ไมล์กลับไม่มีท่าทางให้ศศิกานต์ได้จับพิรุธอะไรเลย เมื่อเขาแค่ขยับพิงพนักให้จันทร์ที่เข้ามาช่วยน้ำแข็ง ยกชามข้าวต้มวางตรงหน้าเขา หลังจากที่วางให้คนอื่นแล้ว
“น้ำแข็ง นั่งลงได้แล้วจ๊ะ”
! คราวนี้ไมล์มีท่าทางตอบกลับทันที กับคำเรียกขานนั้น ‘น้ำแข็ง’ อย่างงั้นเหรอ ดวงตาฟ้าครามที่ค่อยๆเข้มมากขึ้น มองน้ำแข็งที่นั่งลงตามคำของมารดา ข้างๆมารดาของตนอย่างเป็นกันเอง
“ไมล์ แม่ขอแนะนำ นี่น้ำแข็ง น้ำแข็งนั่นพี่ไมล์ เรียกพี่ไมล์ว่าพี่ไมล์ก็ได้จ๊ะ” น้ำแข็งกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก กับรอยยิ้มนิดๆให้กับศศิกานต์ก่อนที่จะหันไปยกมือไหว้ไมล์อย่างเป็นทางการ
“สวัสดีค่ะ” น้ำแข็งที่ถือว่าตัวเองเป็นผู้น้อยที่ต้องรักษามารยาท จึงเป็นฝ่ายนอบน้อมอย่างน่าดูชม ตรงข้ามกับไมล์ที่ถึงแม้จะไม่โผงผางใส่ แต่สายตานั้นก็ไร้ซึ่งมิตรภาพที่ดี และแน่นอนว่าเอกพจน์และศศิกานต์ก็ไม่ได้ตาบอด แต่ทั้งสองก็ไม่เอ่ยกล่าวตำหนิไมล์ ศศิกานต์จึงทำลายบรรยากาศอึมครึมนี้โดย...
“น้ำแข็งทำไมถึงสวมเสื้อยืดละ”
“อ๋อ น้ำแข็งซุ่มซ่าม เสื้อนักศึกษาเลอะนะคะ พี่กันยาเลยจัดการให้อยู่” ศศิกานต์พยักหน้าและบอกให้ทุกคนลงมือทานได้แล้ว
น้ำแข็งก้มหน้าลงมือกินข้าวต้มกุ้ย แม้เธอจะรู้สึกตลอดเวลาถึงสายตาเย็นๆของคนตรงข้าม อุ้ย! เมื่อสองคนที่ใจตรงกัน เอื้อมไปจับช้อนกลางในจานยำไข่ต้มยางมะตูม น้ำแข็งตกใจรีบถดถอยมือตัวเองออกมาทันที และเปลี่ยนไปหยิบขวดซอสแม็กกี้แทน บนโต๊ะยังคงเงียบแม้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะอยู่ในสายตาของ ผู้ร่วมโต๊ะคนอื่นด้วย แต่ทุกคนก็เลือกที่จะเงียบ
น้ำแข็งรู้สึกเหมือนมือเธอจะไหม้ แค่สัมผัสโดนมือของคนตรงข้าม เพียงแค่เสี้ยววินาที แต่ยังกับว่าตอนนี้มือเธอถูกเขาบีบรัดอยู่ตลอดเวลา ไม่เคยรู้สึกแบบนี้เลย ทำไมเธอถึงหายใจไม่ค่อยออกนะ
“ไมล์ วันนี้มีโปรแกรมจะไปไหน” เอกพจน์เอ่ยถามหลานชาย
“ไม่มีอะไรเป็นพิเศษครับ ก็คงต้องไปฉีดยาตามความต้องการของคุณแม่ครับ”
“เราไม่คุ้นเส้นทาง ให้สายันต์ขับรถไปให้แล้วกัน”
“คุณแม่ต้องไปไหนไม่ใช่เหรอครับ” ไมล์มองการแต่งตัวของมารดา ก็รู้ทันที เพราะสายันต์เป็นคนขับรถให้กับมารดาของตนแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้สายันต์จะเป็นคนสนิทอีกคนของคุณตาที่ติดตามและขับรถให้ตลอดเวลาสลับกับลุงใบ
“งั้นน้ำแข็ง นั่งบอกทางพี่ไมล์เขาไปได้มั้ยจ๊ะ เพราะโรงพยาบาลกับมหา’ลัย ก็ทางเดียวกัน” ศศิกานต์ได้โอกาส จึงไม่อาจปล่อยไปได้ และนั่นทำให้ น้ำแข็งถึงกับตัวแข็งทันที เธอยังเงียบและรอให้ไมล์ปฎิเสธ แต่รอ เวลาผ่านไปเกือบนาที ก็ไม่มีเสียงอะไรออกมา
“ค่ะ” น้ำแข็งจึงมีทางออกเดียว
“อย่างไรแล้วก็ช่วยเป็นธุระจัดการให้พี่เขาด้วยนะ หมอนนท์ไม่อยู่ ในโรงพยาบาลก็ไม่มีใครที่รู้จักพี่ไมล์ ถ้าขืนให้ไปกรอกประวัติ อะไรพวกนี้ มีหวังพี่เขาพาลจะไม่ไปฉีดยาเอาง่ายๆ” ศศิกานต์ไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดไปอีกครั้ง จึงฝากฝังไมล์กับน้ำแข็งเสียดิบดี และศศิกานต์ก็รู้ว่าเธอไม่ผิดหวังแน่นอน
“รุกหนักไปมั้ย” เอกพจน์เอ่ยกับบุตรสาวที่แยกกันออกมาจากห้องอาหารกันตามลำพัง
“คุณพ่อว่า ไมล์เขาแปลกๆมั้ยคะ ไม่มีท่าทางแปลกใจอะไรเลย อย่างกับว่าสองคนนี้เจอกันแล้ว” ศศิกานต์ไม่ได้ตอบคำถามของบิดา แต่แปลกใจและตามไม่ทันความคิดของบุตรชายตนมากกว่า ในเมื่อไมล์ไม่แสดงท่าทางอะไรเลย ศศิกานต์ก็คิดว่าตนก็ไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อมอะไร แม่ลูกกันก็พอจะรู้จักรู้ใจกันบ้างถึงไม่มากนักในตอนนี้ ตอนที่ไมล์เติบโตเป็นผู้ชายสมชายแล้วก็ตาม
“ไมล์ไม่ใช่คนช่างซัก เราต่างก็รู้ดี เมื่อก่อนยังพอคาดเดาได้ แต่ตอนนี้พ่อรู้สึกว่าไมล์เขาเปลี่ยนไป เก็บอารมณ์ความรู้สึกได้ดีมาก เอาเถอะ อย่างไรแล้ว ก็ระวังหน่อย ให้เขาสองคนสมัครใจเองอย่าได้ถึงกับไปบังคับกัน และอย่าได้ทำให้ไมล์รู้สึกว่าเราเอาความรู้สึกของเขามาล้อเล่น” เอกพจน์เตือนศศิกานต์ ตามประสาคนที่ผ่านโลกมามาก
น้ำแข็งที่ขอตัวกลับขึ้นมาห้องนอนของตนที่มีอยู่ในบ้านหลังนี้ แม้เสื้อนักศึกษาจะถูกเปลี่ยนกลับคืนร่างของเธอนานแล้ว แต่น้ำแข็งก็ไม่อยากที่จะรีบลงไปเลยทั้งๆที่มีคนรออยู่ก็ตาม
“น้องยังไม่เสร็จเหรอ” ศศิกานต์หมายถึงน้ำแข็ง เมื่อเดินมาถึงห้องรับแขกเพื่อที่จะออกไปข้างนอก แต่เห็นบุตรชายนั่งอ่านหนังสืออะไรสักเล่มอยู่
“ครับ” ไมล์ตอบรับสั้นๆ
“งั้นเดี๋ยวแม่ไปดูให้ก่อนแล้วกัน”
“ไม่ต้องหรอกครับแม่ ผมไม่ได้รีบอะไร” ไมล์วางหนังสือในมือและลุกขึ้นยืนเข้าไปหอมแก้มมารดาและกล่าวลา ศศิกานต์ยอมโอนอ่อนผ่อนตามใจไมล์ และก่อนจะไปศศิกานต์เหมือนมีอะไรอยากเอ่ยอยากถามไมล์ แต่ก็ตัดสินใจที่จะไม่ถาม เพราะมันจะไปกระตุ้นเรื่องน้ำแข็งอีกคนที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับมากเกินไป แม้เธอจะไม่เข้าใจเลยว่าทำไมบุตรชายไม่มีคำถามอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธออยากอธิบายว่า เรื่องน้ำแข็งที่อยู่ชั้นสองของบ้าน มันเป็นพรหมลิขิต แต่เอาเถอะ! ให้พวกเขาตัดสินใจเองดีกว่า
น้ำแข็งที่ต้องลงมาจนได้ เธอเดินไปยังห้องรับแขก และเห็นเขานั่งอยู่เพียงลำพัง เขากำลังอ่านหนังสือ น้ำแข็งเกิดความลังเล และเหมือนเธอจะยังไม่ได้ไปลาคุณท่าน นั่นเป็นเหตุผลให้น้ำแข็งได้ต่อเวลาหายใจของตัวเองไปได้อีก น้ำแข็งที่หันหลังกลับและไปยังระเบียงที่เอกพจน์ชอบไปอยู่ที่นั้น โดยมีสายตาเยือกเย็นติดตามไปด้วยอย่างไม่รู้ตัว
“ไปได้สักทีนะ” ไมล์เอ่ยเสียงเบาๆ แต่แฝงความประชดประชันไว้ เมื่อเวลาผ่านไปเกือบสิบนาที น้ำแข็งก็กลับมาปรากฎตัวอีกครั้ง
“ขอโทษค่ะ” น้ำแข็งรู้ตัวแต่เธอก็ไม่ได้สำนึกผิดอะไร แต่เธอก็ยังเอ่ยคำ ขอโทษออกไป
“ถ้าไม่ได้รู้สึกอย่างที่พูด ก็อย่าพูดออกมา เพราะมันเป็นหนึ่งในกลุ่มคำในหลายๆคำที่เป็นคำศักดิ์สิทธิ” น้ำแข็งมองไมล์เธอไม่เข้าใจความหมาย แต่รู้สึกถึงความไม่พอใจที่ไมล์ส่งมา น้ำแข็งจึงเลือกที่จะเงียบเสียง และยืนอยู่กับที่ รอ เธอรอให้เขาขยับและเธอค่อยเดินตามหลังไปห่างๆแบบเงียบๆแล้วกัน
ไมล์จ้องมองใบหน้างดงามน่ารักแบบที่ชอบนั้นอยู่นาน เขากำลังมองหา เพราะเขาไม่เชื่อเรื่องบังเอิญ ผู้หญิงตรงหน้าอาจจะไปทำศัลยกรรม คุณแม่อาจจะเป็นเจ้าของความคิดนี้ แต่คิดแบบนั้นไมล์ก็รู้สึกไม่ดีนัก เพราะนั้นเขาก็คิดไม่ดีกับแม่
ไมล์ที่ยืนนิ่งจ้องมองใบหน้าหวานละมุนนั้นอยู่นาน แต่ต้องขยับก้าวเท้าเดินออกจากห้องรับแขกไปยังรถที่ถูกเลือกมาให้เขาแล้ว รถเบนซ์ของแม่ ไมล์ก้าวขึ้นประจำตำแหน่งหลังพวงมาลัย น้ำแข็งที่เดินตามมาอย่างห่างๆ จำต้องเร่งฝีเท้าทันที เมื่อไมล์ที่เข้าไปในรถแล้วเขาสตาร์ทรถทันที น้ำแข็งแม้จะเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น แต่ในใจกลับอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าเขาจะไปเลยโดยไม่รอเธอหรือทิ้งเธอไว้ ก็ดีนะ! เธอเต็มใจให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น
ไมล์เคลื่อนรถออกไปทันที เมื่อน้ำแข็งไม่สมหวัง แต่ทันทีที่เข้ามานั่งข้างคนขับเรียบร้อยแล้ว น้ำแข็งก็ล้วงโทรศัพท์ของตนเองออกมา เธอกดอะไรอยู่ไม่นานเสียงแรกที่เกิดขึ้นภายในรถคือเสียงนำทางจากแอฟแมพ [maps]
“หนวกหู” ไมล์คำรามออกมาอย่างไม่พอใจ
“ขะ...ขอโทษค่ะ” น้ำแข็งรีบปิดทันที “อ๊ะ! อย่าคะ ไม่ต้องขึ้นสะพาน” น้ำแข็งรีบเอ่ยบอก เมื่อไมล์กำลังขึ้นทางต่างระดับ “มันเลยโรงพยาบาลค่ะ”
ไมล์ไม่ได้พูดอะไร แต่ก็ทำตามที่น้ำแข็งบอก
Grrrrr Grrrr น้ำแข็งหันไปมองไมล์ทันที เมื่อเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของเธอดังขึ้นมา
“ตาม สบาย” ไมล์เอ่ยย้ำทีละคำ น้ำแข็งจึงพยักหน้าเป็นเชิงขอบคุณ และกดรับสายโดยเอามือป้องปาก
“นาย”
“พี่สาว เย็นนี้ผมไปรับพี่ที่ มหา’ลัย นะครับ”
“อีกแล้วนะ”
“นะครับ ผมก็อยากดูแลมื้อเย็นให้กับพี่สาวอีกสักมื้อ”
“เจอกันที่เดิมแล้วกัน ไม่ต้องเทียวไปเทียวมาให้เปลืองค่ารถ”