BELOVED 05

2384 คำ
BELOVED 05 หลังจากวันนั้นฉันก็ไม่เจอสโนว์อีกเลยจนตอนนี้ก็สามวันแล้ว ไม่ใช่ว่าอยากเจอนะฉันเจอก็ได้ไม่เจอก็ได้ แต่ก็เริ่มหวั่นไหวแล้วนิดหนึ่งกับการที่ สโนว์ก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิด ฉันว่าเขาก็น่ารักดีนะ ถึงไม่ได้เจอฉันก็ซื้อของไปห้อยหน้าประตูทุกวันนั่นแหละจะกินไม่กินก็แล้วแต่ Rrrrrr “ค่ะคุณพ่อ” [วันอาทิตย์นี้ไปกินข้าวบ้านปกรณ์นะลูก เจ้าของมหา’ลัยที่หนูเรียนนั่นแหละ หนูจำอาปกรณ์ได้ไหม?] “พอจำได้ค่ะ” [เดี๋ยวทางโน้นเขาจะส่งคนมารับหนูที่คอนโดนะลูก วันพรุ่งนี้ช่วงบ่ายแก่ๆ แล้วหนูสบายดีไหมอยู่เมืองไทย] “สบายดีมากๆค่ะ ไม่มีอะไรติดขัดเลย คุณพ่อไม่ต้องเป็นห่วงกี้นะคะ กี้ดูแลตัวเองได้ค่ะ” [งั้นเดี๋ยวค่อยคุยกันใหม่นะ พ่อเข้าประชุมก่อน รักลูก] คุณพ่อฉันก็งานยุ่งแบบนี้แหละ เป็นเจ้าของธุรกิจยักษ์ใหญ่ขนาดนั้นรายได้ดีมากก็จริง ทว่าก็ต้องบริหารอย่างรอบคอบมากๆ เพราะเราทำงานกับ ชีวิตคนเลยต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้โดยสารเป็นหลัก Rrrrrr สโนว์... “ว่าไงสโนว์” [เธออยู่ไหน อยู่คอนโดรึเปล่า] “อยู่ ทำไม” [มียาแก้ไข้ไหม ฉันเหมือนจะไม่สบาย มาหาที่ห้องหน่อยเข้ามาได้เลยนะห้องไม่ได้ล็อค] “อืม” ฉันเหมือนมิสยูนีเวิร์สขึ้นทุกวันแล้วกับการช่วยเหลือเพื่อนร่วมโลกที่ตกทุกข์ได้ยากอย่างสโนว์ แล้วนี่กินข้าวหรือยังก็ไม่รู้จะกินยาละ ฉันเตรียมทั้งข้าวทั้งยาเดินไปที่ห้องสโนว์ ใจหนึ่งก็กังวลกลัวจะโดนปล้ำแต่ฉันยูโดสายดำน่าจะปกป้องตัวเองได้ไม่มากก็น้อย ฉันเปิดห้องเข้าไปกวาดสายตามองไปยังเจ้าของห้องก่อนจะพบว่ากำลังนอนดูทีวีอยู่ที่โซฟาในสภาพเปลือยท่อนบนกับกางเกงบ็อกเซอร์หนึ่งตัวที่ท่อนล่าง ส่วนกางเกงในนั้นฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใส่หรือเปล่า “มาแล้วเหรอ นี่ๆฉันเหมือนจะไม่สบายยังไงไม่รู้ลองมาจับตัวสิ” “ยังไม่ใกล้ตายหรอกมั้ง ลุกมากินข้าวกินยาเดี๋ยวนี้สโนว์” “ป้อนหน่อย ไม่มีแรงเลยว่ะเธอ จริงๆนะ” แพรวพราวเหลือเกินพ่อคุณเอ้ย.. ฉันชอบผู้ชายขี้อ้อนเหมือนแมวแบบนี้แหละจนสุดท้ายฉันก็มานั่งพื้นตรงโซฟาเพื่อป้อนข้าวป้อนยาคนป่วยใกล้จะตายอย่างสโนว์ที่ไม่ยอมลุกขึ้นนั่งกินข้าวดีๆ นอนกินข้าวกินน้ำเป็นงูเลยเนี่ย “จะยื่นหน้ามาใกล้ทำไมเล่า ถ้าฉันติดหวัดขึ้นมาพรุ่งนี้ไม่ได้ไปหา คุณอาปกรณ์แน่” “เธอไปหาพ่อฉันทำไม?” “เอ๋..พ่อนายเหรอ? เจ้าของมหา’ลัยการบินอะนะ เราเรียนที่เดียวกันเหรอเนี่ยสรุป?” “อืม พรุ่งนี้พ่อก็ให้ฉันเข้าไปหาที่บ้านเหมือนกันคงจะแนะนำเธอให้รู้จักอะไรประมาณนั้นแหละมั้ง” “นายเรียนปีไหนล่ะ ฉันเรียนปีสี่นะคุณพ่อให้มาอยู่แค่ปีเดียวเลยเลือกลงปีสุดท้ายจะได้เน้นความรู้พร้อมทำงาน” “ปีเดียวกับเธอ งั้นพรุ่งนี้เราไปพร้อมกันนะ” “พ่อนายจะส่งรถมารับ” “เดี๋ยวฉันจัดการเอง ไปกับฉันโอเค้?” “โลกมันกลมเกินไปหรือเปล่านะทำไมฉันกับนายต้องหมุนไปเจอกันไม่หยุดไม่หย่อน เจอกัน จูบกัน ห้องติดกัน เรียนที่เดียวกัน” “บางทีอาจจะมีเรื่องดีๆเกิดขึ้นในชีวิตเราก็ได้ใครจะไปรู้ แล้วเธอไม่มีเพื่อนไม่มีญาติที่ไหนเลยเหรอ เห็นอยู่แต่ห้อง” “ไม่มีเลย ญาติฉันที่เคยอยู่ไทยตั้งแต่ย่าเสียไปปีก่อนก็ขายบ้านย้ายไปอยู่ต่างประเทศหมด เพื่อนที่ไทยฉันก็ไม่มี แต่ฉันอยู่ได้นะฉันชอบชีวิตอิสระ เป็นคนโลกส่วนตัวสูงนิดหนึ่งอะ” “มีอะไรให้โทรหาฉันนะ เหงาก็บอกเดี๋ยวฉันไปอยู่เป็นเพื่อน อยากไปไหนอะไรยังไงก็โทรมาแล้วกัน” “นายรู้ตัวปะว่านายหน้าสวยมาก ถ้าไม่เห็นว่าเจ้าชู้มีสาวไปเรื่อย ฉันคงคิดว่านายเป็นตุ๊ดอะนี่ฉันพูดจริงๆ คือสาวมาก” “หน้าหวานก็ไม่ได้หมายความว่านิสัยต้องหวานเปล่าวะ ฉันนี่ผู้ชายแมนๆเลย ลองดูสักทีสองทีไหมล่ะ” “เออ นายมีพี่ชายนี่ พี่เรนใช่ไหม? ฉันจำได้ว่าเคยเล่นกันตอนเด็กๆ แต่กับนายฉันไม่มีความทรงจำร่วมด้วยเลย” “ฉันก็ไม่รู้จักเธอเหมือนกัน แต่เราเริ่มทำความทรงจำดีๆด้วยกันใหม่ก็ได้นี่ เราเป็นแฟนกันแล้วนะ” เริ่มหวั่นไหวกับคำว่าแฟนเหมือนกันจากที่เคยตั้งแง่ว่าทำดีเพื่อให้มีข้ออ้างไว้เลิก กลับคิดใหม่ว่ามันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร สโนว์ก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิด แต่จะติดตรงเรื่องสาวๆนี่แหละที่ยังไม่โอเค “นี่สโนว์ ฉันถามอะไรหน่อยสิ คือที่เราเป็นแฟนกันเนี่ยนายจริงจัง แค่ไหนเหรอ หรือเล่นๆฉันจะได้ทำตัวถูก” “จะตอบยังไงดีล่ะ กับคนอื่นฉันก็รู้สึกได้เลยนะว่าจะคบเล่นๆบางคนเห็นหน้าแล้วรู้เลยว่าสามวันต้องเลิก แต่เธอมันต่างอะบอกไม่ถูก ฉันไม่ได้รู้สึกว่าคบเล่นๆแล้วเลิกแต่ก็พูดว่าจริงจังไม่เต็มปากเพราะฉันก็ไม่เคยจริงจังกับใครเหมือนกัน” “เราเป็นแฟนกันง่ายจนฉันไม่กล้าเปิดใจเลยเนี่ย” “ลองเปิดใจกับฉันดูก็ไม่เสียหายนะ ฉันให้เธอเป็นแฟนที่พิเศษกว่าที่ผ่านมาเลย ไม่ได้เล่นๆแล้วกันจะลองดูไหมล่ะ” “ไม่รู้สิ ก็ลองๆเปิดใจดูก็ได้ถ้าไปรอดก็โอเคแต่ถ้าไม่รอดก็หยุด งั้นฉันขออะไรก่อนเลยได้ไหม ฉันขอเรื่องผู้หญิงของนายน่ะทั้งที่ผ่านมาและอนาคตถ้าคิดจะคบกับฉันห้ามมี มันเหมือนโดนหักหลังฉันไม่ชอบ ฉันไม่ใช่ผู้หญิงเข้มแข็งนะสโนว์” เขาลุกขึ้นนั่งแล้วยกมือมาประคองหน้าฉันให้เงยสบตากับเขาก่อนที่จะก้มหน้าลงมากดจูบที่หน้าผากฉันค้างไว้แบบนั้น ฉันจะถอยหนีก็ไม่ได้เพราะเขารั้งหัวฉันอยู่ “ลองคบกันดูแล้วกันนะครับ” “รู้แล้วๆ อย่ามาใกล้มากสิเดี๋ยวฉันติดหวัด” “ไม่ติดหรอก ฉันไม่ได้เป็น” กะไว้แล้วไม่มีผิด ฉันส่ายหัวแล้วก้มหน้ามองข้าวในจานแต่สายตาดันไปสบกับกางเกงบ็อกเซอร์ของสโนว์เข้า คือเข้าใจไหมว่าฉันนั่งพื้นแล้ว สโนว์นั่งบนโซฟา เรานั่งตรงกันแล้วสโนว์นั่งอ้าขาไง อ้าสุด! แล้วตัวฉันอยู่หว่างขาเขาตอนนี้ที่บ็อกเซอร์มันร่นขึ้นซะตึงเป้าเลย เห็นแล้วใจคอไม่ดีเลย... “วันนี้นายไม่ออกไปไหนเหรอ?” “จะถามก็มองหน้าด้วย จ้องหรรมฉันจนมันจะตั้งแล้วเนี่ย!! ก็ไม่รู้จะไปไหนอะ ปกติมีสาวๆแต่ตอนนี้มีเธอเลยอยู่กับเธอมั้ง” “ทำเป็นพูดดีไป” วันนี้ทั้งวันฉันใช้ชีวิตอยู่กับสโนว์ที่ห้อง เราดูหนังด้วยกันจบไปสองเรื่องแล้วก็พูดคุยอะไรกันมากมายเลยล่ะ สโนว์เวลายิ้มเวลาหัวเราะเหมือนโลกมันสดใสขึ้นทันที นี่ฉันมีแฟนที่หน้าสวยกว่าตัวเองอยู่ใช่ไหม “จะกลับแล้วเหรอ นอนด้วยกันก็ได้นะกี้” “ดึกแล้ว ฉันไม่นอนให้นายปล้ำง่ายๆหรอกนะ” “เห็นฉันเป็นคนยังไงเนี่ย โอเค พรุ่งนี้เจอกัน ฝันดีนะแฟน” “อื้ม กู๊ดไนท์นะ” สโนว์เดินมาส่งฉันที่หน้าประตูห้องทั้งที่ไม่ต้องมาส่งก็ได้ประตูห้องห่างกันแค่นี้เอง วันนี้ถือว่าโอเคในความรู้สึกดีๆกับผู้ชายคนนี้นะ ในสถานะแฟนถือว่าคอมพลีตเลยล่ะ ฉันจะเปิดใจจริงๆจังๆ SNOW TALK ผมว่าเธอน่าจะเป็นไม้กันหมาให้ผมกับไอซ์ได้เป็นอย่างดี แต่จริงๆก็ ชอบเธอนะดูเป็นผู้หญิงมีค่ากว่าผู้หญิงที่ผมผ่านมา เธอดึงดูดสายตาผมเวลาเธอยิ้ม ผมถึงชอบแกล้งหรือทำอะไรให้เธอยิ้มและหัวเราะออกมามันน่ามองกว่าหน้าปกติของเธอที่หน้านิ่งๆแล้วดูเหมือนหยิ่งมาก วันนี้ช่วงบ่ายผมต้องพาเธอไปที่บ้านผม นี่ผมยังตกใจกับเรื่องบังเอิญของเราอยู่เลยนะ บางทีมันก็บังเอิญไปหรือเปล่าโลกทั้งโลกมีคนกี่ล้านล้านคนแต่พ่อเรากลับเป็นเพื่อนกัน ไม่พอนะ ลูกยังมาเจอกันอีก ผมว่าโลกเรามัน น่ากลัวนะแต่ก็ไม่เสมอไปหรอก บางทีอาจจะเหวี่ยงคนที่ใช่มาให้ก็ได้ใครจะ ไปรู้ ผมถึงอัธยาศัยดีกับสาวๆทุกคนที่เข้ามาไง ออดดดดดดดดดดด ออดดดดดดดดดด มาอ่อยเอาคะแนนถึงห้องสักหน่อย.. “สโนว์ นี่ยังไม่บ่ายเลยนะเพิ่งจะแปดโมงจะรีบมาเรียกทำไม” “หิว” “แต่ฉันยังไม่ตื่นเลยนะดูสภาพฉันซะก่อน” “หิวอะ” “นายไปหาอะไรข้างล่างกินไม่ได้เหรอ ฉันมีแต่มาม่ากับขนม” “หิวจังเลยครับ” “เห้ออออ เข้ามาๆ” เธออยู่ในชุดนอนกางเกงลายวัวสีขาวดำ หน้าตาและสภาพผม บ่งบอกได้เลยว่ายังไม่ตื่น ยืนหาววอดๆอยู่หน้าประตูอีกต่างหาก ผมรีบเบียดตัวเข้าไปในห้องเธอด้วยความรวดเร็ว จริงๆผมก็ไม่ใช่คนตื่นเช้าขนาดนี้หรอกนะถ้าวันไหนอยู่ห้องก็จะตื่นสายโด่งบางทีก็ตื่นบ่ายโน่น แต่วันนี้อยากมาแกล้งเธอเลยตื่นเช้าหน่อย “อะ มาม่า แล้วนี่ขนมนะถ้าไม่อิ่มก็กินเลย” “ไม่กินด้วยกันเหรอ” “ไม่ล่ะนายกินเถอะ” ผมก้มมองดูของกินที่อยู่ตรงหน้าด้วยความปลื้มปริ่มแล้วหันไปมองเธอที่เดินอาดๆไปนอนที่โซฟา โทรทัศน์ถูกเปิดแล้วเลื่อนหาช่องที่ถูกใจจนไปหยุดอยู่ที่ช่องการ์ตูนช่องหนึ่ง บาร์บี้... เห็นแล้วก็อดยิ้มไม่ได้เลยอะที่เห็นเธอนั่งดูบาร์บี้อย่างตั้งอกตั้งใจขนาดนั้น ผมหันมากินมาม่าและขนมตรงหน้าอีกครั้งด้วยความหิว ที่บอกเธอว่าหิวน่ะคือผมหิวจริงๆเลยมาอ้อน จริงๆที่ห้องก็มีอาหารแช่แข็งอยู่แค่เอาเข้าไมโครเวฟก็กินได้แต่ผมไม่กิน อยากจะมากวนใจเธอเล่นๆมากกว่า อยากเห็นเธอทำโน่นทำนี่ให้ผมกิน อ่อ ตอนผมโทรไปบอกแม่ว่าผมกับกี้รู้จักกันแล้วผมจะพากี้เข้าไปที่บ้านเองแม่ผมตกใจอยู่เหมือนกันแต่ก็ดีใจที่ผมได้เจอกับกี้ซะก่อนจะได้ไม่เกร็ง แม่ผมก็แซวๆนะว่าผมพาสาวคนแรกเข้าบ้านซึ่งมันก็จริงแหละผมไม่เคยพาผู้หญิงที่ไหนเข้าบ้าน แต่นี่ก็แขกของบ้านไงที่พ่อเชิญมาก่อนหน้านี้แล้ว ผมเลยบอกแม่ไปว่าผมกับกี้ดูใจกันอยู่ แม่ผมแทบจะแห่ขันหมากมาขอกี้ให้ผมเลยเหอะ คือแม่อยากให้ผมมีแฟนดีๆสักคนไว้คอยดูแลผมแต่ผมก็ยังหาไม่เจอไงอีกอย่างตัวผมเองไม่ได้จริงจังอะไรขนาดนั้น ถึงผมมีคู่หมั้นแล้วแต่ พ่อแม่ผมก็ไม่ใช่ว่าจะชอบพออะไรไอซ์นะ น้องดูรุกผมจนเกินงามไปหน่อย บางทีก็มากเกินไปด้วยซ้ำ ผมก็ไม่ชอบ แต่ผมทำอะไรไม่ได้มากเพราะไอซ์ ขี้โรค พอปฏิเสธก็ร้องไห้จนช็อคไปอีก บางทีผมหนีหน้าก็เครียดจนต้องเข้าโรงพยาบาล ผมก็เบื่ออะไรแบบนี้เหมือนกัน “กี้ ในตู้เย็นมีนมหรือเปล่าฉันอยากกินนม” “....” เมื่อไม่มีคำตอบจากคำถามที่ผมถามเลยหันไปดูเจ้าตัวที่โซฟาปรากฏ ว่าเธอหลับ ผมเลยหยิบถ้วยมาม่าที่กินหมดแล้วเข้ามาล้างในครัวแล้วก็เปิดตู้เย็นหานมกิน ถือโอกาสตอนเธอหลับแอบเดินสำรวจห้องเลยแล้วกัน ผมเดินดูไปทั่วทุกมุมก็จะมีแต่โมเดลตุ๊กตาน่ารักตัวเล็กตัวน้อย ตุ๊กตาชักกี้ศิลปินที่เธอชื่นชอบครบทั้งวงและดูท่าจะหลายเวอร์ชั่นด้วย รูปครอบครัวของเธอ รูปตัวเธอเองเต็มห้องไปหมด แต่ผมไปสะดุดตากับกรอบรูปอันขนาดพอดีที่วางอยู่หลังปฏิทินตั้งโต๊ะ รูปเธอตอนเด็กจูงมือเด็กผู้ชายอยู่แต่ไม่เห็นหน้าเพราะเด็กผู้ชายคนนั้นหันหลังส่วนเธอหันหน้ามายิ้มให้กล้อง ผมไม่ได้ใส่ใจอะไรคงจะเป็นญาติพี่น้องอะไรของเธอนั่นแหละ เดินวกกลับมาหาเธอที่ยังหลับสนิทอยู่อีกครั้งแล้วหยิบรีโมททีวีกับหมอนอิงอีกใบมานอนตรงพื้นแทน คอนโดเราจะเป็นโซฟาเดี่ยวตัวยาวตัวเดียวน่ะผมเลยนอนพื้นแทน END TALK ฉันตื่นมาอีกทีก็เห็นสโนว์นอนอยู่ที่พื้นข้างโซฟาแล้ว ที่สำคัญไปกว่าการนอนคือเป้ากางเกงบ็อกเซอร์สโนว์มัน....ตั้ง!!! เคยรู้มาบ้างว่าเวลาผู้ชายหลับอันนั้นมันก็จะตั้งๆหดๆใช่ไหมล่ะแต่ตอนนี้มันตั้งอยู่ไง โอ้โห..ไม่เคยเห็นอะขอมองหน่อยแล้วกัน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม