BELOVED 06

2314 คำ
BELOVED 06 “สโนว์ ตื่นได้แล้ว!!” “ฉันหลับไปตอนไหนวะเนี่ย” “ไปแต่งตัวได้แล้วไปจะเที่ยงอยู่แล้ว เดี๋ยวรถติด” “เธอไปอาบน้ำก่อนดิ ฉันแต่งตัวแป๊บเดียวขอนอนต่ออีกงีบ” “ตามใจแล้วกัน” สโนว์คุยกับฉันโดยที่ยังไม่ลืมตาขึ้นมาเลยด้วยซ้ำ ฉันละสายตาจากเป้ากางเกงแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำอาบท่าแต่พออาบน้ำออกมาไม่เจอ สโนว์นอนอยู่ตรงที่เดิมแล้ว กลับได้ยินเสียงกุกกักดังมาจากห้องนอนฉันแทน เดี๋ยวก่อนนะ อย่าบอกนะว่าสโนว์อยู่ในนั้นน่ะ “สโนว์ ทำอะไร!!” “เลือกชุดให้เธอไง ใส่ชุดที่ฉันซื้อให้นะชุดนี้สวยดี” “ฉันอนุญาตให้นายเข้ามาในห้องนอนฉันตั้งแต่เมื่อไร?!” “มันเสียมารยาทเหรอ โทษทีนะแต่ฉันหน้าด้าน” คนตัวสูงแขวนชุดที่เลือกไว้ให้แล้วเดินชนไหล่ฉันออกไป ฉันเลยรีบปิดประตูด้วยความตื่นตระหนก ผู้ชายเข้าห้องนอนอะ!! ชุดที่สโนว์เลือกให้ ก็เป็นชุดเดรสสีพาสเทลน่ารักๆฉันไม่ได้ยืนพินิจพิจารณาอะไรนาน รีบแต่งตัวแต่งหน้าแล้วออกไป เพราะกลัวรถจะติดอีกอย่างถ้าถึงที่โน่นช้าผู้ใหญ่จะดู ไม่ดี “สวยจัง!!” “อะไรของนาย ไปแต่งตัวได้แล้วไปฉันเสร็จหมดแล้วเนี่ย” “เธอไปรอที่ห้องฉันเถอะ กินซีเรียลที่ห้องฉันรองท้องก่อนตั้งแต่ตื่นมายังไม่ได้กินอะไรเลยนี่ อีกอย่างห้องเธอไม่มีซีเรียล” “รู้ดีไปหมด ตอนฉันหลับนี่สำรวจหมดแล้วสิท่า ไปๆรีบๆเลย” ยุ่งจริงๆเลยหมอนี่หนิ ฉันเดินตามสโนว์ไปที่ห้องของเขาแล้วเจ้าของห้องก็ไปหยิบซีเรียลกับนมมาเทใส่ถ้วยให้ฉัน โอเค จุดจุดนี้คือฉันก็หิวเลย ตั้งหน้าตั้งตากินไปให้เร็วที่สุด “ดูดียังเธอ?” “อื้ม” เท่อีกแล้วกับแค่เสื้อกล้ามกางเกงยีนส์พร้อมเสื้อคลุมหนังสีดำกับรองเท้าผ้าใบ แค่นี้ก็ดูดีแล้วอะทุกอย่างมันลงตัวอย่างไม่น่าเชื่อ แล้วฉันยังกินซีเรียลไม่อิ่มเลยก็พ่อคุณแต่งตัวไวอย่างกับอะไรดี จุ๊บ “กินให้อิ่มก่อนก็ได้ครับ” “นายหอมฉันอีกแล้ว ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ชอบให้ทำแต่ฉันทำนายได้ฝ่ายเดียว นี่นายเล่นหอมฉันทีเผลอตลอดเลยนะ” “ก็แก้มเธอนิ่ม รีบกินอย่าพูดมาก” ระหว่างนั่งรถมาสโนว์ชวนคุยอะไรไม่รู้ตลอดทาง คุยเรื่องมหา’ลัยคร่าวๆเรื่องการเรียนการสอนและการใช้ชีวิตเป็นนักศึกษา ฉันก็ฟังบ้างไม่ฟังบ้างเพราะไม่รู้จะฟังอันไหนดีเพลงก็จะเปิดคนก็จะพูด แล้วทุกอย่างก็เป็นอย่างที่ฉันคาดไว้ไม่มีผิด รถติดมากถึงมากที่สุดกว่าจะมาถึงบ้านคุณอาปกรณ์ เล่นเอารากแทบงอกติดเบาะ ตื่นเต้นเหมือนกันนะไม่ได้เจอกันนานมากแล้ว... “พ่อแม่นายดุไหม? ฉันตื่นเต้น” “ดุมาก ระวังพ่อฉันเอาแส้เฆี่ยนหลังเธอนะมาผิดนัดแบบนี้” “จริงดิ? แล้วทำไงกันดีล่ะ!!” “นี่เธอเชื่อเหรอ? ซื่อบื้อเอ้ย! ไม่มีใครเขาว่าอะไรหรอกไม่ต้องกลัวบ้านฉันใจดีกันทั้งบ้านนั่นแหละ” ฉันเดินลงจากรถอย่างเก้ๆกังๆกับการไม่ตรงเวลาของตัวเองเพราะฝรั่งเขาซีเรียสเรื่องเวลาเอามากๆแล้วฉันก็อยู่ฝรั่งเศสนานแล้วก็เคร่งเรื่องเวลามาโดยตลอด เวลามาเลทมันดูเสียมารยาทมากแต่เมืองไทยใจดีไม่เอาเรื่องพวกนี้มาเคร่งเท่าไรแต่ฉันก็รู้สึกไม่ดีอยู่ดีไง “มาเถอะน่า” สโนว์ดึงมือฉันเดินเข้าบ้านแต่ฉันก็ขัดขืนอย่างสุดกำลังเพราะมันไม่เหมาะถ้าผู้ใหญ่มาเห็นอะไรแบบนี้มันจะดูไม่ดี แต่ฉันขัดขืนยังไงก็สู้แรงเขาไม่ได้สุดท้ายสภาพเลยออกมาเป็นว่าฉันโดนกระชากลากถูเข้าบ้าน จริงๆฉันแรดนะ แรดเงียบน่ะแต่ฉันก็รักนวลสงวนตัวและปกป้องตัวเอง “หนูกี้ลูกกก เอ๊ะ..สโนว์ลากหนูกี้ทำไม” “คุณป้าสวัสดีค่ะ ไม่มีอะไรค่ะกี้กับสโนว์เล่นกันเฉยๆ คุณป้าสวยจังเลยนะคะเมื่อก่อนกับตอนนี้ไม่ต่างกันเลย” “หนูโตเป็นสาวแล้วสวยเหมือนซาร่าเลยนะ ดูสิ เค้าหน้าเหมือนแม่เป๊ะเลย” คุณป้าอลิษายังสวยและใจดีเหมือนเดิม น้ำเสียงและท่าทางดู อ่อนช้อยสมกับเป็นกุลสตรีไทยมากจริงๆ ฉันโผเข้ากอดแม่ของสโนว์อย่าง เป็นมิตรก่อนที่ฉันจะมองเห็นคุณลุงปกรณ์เดินมาหาเราทางนี้พอดี คุณลุงปกรณ์ก็ยังดูมาดสุขุมเหมือนเมื่อก่อนนั่นแหละ ฉันพอจะจำเรื่องราวของครอบครัวนี้ได้รางๆเพราะตอนที่ฉันอยู่ไทยตอนนั้นก็เด็กมาก พอจบประถมที่ไทยฉันก็ย้ายไปอยู่ที่ฝรั่งเศสเลย ความทรงจำอะไรที่ไทยค่อนข้างน้อย ขนาดรู้จักครอบครัวนี้ฉันยังไม่คุ้นเคยกับสโนว์ตอนเด็กเลย “คุณลุงสวัสดีค่ะ สบายดีไหมคะ นี่ยังหนุ่มยังแน่นอยู่เลยนะคะเนี่ย เหมือนเพิ่งสามสิบต้นๆเอง” ฉันโผเข้ากอดคุณลุงอีกครั้ง.. “เอ้อ ลูกสาวอิทธิพลนี่ไม่ได้เค้าพ่อมาเลยเว้ย นี่มันซาร่าชัดๆฮ่าๆๆ มาๆเข้ามาทานข้าวกันเถอะหนูกี้ ลุงเตรียมอาหารไทยไว้เยอะเลย” “ทุกคนลืมไปแล้วเหรอครับว่าผมยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้!!” “แกจะเรียกร้องเอาอะไร บ้านก็บ้านตัวเองฉันต้องเชิญแกไหมล่ะ ไอ้ลูกชาย มาๆเชิญเข้าบ้านแล้วกันตามสบายนะคิดว่าเป็นบ้านตัวเอง อย่างนี้ใช่ไหม?” “คุณคะ อย่าแกล้งลูก ไปๆสโนว์พาหนูกี้ไปห้องอาหารสิลูก” สโนว์ยู่ปากใส่คนเป็นพ่อเหมือนลูกคนเล็กโดนขัดใจ ฉันได้แต่อมยิ้มให้กับครอบครัวนี้ ดูอบอุ่นและน่ารักดี แขนหนักๆรั้งคอฉันให้เดินตามแล้วไม่ต้องถามเลยว่าเป็นแขนใคร ทำไมชอบมาดึงมาเกาะฉันอยู่เรื่อยเลยเนี่ย ฉันไม่ชอบให้ใครมาแตะเนื้อต้องตัวเท่าไรนะแต่ก็สู้แรงสโนว์ไม่ได้สักที ถึงฉันจะยูโดสายดำแต่ก็แพ้หน้าสวยๆของสโนว์อยู่ดี อาหารไทยรสเลิศเรียงรายบนโต๊ะอาหารพร้อมกับบทสนทนาของประมุขของบ้านที่ซักถามสารทุกข์สุขดิบของฉันเรื่อยเปื่อยส่วนคุณป้าไม่ได้ถามอะไรมากเหมือนคุณลุงจะแย่งถามไปซะหมด เลยได้แต่แนะนำอาหารบนโต๊ะให้ฉัน ลูกชายบ้านนี้ก็ตั้งหน้าตั้งตากินไปด้วยฟังเรื่องของฉันไปด้วยแล้วก็เล่นโทรศัพท์ไปด้วย “นี่ลุงตกใจอยู่เหมือนกันที่สองคนนี้อยู่คอนโดห้องติดกัน แต่ดีแล้วล่ะจะได้ดูแลกันได้ หนูกี้อยู่ไทยคนเดียวให้สโนว์ดูแลน่ะดีแล้วเห็นว่าคบกันอยู่นี่ใช่ไหม? มีหลานให้ลุงอุ้มสักสี่ห้าคนสิ” พรวดดด! ฉันและสโนว์สำลักอาหารพุ่งพรวดออกมาพร้อมกันเลยเมื่อสิ้นเสียงของคุณลุง ประโยคที่ว่ามีลูกให้อุ้มนี่ไม่ได้เตรียมใจมาฟังเลยจริงๆ “แค่กๆ คุณลุงรู้ได้ไงคะเนี่ยว่าคบกัน คือมันไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ เราแค่ลองๆคุยลองเปิดใจไม่ได้เป็นแฟนที่เขารักใคร่กันอะไรแบบนั้น” “อะไรของเธอ ก็เป็นแฟนนั่นแหละจะพูดให้งงทำไม” “แต่ฉันยังไม่ได้รักนาย” “ฉันก็ยังไม่ได้รักเธอ แต่ก็คบเป็นแฟนเปล่าวะ” อะไรของเขาเนี่ย ยังอยู่ในสถานะที่เรียกแฟนไม่เต็มปากกับผู้ใหญ่หรือเปล่า? ไปประกาศโทงๆว่าเป็นแฟนกันมันไม่ใช่ในเมื่อรักกันยังไม่ได้รักเลยด้วยซ้ำ แค่ลองๆดูใจในฐานะแฟนมั่งเหอะ “เอาน่า คบๆกันเดี๋ยวก็รักกันเองแหละถ้าคนมันจะรักจะชอบกันห้ามได้ที่ไหนแต่ถ้าลูกชายลุงมันเลวจนทนไม่ไหวหนูกี้ทิ้งมันได้เลยนะ ลุงเห็นมันก็มีแฟนไปทั่วนั่นแหละถ้ามันไม่หยุดที่หนู หนูก็ไม่ต้องหยุดที่มัน” “พ่อครับ!!” เอาเถอะค่ะ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ยังไงฉันก็ลุ่มหลงในหน้าสวยๆกับสรีระน่ากินน่าขยี้ของเขาอยู่ดี นั่งกินข้าวกันไปได้สักพักสโนว์ก็ตะโกน ลั่นขึ้นมาว่าเผ็ด กินพริกเข้าไป แล้วกินน้ำใหญ่เลย หน้าแดงเหงื่อแตกมาก ปากเจ่อบึนจนหุบไม่ได้ ดูท่าจะไม่ถูกกับอาหารเผ็ดเอามากๆ “ซู้ดดดดด ร้อนๆๆ” อยู่ๆก็ถอดเสื้อแจ็กเกตออก... พระเจ้าช่วยกี้ด้วยยยย แขนล่ำดีจัง ดูคอเสื้อที่เว้าสิแทบจะคว้านถึงพุง แหม่ คอเสื้อกว้างๆที่คว้านเห็นหน้าอกหมิ่นเหม่แบบนี้มันน่าค้นหาเป็นบ้าเลย โอ้วววว ผิวขาวน่าลูบไล้ ที่จริงแก้มก้นของสโนว์ฉันก็แอบเห็นมาแล้วแต่ฉันเป็นผู้หญิงกามๆนิดหนึ่งอะเลยอดจะเห่อกับรูปร่างผู้ชายไม่ได้ ก็ผู้ชายมันดูกำยำกว่าผู้หญิงไงถึงสโนว์จะผอมแต่ก็มีกล้ามสายตายังคอยแลมองร่างกายที่โผล่พื้นร่มผ้าแบบเอาเป็นเอาตาย มือก็ตักข้าวเข้าปากไปพลาง อ๊าาาาา ใบหน้าของสโนว์มีเหงื่อผุดขึ้นบริเวณหน้าผากช่างดูเซ็กซี่ ดีจัง ยิ่งตอนหยาดเหงื่อไหลลงสันกรามทำให้เขาต้องยกหลังมือขึ้นมาเช็ด ประกอบกับริมฝีปากที่เผยอครางเสียงกระเส่นั่นทำให้เขาดูแบดบอยมาก มองเขาจากมุมนี้ทำให้เห็นขนรักแร้ที่แสนกระชากใจฉันเหลือเกิน เห็นแล้วเขินเลยหลุบตามองอาหารบนโต๊ะแทน โอ๊ะ สาหร่าย.. แกงจืดสาหร่ายทำให้ฉันต้องลอบมองขนรักแร้สโนว์อีกครั้งด้วยความขวยเขินอยู่คนเดียวจนในที่สุดก็ตักสาหร่ายมากินจนหมดถ้วย มันให้ความรู้สึกเหมือนฉันเอาหน้าซุกวงแขนสโนว์อยู่ยังไงไม่รู้นะ “เห้ยๆ เธอกินสาหร่ายหมดเลยรึไง ฉันยังไม่ได้กินเลยนะ!!!” “( )-3-( )” “ตะกละ!!” “( )-3-( ) / ( )-3-( )” ตะกละแล้วไงใครแคร์ ฉันสนใจขนรักแร้นายมากกว่าคำพูดนายอีกเพราะฉะนั้นนายจะว่าอะไรก็เชิญเถอะ หลังจากกินข้าวเสร็จเราก็มานั่งคุยเล่นกันที่ห้องรับแขกจนถึงค่ำ ฉันเกรงใจการพักผ่อนของคุณลุงคุณป้าเลย ขอตัวกลับก่อนดีกว่า “สโนว์ขับรถดีๆนะลูก ดูแลหนูกี้ด้วย” “ครับแม่ พ่อผมไปก่อนนะ” “เชิญ” “หนูกลับก่อนนะคะคุณลุงคุณป้า ดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ” “บุญรักษานะหนูกี้ ไว้วันหลังแวะมาหาลุงอีกนะ” “พ่อ!! ทำไมคุยกับผมกับคุยกับกี้ต่างกันจังล่ะ” “แกจะเรียกร้องเอาอะไรอีก ไปได้แล้วไป” ฉันว่าพ่อลูกคู่นี้น่ารักดี... รถสปอร์ตคันหรูทะยานสู่ท้องถนนปลายทางคือคอนโดของเรา เวลานี้รถไม่ติดแล้วถนนโล่งขับได้สบายๆ แต่ที่ฉันรู้สึกรำคาญตอนนี้คือเสียงโทรศัพท์ของสโนว์ที่มันดังไม่หยุดเลย “รับสักทีเถอะฉันรำคาญแล้วนะ” “พวกกิ๊กเก่าอะฉันไม่อยากคุย” อ๋อ ฉันลืมไปว่ามีแฟนเป็นเพลย์บอย แหวะ! “งั้นก็ทำอะไรสักอย่างสิปล่อยให้ดังอยู่ได้ฉันหนวกหู!!” “เธอรับสิ บอกว่าเป็นเมียฉันแล้วไม่ต้องโทรมาอีก” “เอ้า กิ๊กนายก็เคลียร์เองดิ” สุดท้ายสโนว์ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสายอย่างคนหัวเสีย “ฮัลโหล! ฉันไม่ว่างอะแค่นี้ก่อนนะ ตอนนี้อยู่กับแฟนแล้วไม่ต้องโทรมาอีก คนที่ฉันไม่สนใจก็คือคนที่ฉันไม่ต้องการแล้ว” พอพูดจบก็วางโทรศัพท์ไว้บนตักแต่ไม่วายจะมีสายเรียกเข้าอีก สโนว์พูดประโยคเดิมซ้ำอีกครั้งและดูเหมือนว่าสายเมื่อกี้กับสายตอนนี้เป็นคนละคนกัน สาวเยอะจนฉันรู้สึกหมั่นไส้บอกไม่ถูก “นายพูดกับเธอแรงไปหรือเปล่า ไม่นึกถึงวันที่รักกันบ้างล่ะ” “รัก? รักคืออะไรฉันไม่รู้จัก ก็คบแค่อาทิตย์เดียวจะมาจริงจังอะไรล่ะบางคนคบกันสามสี่วันด้วยซ้ำ” “เธออาจจะรักนายจริงๆก็ได้นะ” “ฉันยังไม่รู้สึกว่าใช่” “กับฉันนายก็คิดแบบนี้ใช่ไหมจะได้หาวิธีเลิกกับนายซะเลย คบไปทำไมแบบขอไปทีแบบนี้ เสียเวลาชีวิตฉันเปล่าๆ เลิกๆๆไม่เอาแล้ว” “ใจเย็นก่อนดิเธอ กับเธอมันต่างเว้ยแต่ฉันก็พูดว่าจริงจังเต็มปากไม่ได้เพราะฉันก็ไม่เคยจริงจัง แต่เธอทำให้ฉันอยากอยู่ด้วยอะ แบบอยู่ด้วยแล้วสบายใจอะไรทำนองนั้น มันรู้สึกดีแต่ไม่รู้ว่ารักหรือยัง ยังหรอกถ้าคิดจะรักต้องพิสูจน์กันไปเรื่อยๆ อย่าเพิ่งรีบเลิกกับฉันนะ” แล้วโทรศัพท์สโนว์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง.. “รับสายซะ ถ้าไม่อยากรับอีกก็ปิดเครื่องไปเลย” “ใครอีกวะ ฮัลโหล!! อะ ไอซ์... ครับ อาทิตย์หน้าเหรอ ครับๆ” อ้าว แล้วทีทำไมคนนี้ไม่ปฏิเสธ? อยากรู้นะแต่ไม่อยากถาม
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม