Prologue อกหัก(จริงๆ) 1
วีวินเอกซ์คลูซีฟ เลานจ์
ณ สถานบันเทิงสุดพรีเมียมที่ที่ลูกค้าล้วนแล้วแต่เป็นวีไอพี ใครที่จะก้าวเข้ามาในนี้ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่มีเงินถุงเงินถังมากพอที่จะจ่ายเงินค่าเหล้าราคาหลักหมื่นถึงแสนบาทต่อคืนได้
แต่นั่นไม่ใช่เธอ
รินะ ซายูริ นักศึกษาปริญญาโทภาคบัญชีที่มีรายได้จากการรับงานพิเศษทำหาเลี้ยงชีพ เธอเป็นลูกสาวของคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ไม่ได้รวยล้นฟ้า หญิงสาวไม่ได้มีเงินจ่ายค่าเหล้าแพงแต่มาที่นี่บ่อยเพราะได้ส่วนลดจากเพื่อนในแก๊งที่เป็นเจ้าของเลานจ์หรูแห่งนี้กลุ่มของเธอจึงนัดมารวมตัวกันที่นี่บ่อยครั้งเพราะความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวแตกต่างจากสถานบันเทิงอื่น วันนี้รินะเป็นคนนัดเพื่อนมาดื่มเพราะเธอไม่อยากอยู่คนเดียวจึงมาถึงก่อนและนั่งรอในห้องรับรองวีไอพี
ผ่านไปครู่หนึ่งแบงก์ เพื่อนชายใจสาวหนึ่งเดียวในแก๊งมาถึงพร้อมเพื่อนสาวพราวเสน่ห์อย่างมิงค์ มนัสวีร์
รินะที่มาถึงก่อนดื่มไวน์ไปสองแก้วจนโหนกแก้มเป็นสีแดงแล้วในตอนที่เพื่อนมาถึง
“รินะ หิวโหยอะไรมายะหล่อน ซัดไวน์ไม่รอเพื่อนเลย” แบงก์ทรุดนั่งข้างๆ คนที่กำลังคลึงแก้วก้านยาวในมือเล่นหลังจากที่เห็นว่าแววตาของลูกครึ่งสาวไม่ได้เปล่งประกายความสดใสเหมือนเช่นทุกวัน
“มีอะไรในใจไม่ค่อยยอมเล่า” แบงก์งึมงำ พวกเขาสนิทกันมากพอจนรู้ว่าลูกครึ่งสาวไม่ได้มีชีวิตที่ราบเรียบนัก แต่เพราะความน่ารักของรินะเธอเลยไม่เคยพาความเศร้ามาด้วยยามมาเจอเพื่อน
“ฉันอกหัก” รินะพึมพำ
“อื้อหือ มุกนี้ได้” มนัสวีร์ยกโป้งให้ “ไม่เคยมีผัวแต่อกหัก อกหักจากผัวทิพย์งี้เหรอ”
“ฉันอกหักจริงๆ” รินะซดไวน์ที่เหลือจนหมดแก้ว แล้วรินเติมให้ตัวเองและมีน้ำใจรินเผื่อแผ่ให้เพื่อนด้วย “ชนแก้วกับฉันหน่อย” เธอยกแก้วมาชนกับเพื่อนๆ ที่เพิ่งรินไวน์เสร็จ
ทั้งสองคนยกแก้วมาชนกับเธองงๆ
วันนี้รินะอัดอั้นกับความรู้สึกเจ็บปวดในใจตัวเองที่ไม่มีทางออก รินะเลยเลือกที่จะพูดกับเพื่อนสนิทที่เธอรักและไว้ใจที่สุด แต่เพื่อนยังอึ้งอยู่
“กะ แก พูดจริงเหรอ” แบงก์ยกมือทาบอกเมื่อเห็นหยดน้ำตาใสๆ บนใบหน้าเพื่อน เขาค่อนข้างแน่ใจว่ารินะอกหักจริง แต่ว่ามันจะอกหักกับใครกัน
“อย่าเพิ่งเล่า ฉันขอตามยัยปานมาก่อน วันนี้อีเจ๊วีน่าไม่ว่าง แต่ว่ายัยปานไม่ได้ปฏิเสธ เดี๋ยวฉันตามมันมาเป็นศิราณีให้แก”
แบงก์โทรตามปานมาศ พอวางสายแล้วก็ให้รินะเล่าเรื่องคร่าวๆ หลังจากที่ต้องเอามือทาบอกเพราะช็อกกับสิ่งที่ได้ยิน จากนั้นแบงก์ก็ชวนคุยเรื่องอื่นให้คนอกหักใจเย็นลงก่อน วันนี้ยัยวีน่าเจ้าของเลานจ์ไม่ว่างมาด้วย แต่ยังมียัยปานที่แบงก์รอให้มันมาช็อกไปด้วยกัน...
แบงก์คิดว่าเรื่องนี้เรื่องใหญ่มาก... เขาไม่เคยเอะใจเลยว่ารินะจะคบใครมาจนถึงตอนที่อกหักนั่งมากินเหล้าเคล้าน้ำตาถึงได้ยอมปริปาก จะด่ามันก็ด่าไม่ได้เพราะรู้ว่าเพื่อนกำลังเศร้าจนไม่กล้าซ้ำเติม
ตอนที่ปานมาศมาถึง พวกเธอยังคุยกันอีกเรื่อง จนวกเข้ามาเรื่องตัวเอง รินะที่นิ่งมานานก็เผยความลับที่เก็บเอาไว้ในใจตลอดมา
“คือก่อนหน้านี้ฉันลองไปเดตกับลูกเพื่อนแม่ คือเราเหมือนเป็นคู่หมายกันตอนเด็ก พอมาเจอกันก็เหมือนคลิกมากเลย ฉันเลยลองคบกับเขาขั้นจริงจังขึ้น แต่เขาเจ้าชู้อะ เหมือนไม่ได้อยากจริงจังกับฉันเลย ตอนนี้ฉันอยู่ในจุดที่อยากเป็นมากกว่าคู่เดตกัน แต่ถ้าแสดงออกเขาคงจะหายไป เพราะเขามีสาวเยอะ”
รินะรู้ว่าเพื่อนจะต้องโกรธที่อกหักแล้วค่อยมาเล่า แต่ทำอย่างไงได้ เธอย้อนกลับไปแก้ไขไม่ได้แล้ว
“ก็เดินออกมาก่อนที่เขาจะเดินออกไปสิ แกรู้แน่นอนแล้วนี่ว่ามันไปต่อไม่ได้ จะอยู่ต่อให้เสียใจมากขึ้นไปเรื่อยๆ ทำไม” ปานมาศบอก
“เออว่ะ ข้อคิดของปานก็ดี” แบงก์กับมิงค์เห็นด้วย “ฉันเพิ่งแนะนำให้รินะทำให้พี่เขารักเพื่อเอาชนะใจให้ได้”
“ทำให้เขารักยากกว่าตัดใจอีก ก็รินะบอกว่าเขาไม่ได้อยากจริงจัง แปลว่าไม่มีทางเปลี่ยนใจได้ คำตอบของคำถามมันอยู่ในนั้นแล้ว” ปานมาศสรุป
“เออก็จริงของปาน คงต้องยอมเจ็บให้มันจบ” น้ำตาหยดจากดวงตารินะหนึ่งหยด
แม้คำแนะนำของปานมาศจะไม่หวานหูชวนฝัน แต่ก็เป็นทางออกของปัญหาที่ควรมองไว้แต่แรก
ลูกครึ่งสาวเปิดไวน์แล้วรินเติมไม่หยุดมือ ริมฝีปากอิ่มขยับพูดอย่างเชื่องช้า
“ขอบใจนะปานที่มาอยู่ด้วยในวันนี้ แกไม่มีประสบการณ์แต่ให้คำแนะนำเหมือนคนมีแฟนแล้วอย่างน่าทึ่งเลย” รินะไม่รู้ว่าทำไมเพื่อนถึงเข้าใจโลกได้ง่ายดายนัก ปานมาศเหมือนคนที่จะไม่ยอมเจ็บปวดกับสิ่งที่มากระทบ
ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะปานมาศไม่ได้มีแฟน เลยไม่ได้ตาบอดจนมองไม่เห็นทางออกเหมือนที่เธอเป็น