3.ไถนาฮุด
ท้องทุ่งนาวังโกนั้นกว้างใหญ่หลายพันไร่ แต่กว่าจะเดินผ่านทะลุดอนปู่ตาออกไปได้นั้น พวกเด็กๆ ก็ต้องใช้ความกล้าหาญฟันฝ่าความหวาดกลัวออกไปให้ได้ เพราะดอนปู่ตามีอาณาเขตกว้างใหญ่มากๆเนื้อที่ของดอนปู่ตาทอดยาวไปไกลถึงโคกป่าช้าทางด้านตะวันตกของหมู่บ้านเลยล่ะ เมื่อเดินพ้นเขตดอนปู่ตาจะเป็นทุ่งนาพ่อใหญ่ซอ บางปีนาพ่อใหญ่ซอ ซึ่งเป็นนาโคก น้ำท่าไม่ดี ฝนตกไม่ทั่วฟ้าทั่วดิน อ้ายทิดมั่น อดีตประธานเยาวชนของหมู่บ้าน และเป็นลูกเขยของพ่อใหญ่ซอจึงปรับเปลี่ยนที่นาให้เป็นไร่ปอกระเจา ไร่แตงโม หลังฤดูกาลเก็บเกี่ยวข้าว
หลังจากเดินผ่านทุ่งนาของพ่อใหญ่ซอออกไปก็จะมองเห็นท้องทุ่งกว้างใหญ่ ซึ่งคนทั่วไปเรียกว่านาวังโก ชาวนาวังโกส่วนใหญ่จะปลูกสร้างเถียงนาอยู่ตามริมฝั่งลำน้ำโพง เพราะต้องอาศัยน้ำในการดำรงชีวิตและทำการเกษตร ทางด้านตะวันออกติดกับลำน้ำโพงเป็นนาของพ่อใหญ่ขันตี พ่อใหญ่ขันตีพื้นเพเป็นชาวนครพนม แกปลูกเถียงนาอยู่ทางโซ่งวังโพน คำว่าโซ่งนี้หมายถึงทำเลที่ตั้ง พวกชาวบ้านชอบเรียกชาวนาวังโกที่ปลูกสร้างเถียงนาตามลุ่มน้ำลำโพงว่าโซ่งนั้นโซ่งนี้ ตามลักษณะภูมิทัศน์ของล้ำโพงที่ไหลผ่าน พ่อใหญ่ขันตีนับว่าเป็นชาวนาที่มีวิสัยทัศน์ใกล้เคียงกับพ่อครูอุ่น พ่อครูจูม เพราะแกจ้างชาวบ้านปั้นคันคูล้อมรอบผืนนาเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำโพงไหลท่วมนาของแก แกขุดคันคูล้อมรอบนาแปลงใหญ่เพื่อป้องกันน้ำโพงไหลหลากเข้าท่วมนา ส่วนนาของแม่ใหญ่ผมมีขนาดกว้างใหญ่กว่านาของเจ้าอื่น แต่ไม่มีคันคู ทำให้น้ำโพงไหลทะลักท่วมทุ่งนาทุกปี
ถัดออกไปเป็นที่นาของนายฮ้อยผา พ่อค้าควายเมืองล่าง เลยไปทางตะวันตกเป็นนาของพ่อใหญ่อ่อน น้องชายของแม่ใหญ่กง ส่วนทางใต้เป็นนาหนองเบ็นเจ้าของคือแม่ใหญ่วัน บางครั้งเรียกว่าโนนหมากเกลือ เพราะมีต้นมะเกลือขึ้นอยู่ต้นหนึ่ง เด็กชาวทุ่งนาวังโกชอบที่จะไปหาเก็บลูกหมากเกลือสุกมากินตอนฤดูหนาว หรือบางครั้งก็จะป่ายปีนขึ้นต้นหมากเกลือเพื่อเก็บเอาลูกของมันที่แก่จัดมาบ่มในหลุมดินในหน้าหนาว ผลสุกของหมากเกลือมีรสหวานหอมอร่อย นอกจากนี้ ผลหมากเกลืออ่อนยังสามารถใช้เป็นยาฆ่าพยาธิ โดยนำเอาผลอ่อนมาตำให้ละเอียด ผสมกับเกลือและน้ำ คั้นเอาส่วนที่เข้มข้นเหมือนคั้นใบย่านางที่นำมาแกงหน่อไม้ แต่น้ำหมากเกลือนี้ใช้ดื่มเป็นยาฆ่าพยาธิ
ตอนเช้า คำปันกับน้องชายลุกตื่นขณะที่แม่ใหญ่กงกำลังก่อไฟนึ่งข้าว เขากับน้องชายต้องลุกจากที่นอนไปจูงวัว ควายที่อยู่ในคอกใต้ถุนเถียงนาออกไปผูกตามลานหญ้าข้างๆดอนป่าจิก ควายตัวผู้สองตัวถูกจารย์คำหล้าและจารย์ธงจูงไปไถนาฮุดกลางทุ่ง ก่อนนี้หลายวัน จารย์คำหล้าได้ไถฮุดนาเพื่อเตรียมหว่านกล้าไว้ปักดำ คำปันกับน้องชายนอกจากจะต้องพาวัวควายไปกินหญ้าแล้วยังต้องคอยเฝ้าไก่ที่จะมากินข้าวปลูกที่หว่านเอาไว้ ถ้าหากเป็นวันไปโรงเรียน คำปันกับอ่อนจันทร์จะทำงานในช่วงเช้าเพียงแค่จูงวัว ควายไปล่ามผูกไว้ตามชายทุ่ง
จากนั้นจะพากันไปยามเบ็ดที่ปักเอาไว้ที่นาหนองถ่ม นาหนองถ่มจารย์คำหล้าจะไถหว่านข้าวตั้งแต่ต้นเดือน6 พอน้ำโพงล้นฝั่งทะลักออกมา นาหนองถ่มจะมีน้ำท่วมข้าวกล้าที่หว่านไว้ ข้าวที่หว่านนี้จะเอาไว้เป็นอาหารของเป็ดไก่ หรือเอาไปหมักแช่ไว้ทำแป้งข้าวปู้น ช่วงเอาบุญบ้าน หรือบุญข้าวจี่ และแห่ดอกจาน
ในช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวหนองถ่ม หนองถ่มควาย และนาหนองเบ็น จะอยู่ใกล้กัน ในฤดูน้ำหลาก หนองน้ำทั้งสามแห่งจะกลายเป็นท้องน้ำเดียวกัน คนชาวนาวังโกจะออกมาใส่มอง ใส่เบ็ด กันอย่างมากมาย เพราะเป็นช่วงเวลาที่ปลาจากลำน้ำโพงแตกฝูงมาอยู่ตามทุ่งนา และหนองน้ำ ดังนั้น จึงเรียกทุ่งนาวังโกว่าทุ่งนาทามน้ำแก่ง
คำปันกับน้องชายช่วยกันล่ามวัว ควายกินหญ้าใกล้ๆกับร่มไม้ชายทุ่งนาวังโกเสร็จแล้วจึงพากันไปยามเบ็ด อ้ายจารย์คำหล้าเหลาคันเบ็ดจากไม้ไผ่ลำโตได้มา30คัน ส่วนเบ็ดและสายเอ็นในล่อนซื้อมาจากร้านค้าของเ**กนาพ่อของบักต๋อย
คำปันกับน้องชายแบ่งคันเบ็ดคนละ15คัน คำปันเลือกใส่เบ็ดที่นาหนองถ่มควายใกล้ๆกับนาของพ่อใหญ่ขันตี ส่วนอ่อนจันทร์เดินลงไปทางใต้ซึ่งติดกับลำน้ำโพงใกล้ๆกับนาหนองเบ็นของแม่ใหญ่วัน
เช้าวันนี้เป็นวันเสาร์ คำปันกับน้องชายจึงไม่รีบเร่งอะไรมากนัก หลังจากพากันยามเบ็ดเสร็จแล้ว และได้ปลามาหลายตัว มากพอที่จะใช้ประกอบอาหารในเช้านี้ จึงพากันเดินกลับมายังเถียงนา ทั้งสองคุยกันว่าจะไปหาเก็บเห็ดในดอนป่าจิก เพราะช่วงต้นฤดูฝนเห็ดถ่านที่มีดอกสีดำจะออกก่อนเห็ดชนิดอื่นๆ เห็ดถ่านดอนป่าจิกก็แกงแซบพอๆกับเห็ดก่อเห็ดละโงกของดงดอนขมิ้นบ้านหนองผีน้อย ถึงแม้หน้าตาของเห็ดถ่านจะไม่สวยงามเพราะดำแหล่เหมือนถ่านไฟ
เช้านี้ เบ็ดของคำปันหมานปลาคักหลาย ทั้งๆที่คำปันหาปลาเก่งเท่าอ่อนจันทร์ เขาได้ปลาไหลตัวเล็ก3ตัว ปลาช่อน1ตัว และปลาบู่2ตัว มีเต่าติดเบ็ด1ตัว ส่วนเบ็ดของอ่อนจันทร์ได้ปลาดุกอุยเหลืองงาม3ตัว ปลาตอง3ตัว ปลาเข็ง3ตัว อ่อนจันทร์มีวิธีใส่เบ็ดหรือมีเคล็ดลับให้ได้ปลามากกว่าคำปัน มันเป็นวิชาเฉพาะตัวของเขาเอง
เรื่องการหาอยู่หากินนั้น อ่อนจันทร์เก่งกว่าคำปันมากเลยทีเดียว แต่เขาเรียนอ่อนกว่าคำปัน ทำให้คำปันต้องเสียเวลามาสอนการบ้านทุกเย็นวันศุกร์ให้กับเขาเป็นประจำ
ครั้งหนึ่งอ่อนจันทร์วิ่งเล่นในห้องเรียนตอนพักเที่ยง เขาวิ่งเหยียบกระดานชนวนของเพื่อนนักเรียนในชั้นแตกเสียหาย เพื่อนนักเรียนไปฟ้องครูใหญ่ ครูใหญ่เรียกคำปันเข้าพบ
"คำปัน เธอกับน้องชายต้องไปขุดปลวกมาให้ครู6ก้อน ไม่เช่นนั้นจะโดนตีคนละ 10 ที"
"ทำไมครับ ทำไมผมต้องไปขุดปลวกและโดนตีครับ"
"เพราะน้องชายเธอวิ่งเล่นในห้องเรียนแล้วเหยียบกระดานชนวนของเด็กชายคำเพลิงแตกไงล่ะ"
ทุกครั้ง เวลาที่สองพี่น้องทะเลาะกัน คำปันจะอ้างเรื่องที่น้องชายเหยียบกระดานชนวนของเพื่อนแตกมาเป็นข้ออ้าง ทำให้อ่อนจันทร์เลิกทะเลาะกับคำปันทันที
*****