#1
ตึก ตัก ตึก ตัก
เสียงฝีเท้ากระทบพื้นกระเบื้องในโรงพยาบาล
ไมล์ เร่งฝีเท้าการก้าวขยับ ปลายทางหน้าห้องไอซียู ...
"น้ำแข็ง..." เสียงเรียกสั่นเครือของไมล์ เขารีบเร่งเดินทางมาทันทีที่ได้รับแจ้งข่าว ข่าวที่ทำให้ ไมล์แทบเสียสติ กับสิ่งที่น้ำแข็งต้องประสบ หน้าห้องไอซียู มีชายวัยกลางคนนั่งอยู่ ไมล์หันกลับและยกมือทำความเคารพ "สวัสดีครับคุณพ่อ" ประกอบ พ่อบังเกิดเกล้าของ น้ำแข็ง ปติมา สินทรัพย์นคร พ่อลูกที่มีกันแค่สองคน ไมล์มองประกอบที่สีหน้าไม่สู้ดีนัก เขาไม่รู้จะเริ่มต้นด้วยอะไร น้ำแข็งถูกทำร้าย มันจะไม่เกิดขึ้น ถ้าเขาไปกับเธอด้วย
ไมล์ทรุดนั่งลงที่เก้าอี้ถัดจากประกอบไปสองตัว ศีรษะแหงนพิงกำแพงด้านหลัง หลับตา เขาไม่ได้ภาวนาขอต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆ แต่เขากำลังระงับความเจ็บปวดในใจ...
"ไมล์ รีบมาก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้ลา" คำพูดที่ประกอบบอกเขาทางโทรศัพท์ หมอออกมาแล้วครั้งหนึ่งก่อนหน้านี้ ตอนนั้นไมล์ยังมาไม่ถึง
"ผม อยากให้ญาติ ทำใจครับ ผู้ป่วยอดทนมาก แต่ร่างกายของเธออดทนรับต่ออาการบาดเจ็บสาหัสแบบนี้ไม่ได้นานครับ ร่างกายเธอเสียหายทั้งจากการถูกทำร้ายและถูกรถชน"
ผลั๊ก เสียงประตูถูกเปิดอีกครั้ง สองคนลุกขึ้นทันที สีหน้าและแววตาของหมอไม่ค่อยสู้ดีนัก
"หมอ เสียใจครับ..." ประกอบหลับตาแน่น ไมล์แทบยืนด้วยขาไม่อยู่ เขาถลาเซถอยหลังอย่างคนสิ้นหวัง
"เชิญญาติค่ะ..." เสียงพยาบาลเรียกสติของทั้งสอง
"คุณน้ำแข็ง ผมขออนุญาตเรียกชื่อเล่นเธอนะครับ คุณน้ำแข็งอยากกล่าวลาคุณทั้งสอง เธออดทนมาก ใจสู้มากครับ " ไมล์และประกอบเดินตามพยาบาลเข้าไปอย่างคนสิ้นหวัง
...สามเดือนต่อมา
ไมล์ยืนมองภาพหญิงสาวที่ยังอยู่ในหัวใจเขาไม่เคยจืดจาง สามเดือนแล้วที่น้ำแข็งจากไป เธอไม่ได้เรียนจบพร้อมเขา วันนี้ไมล์กำลังจะเดินทางไปอังกฤษ ไปเรียนต่อ ตามความต้องการของแม่ ที่ต้องการให้เขาไปปรับตัวปรับใจที่นั่น
"จะเดินทางวันนี้เหรอ โยมไมล์" ไมล์หันไปและคุกเข่าลงกับพื้น ก้มกราบพระสงฆ์ คุณพ่อประกอบท่านบวชมาได้เกือบสองเดือนแล้ว หลังจากจัดการเคลียเรื่องทางโลกทุกอย่างเป็นที่เรียบร้อย
"ครับ หลวงพ่อ"
"ดีแล้ว เริ่มต้นชีวิตใหม่นะ คิดเสียว่าน้ำแข็งเขาพ้นทุกข์ไปแล้ว เราต่างหากที่ยังมีสิ่งที่ต้องทำ" ไมล์แค่ฟัง ผ่านมาสามเดือนแล้ว เขายังทำอย่างที่หลวงพ่อว่าไม่ได้เลย โดยที่เขาไม่แน่ใจว่า เขาอยากทำจริงๆเหรอเปล่า เริ่มต้นชีวิตใหม่โดยไม่มี น้ำแข็ง
"ผมจะพยายามครับ" ประกอบในชุดผ้าเหลือง มองชายหนุ่มตรงหน้า พร้อมรอยยิ้มและดวงตาแห่งความเมตตา ไมล์ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่นี่ ตั้งแต่ที่ น้ำแข็งจากไป วัดแห่งนี้ ซึ่งเวลาส่วนใหญ่ของไมล์ คือ บริเวณโกศของน้ำแข็งที่เขาคอยดูแลทำความสะอาดตลอดเวลาสามเดือนที่ผ่านมา
"โยมไมล์ น้ำแข็งจากไปแล้ว ไม่รับรู้เรื่องทางโลกอีกแล้ว เริ่มต้นใหม่กับชีวิต โยมยังมีหน้าที่ที่ต้องทำ หน้าที่ของลูก หน้าที่ที่มีต่อคนที่รักและเป็นห่วงโยม" ไมล์ก้มลงกราบลาหลวงพ่ออีกครั้ง กล่าวขอบคุณ ท่านที่ตลอดสองสามเดือนมานี้ ให้ความเมตตาเขามาก
ไมล์เดินจากไป จนลับสายตา หลวงพ่อที่ได้แต่ส่งคำอวยพรทางธรรมติดตามเขาไป หวังให้เขาปล่อยวาง ปล่อยน้ำแข็งไป และเริ่มต้นชีวิตใหม่ให้ได้ในเร็ววัน
สี่ปีต่อมา....
"มันจะไม่กลับใช่มั้ย?" คุณตาเอกพจน์ เสียงกังวาล ตามอารมณ์ เมื่อคิดถึงหลานชายที่จากไปนานสี่ปีแล้ว
ศศิกานต์ต้องขยับเข้าไปหา กลัวว่าความดันของคุณพ่อจะขึ้นมากไปจนเป็นอันตราย
"ขอ ศศิ คุยกับตาไมล์ก่อนนะคะคุณพ่อ...คุณพ่ออย่าโกรธเลยนะคะ เดี๋ยวจะไม่สบายเอาได้นะคะ"
"ความเสียใจ ฉันก็เข้าใจ แต่ช่วยบอกมันทีว่า ไม่ใช่มีแต่มัน ที่ต้องเจอความสูญเสีย...ถ้ามันไม่กลับมาดูแลมรดกของมันเอง ฉันจะยกให้นับแสนกับน้ำแข็งให้หมดสิ้นเรื่องสิ้นราวไป" ศศิกานต์ยิ้มให้กับคำประชดประชันของเอกพจน์ ท่านก็พูดแบบนี้มาตลอดสองปีแล้ว ทางโน้นก็ไม่สนใจ ไมล์ไม่สนใจเรื่องมรดกของเธอและของคุณตา ถ้าต้องการให้ไมล์กลับเมืองไทย คงต้องหาเหตุผลอื่น
"คุณพ่อก็รู้ เอาเรื่องมรดกไปขู่ไม่ได้ผลกับไมล์หรอกค่ะ รายนั้นจะได้หาข้ออ้างไม่กลับมาเลยสิค่ะ"
"...เออ ฉันรู้ว่ามันเก่ง สมบัติของฉันมันไม่อยากได้ ไหนจะธุรกิจของมันและสมบัติของพ่อมันอีก ชาตินี้ทั้งชาติมันก็กินไม่หมด แต่ฉันอยากจะยกให้มัน ใครจะทำไม ฉันขอสั่งเลยนะ ว่าหาวิธีให้มันกลับเมืองไทยเสียที...” เอกพจน์โมโหแบบไม่จริงจัง ศศิกานต์อดยิ้มออกมาไม่ได้อีกครั้ง เพราะลึกๆแล้วเธอรู้ว่าพ่อของเธอกลัวว่าไมล์จะไม่ยอมกลับมาเมืองไทยเสียมากกว่า “แล้วน้ำแข็ง มาเหรอยัง ฉันอยากรู้เรื่อง เพชรพระอุมาต่อแล้ว กำลังสนุกเลย" บุตรสาวที่นั่งข้างๆ ต้องยิ้มออกมา น้ำแข็ง หรือ นางสาวกรกต ทีภาคสุวรรณ เมื่อคิดและนึกถึงใบหน้านั้น ทำให้คนแก่มีความสุขมากขึ้นโดยทันที เธอได้เจอกับน้ำแข็งเมื่อสองสามปีก่อน หญิงสาวที่ทั้ง น่ารักงดงามทั้งภายนอกภายใน ความกตัญญูที่มีในตัวหญิงสาว ทำให้เธอและพ่อของเธอ คลายความคิดถึงไมล์ไปได้บ้าง
ศศิกานต์ อายุยังน้อยมากถ้าเทียบกับวัยของบุตรชาย ไมล์อายุยี่สิบหก ในขณะที่เธออายุเพียงสี่สิบเจ็ด ศศิกานต์ตั้งท้องไมล์ ตอนนั้นเธออายุได้เพียงยี่สิบปีเท่านั้น เธอได้รู้จักกับพ่อของไมล์ตอนเธออายุเท่านั้น แจ็คกี้เป็นคนอังกฤษโดยกำเนิด ตอนนั้นเขามาเมืองไทยแค่ช่วงสั้นๆ เพื่อมาทำธุรกิจ ช่วงเวลาเพียงสองสัปดาห์ที่ได้รู้จักกับแจ็คกี้ เป็นช่วงเวลาที่ดี ไมล์เกิดจากความรัก แม้จะเป็นรักไม่สมหวังก็ตาม เพียงเพราะศศิกานต์ไม่ต้องการย้ายไปอังกฤษ และแจ็คกี้ก็ไม่สามารถย้ายมาเมืองไทยได้ ทั้งสองจึงตกลงกันว่าจะเป็นเพื่อน เป็นที่ปรึกษาที่ดีของกันและกัน และแจ็คกี้ก็เป็นพ่อของไมล์อย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพียงแต่ศศิกานต์มีฐานะเป็นเพียงแม่ของไมล์ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับแจ็คกี้ในสถานะอื่นทางกฎหมายทั้งสิ้น แต่ศศิกานต์กลับครองตัวเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวมาตลอดยี่สิบกว่าปีนี้
“สวัสดีค่ะคุณนับแสน” น้ำแข็งกล่าวทักทายหลานชายอีกคนของบ้านอัครกำธร นับแสนเป็นหลานชายบุญธรรมของเอกพจน์ที่เอกพจน์เองก็รักนับแสนไปไม่น้อยกว่าไมล์ที่เป็นหลานชายแท้ๆ
“สวัสดีจ๊ะคนสวย บอกหลายครั้งแล้วว่าให้เรียกพี่นับแสน” น้ำแข็งยิ้มเล็กน้อย ทุกคนที่นี่ดีกับเธอมาก สามปีแล้วที่เธอเปรียบเสมือนสมาชิกของที่นี่
“ไม่เอาหรอกค่ะ เรียกคุณนับแสนดีแล้ว น้ำแข็งไม่อยากจะให้สาวๆในสังกัดของคุณนับแสนเข้าใจผิด...” นับแสนยิ้มกว้างมากขึ้น สำหรับเขาตอนนี้บอกไม่ถูกเลยกับความรู้สึกที่มีให้กับน้ำแข็ง ทำไมนะ! มันไม่เหมือนเมื่อสามปีก่อนที่ได้เจอและรู้จักกัน ไม่ใช่ว่าน้ำแข็งจะไม่สวยไม่น่ารัก ในทางตรงกันข้ามนับวันความสวยน่ารักของเธอเพิ่มทวีขึ้นเรื่อยๆต่างหาก ยิ่งได้รู้จักนิสัยใจคอแล้ว ยิ่งรู้สึกดีมีให้มากขึ้นเรื่อยๆ
“ใครอยากเข้าใจแบบไหนก็ปล่อยไปสิ คุณนับแสนไม่ถือ” น้ำแข็งหัวเราะออกมา คุณนับแสนเป็นชายหนุ่มที่หน้าตาหลอกลวงอายุอย่างมาก ทั้งๆที่เขาอายุยี่สิบเก้าแล้ว แต่ใบหน้ากลับตี๋ หวาน อย่างกับวัยรุ่นวัยยี่สิบต้นๆก็ไม่ปาน ไหนจะนิสัยขี้เล่น ใจดี ทำให้คุณนับแสนเข้ากับคนได้ง่าย โดยเฉพาะสาวๆที่มากมายก่ายกองเลยทีเดียว
“ไม่เอาละคะ น้ำแข็งไปดีกว่า คุณท่านคงรอแล้ว” น้ำแข็งพูดจบก็กล่าวลาและขอตัว เร่งฝีเท้าเข้าไปในตึกใหญ่ทันที นับแสนได้แต่มองตาม ถ้าเขาไม่ถูกห้ามไว้เรื่องของน้ำแข็ง เขาคงจีบเธอมาเป็นคนรักแบบอนาคตแม่ของลูกแน่นอน เมื่อช่วงหลังๆ หัวใจเขามันเปลี่ยนจังหวะการเต้นทุกครั้งที่ได้เจอและคุยกับเธอ