "ฉันหมายถึงทุกสถานะที่นายมอบให้คนรอบข้าง ญาติพี่น้องพ้องเพื่อนรวมกันอยู่ในความรู้สึกนั้นหมด ถ้าตัดได้ จุดสูงสุดก็ใกล้เกินเอื้อมแล้ว" ชายชราพูดออกมาด้วยใบหน้าเหยียดยิ้มมองเขาราวกับท้าทาย ".....ฉันไม่ใช่คนโลภ"พิภพปราดสายตามองชายชราอย่างถือดี จะให้เขาทิ้งความรู้สึกเพื่อขึ้นไปอยู่จุดสูงสุด? น่าขำสิ้นดี ที่มีทุกวันนี้ได้ก็เพราะความรู้สึกพวกนี้ไม่ใช่เหรอ? ผลักดันให้เขาต้องอยู่สูงขึ้นไป เพื่อที่จะปกป้องคนของตัวเองได้ ทำไมสุดท้ายต้องมาทำอะไรที่มันสวนเจตจำนงเดิมของตัวเองด้วยละ? "งั้นเหรอ... เป็นคำตอบที่ดูน่าภูมิใจจังนะ ครั้งหนึ่งฉันก็เคยมีเพื่อนที่ได้ฉายา 'จักรพรรดิ' เหมือนกับนายเลย หันหั่นกันมาก็ไม่น้อย เป็นคนประเภทที่ล้มยาก แต่น่าเสียดายเขากลับตายด้วยนำมือของคนที่เขารักอย่างง่ายดายจนฉันนึกประหลาดใจ ถึงจะขึ้นชื่อว่าครอบครัว ก็ใช่ว่าจะเป็นศัตรูกันไม่ได้ ถึงจะเป็นคนที่ไว้ใจมากแค่ไหน ก็ใช่ว่าจะไม่หักหลัง" หัวหน้าแก๊งเจไดพูดจบก็ปราดสายตามองไปอย่างอานนท์เล็กน้อย พิภพมองท่าทางนั้นด้วยความขุ่นเคือง ทำไมเขาจะไม่เข้าใจสิ่งที่ชายชรากำลังจะสื่อ "....." แล้วทำไมเจ้าตัวที่โดนพาดพิง ถึงได้นิ่งสงบไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยกัน ความตายด้านของเจ้าตัวทำเขาหงุดหงิดใจได้ทุกครั้งเลยจริงๆ พรึบ!!! "......" "....!!" "กริ๊ด!!" "what happened!!" ไฟดับ? .....อีกแล้วเหรอ นี้แม่งก็จะดับไฟมันทุกงานเลยหรือไงกัน! "ตาแก่ มุกเดิมเขาไม่เล่นกันนะ" อีกฝ่ายพอได้ยินเขาพูดแบบนั้นก็ดูจะมึงงงอยู่ไม่น้อย ก่อนจะตอบกลับผมด้วยใบหน้าที่ดูเคร่งขรึม "ไอ้หลานชาย....ดูสถานการณ์หน่อย ฉันจะทำลายงานของตัวเองไปทำไมกัน?" "เหอะ! แล้วนี่ถิ่นใครกัน จะมาบอกว่าไม่รู้เรื่องมันน่าเชื่อถือตรงไหน" "มาเค้นคำตอบจากคนแก่แบบฉันให้ได้อะไรขึ้นมา ถามเอาจากคนข้าง ๆ ดีกว่ามั้ย?" "หมายความว่าไง....."ผมหันไปมองอานนท์เล็กน้อยอีกฝ่ายมองสบตากับผมก่อนจะจับข้อมือผมไว้แน่นจนต้องมองลงไปดูมือของมันที่จับมือผมไว้อยู่ "**ですか!?!" (ปลอดภัยมั้ยครับท่าน!?!) บอดี้การ์ดร่างใหญ่สองคนวิ่งเข้ามาหานายของตนด้วยความรีบร้อน เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ภายในงานเริ่มดูย่ำแย่ "*は**です" (ฉันสบายดี.) ชายชราตอบกลับด้วยลูกน้องตัวเองเสียงเรียบ นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนที่ดูอ่อนโยนปรากฏร่องรอยความดาลเดือดขึ้นมา "**に**する" (จัดการกับปัญหาซะ) "はい" (ครับท่าน) ชายชราปราดสายตามองรอบด้านที่มืดมิด มีเพียงแสงจะภายนอกที่ส่องสว่างให้พอได้เห็นทางเดินบ้าง ผู้คนในงานกระจาดกระจายไปทั่วไร้ทิศทางบ้างก็พาตัวเองออกไปกันแล้ว เพล้ง!!! "....!!!" เสียงของกระจกหน้าต่างบนชั้นงานเลี้ยงแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ พร้อมกระสุนที่ถูกสาดเข้าภายในงาน ปังๆๆๆ "こ***!!!!" (นายท่าน!!!) "*をここから*れ*してください" (พาฉันออกไปจากที่นี้) ชายชรามองภาพความวุ่นวายตรงหน้าที่กระสุนถูกสาดเข้ามาภายในงานผ่านกระจกหน้าต่างบานยักษ์ที่แตกละเอียดไปเรียบร้อยด้วยสายตาเคร่งเครียด ก่อนที่สายตาจะกวาดไปมองชายหนุ่มร่างสูงโปร่งสองคนที่กำลังเดินกระชากมือกันไปมาท่ามกลางความมืดที่ยังพอมีแสงส่องผ่าน เพื่อจะพากันออกจากงานไปอย่างบันไดหนีไฟ เขามองภาพนั้นด้วยแววตาที่อ่านยาก หึ~ พาความวุ่นวายมาในงานของเขาแล้วกลับกันไปดื้อ ๆ แบบนี้เลยนะ....เจ้าเด็กพวกนี้ Where did it shoot?!? . This is the 50th floor.!!!" (มันยิงมาทางไหนกันนี่มันชั้นที่ห้าสิบนะ!!) "กริ๊ดดด!!" ปังๆๆ ความชุลมุนของคนในงานที่หลบกระสุนกันให้วุ่น เลือดสีแดงสาดไปทั่ว เมื่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดโดยไม่มีใครได้ตั้งตัว "...นายครับ ไปกันเถอะ" "นนท์..." "อย่าพึ่งถามครับ..." "มึงปิดบังกูนนท์ ทำไมมีอะไรไม่บอกกัน" พิภพพูดตัดพ้อด้วยความหัวเสียและหงุดหงิดใจ คนตรงหน้าไม่น้อย อีกฝ่ายไม่แม้แต่จะอธิบายอะไรให้เขาฟังเลย ทำเพียงจับข้อมือลากไปมาเพื่อหาทางออกจากงานเท่านั้น "นนท์!..." "ใช่เวลามาถงเถียงกันเหรอครับ" ถึงแม้เราจะอยู่ในความมืด พิภพก็ยังพอจะมองออกว่าตอนนี้มันทำหน้าแบบไหน น้ำเสียงที่ตอบกลับเขาจะนิ่งสงบขนาดไหน แต่มือที่จับผมไว้กลับเย็นเฉียบและชื้นไปด้วยเหงื่อ มันกำลังกังวล.... "จบงานนี้มึงต้องอธิบาย ห้ามบ่ายเบี้ยง" "นายควรคิดว่าเราจะออกจากที่นี่ยังไงให้มีชีวิตกลับไปมากกว่านะครับ" "มึงเอาคนมาเท่าไร...." "ถึงมากขนาดไหนก็เอาเข้างานไม่ได้อยู่ดีครับ ตอนนี้เราต้องออกไปหาพวกเขาเองแล้ว" มันพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ แววตาฉายแววเย็นชา เขาที่อยู่กับมันมานานบอกได้เลยว่าอารมณ์ตอนนี้ของมันคือเดือดดาลแบบสุดๆ นี้มันแผนของตาแก่นั้นชัดๆ ยังจะบอกว่าไม่ได้ทำอีก ภายในงานบอกมีการรักษาความปลอดภัยที่สูง แต่แขกที่มางานเอาผู้ติดตามเอาเข้าไม่ได้สักคน (ส่วนอานนท์ไม่ถือเป็นผู้ติดตามในสายตาเจ้าภาพ) แต่มีคนของตัวเองอยู่เต็มงานไปหมด เหอะ! ถิ่นใครถิ่นมันสินะ.... "เดียวนนท์ มึงจะพากูไปไหน?" พิภพเริ่มสังเกตรอบข้าง ตอนนี้พวกเขาอยู่ทางขึ้นลงบันได แต่มันไม่ได้พาเขาลงบันไดไปข้างล่าง กลับพาเขาขึ้นบันไดไปชั้นบนแทน อานนท์ไม่ตอบคำถามอีกฝ่าย แต่พูดสั่งการลูกน้องอยู่กับเครื่องสื่อสารข้างหูตัวเองด้วยใบหน้าที่ดูเคร่งเครียด "สถานการณ์ฉุกเฉิน ฉันกำลังพานายออกไปทางชั้นดาดฟ้า เตรียมเครื่องขึ้นไปรับคนข้างบน อย่าช้า" ปังๆ "...!!" "นายครับ...." "เออ! กูรู้แล้ว" พิภพใส่ฝีเท้าพาตัวเองวิ่งขึ้นบันไดชั้นแล้วชั้นเล่า โดยมีอานนท์ประกบหลังไว้ เมื่อได้ยินเสียงปืนและฝีเท้าของคนจำนวนหนึ่งวิ่งไล่หลังมา พิภพรู้ว่าตัวเขาต้องวิ่งขึ้นไปจนกว่าจะถึงชั้นบนสุดของอาคาร วิ่งไปพร้อมหอบหายใจอย่างเหนื่อยล้า ก่อนที่ประตูหนีไฟของชั้นที่ห้าสิบห้า จะทุกเปิดออกพร้อมกับคนชุดดำอาวุธปืนครบมือกรูออกมา ด้วยความตกใจพิภพจึงถีบยอดหน้าคนด้านหน้าสุดแรง จนกระเด็นไปชนคนข้างหลังกลับเข้าประตูไปอย่างมึงงง ไอ้นนท์ทำการกดล๊อคประตูจากด้านในอย่างรวดเร็ว แล้วลากเขาขึ้นบันไดต่อเหมือนกับเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ปังๆๆ กระสุนถูกสาดขึ้นมาอย่างไร้ทิศทาง แต่กลับเฉียดพวกเขาไปไม่กี่ก้าวขั้นบันได พิภพวิ่งอย่างไม่รู้จุดหมายปลายทางว่าจะถึงเมื่อไร แต่ก็วิ่งต่อไปเพราะคนที่เขารักยังรั้งท้ายกันอยู่ มันจะไม่ยอมวิ่งตามขึ้นมาเสมอเขา แต่มันจะประกบหลังเขาไว้ไม่ให้เป็นอันตราย เขาจะช้าไม่ได้.....
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม